วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564

 


EP.24 เที่ยวเวียงจันทน์ทริปสั้นๆ


ลาว คือประเทศที่ 2 ที่ผมได้เดินทางไปโดยประเทศแรกก็คือ กัมพูชา ซึ่งมักจะมีคนไทยหลายๆคนเปรียบเปรยว่าลาวบ้านพี่เมืองน้องกับไทย โดยยกไทยเป็นพี่และให้ลาวเป็นน้อง แต่ในสายตาและมุมมองของคนลาวส่วนใหญ่เขาไม่ได้อยากเป็นเมืองน้องของไทยแต่พวกเขาคิดว่าประเทศตนเองคือประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งหากไปเที่ยวลาวแล้วการไปพูดว่าลาวเป็นเมืองน้องนั้นบางทีอาจจะเป็นคำที่ดูถูกประเทศลาวแม้ว่าไม่ได้คิดอะไรและไม่มีเจตนา แต่การหลีกเลี่ยงการพูดที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจคนส่วนใหญ่คือสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับประเทศลาวนั้นผมเชื่อว่าคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากมีพรมแดนติดกัน วัฒนธรรมก็คล้ายคลึงกันโดยเฉพาะในภาคอีสานของไทยค่อนข้างมีวัฒนธรรมหลายๆอย่างที่เหมือนประเทศลาวเป็นอย่างมากแถมไทยและลาวยังเป็น 2 ประเทศในแถบอาเซียนที่สามารถพูดและสื่อสารเข้าใจกันได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องพูดผ่านภาษาอังกฤษแบบประเทศอื่นๆ

ผมเที่ยวลาวก็หลายครั้ง แต่น่าแปลกนักที่ผมมีภาพบรรยากาศและคลิปวีดีโอของประเทศลาวนั้นน้อยมากๆส่วนหนึ่งคือผมมักจะใช้ลาวเป็นทางผ่านแวะพักเสียมากกว่าก่อนที่จะเดินทางไปยังเวียดนามหรือกัมพูชาซึ่งทำให้เวลาในการเที่ยวแบบยาวๆแทบไม่มี เนื่องจากผมอยู่เต็มที่ก็แค่ 1-2 วันเท่านั้น แต่ระยะเวลาสั้นๆผมก็พยายามหาโอกาสเที่ยวบ้างหากเวลายังเหลือ หนึ่งในทริปที่ผมได้เที่ยวในประเทศลาวก็คือเมืองหลวงอย่างกรุงเวียงจันทน์ โดยการท่องเที่ยวในกรุงเวียงจันทน์ก็ไม่ได้ยากอะไร หากเน้นเที่ยวแบบสบายก็สามารถเรียกรถรับจ้างหรือรถสกายแลปให้พาเที่ยวยังสถานที่ต่างๆได้ แต่หากเน้นประหยัดแบบผมก็คือการเดินเที่ยวหรือไม่ก็ขี่จักรยาน เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในเวียงจันทน์ส่วนมากก็ไม่ได้ไกลกันมาก ตอนที่ผมไปเที่ยวก็ใช้แผ่นโบรชัวร์แผ่นเดียวที่หยิบมาจากศูนย์ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว โดยจะมีการบอกรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวและแผนที่ซึ่งดูแล้วก็สามารถเข้าใจได้ง่าย สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคไปบ้างนั่นก็คือ แดดนั่นเองซึ่งแดดที่เวียงจันทน์ก็ไม่ต่างจากแดดในเมืองไทยที่ร้อนระอุพร้อมเผาผิวหนังให้ไหม้เกรียมกันได้เลยทีเดียว

สำหรับการท่องเที่ยวในเวียงจันทน์ของผมนั้นส่วนมากจะเน้นไปสถานที่ต่างๆที่ไม่ใช่วัด สาเหตุก็เพราะวัดในลาวไม่ต่างอะไรกับวัดในเมืองไทย เดินเข้าไปก็ให้อารมณ์เหมือนเที่ยววัดในเมืองไทยด้วยเหตุนี้ผมนึงไม่เน้นเที่ยวในเมืองลาว โดยที่ผมได้ไปหลักๆก็จะเป็น ประตูไซ ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเวียงจันทน์ โดยประตูไซก็ได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากลาวเคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ยังคงได้รับอิทธิพลและอารยธรรมจากฝรั่งเศสมาพอสมควร ผมเที่ยวชมประตูไซทั้งด้านล่างและขึ้นไปชมด้านบนด้วยแต่หากจะขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนต้องจ่ายเงินก่อนที่จะขึ้นไป นอกจากนั้นก็ะเป็นพวกพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด พอตกเย็นสักหน่อยก็ไปเดินชมบรรยากาศของสวนสาธารณะซึ่งเปรียบไปแล้วก็ให้อารมณ์แบบสวนจตุจักรของเมืองไทย โดยจะมีในส่วนของอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ซึ่งอยู่ในท่าที่ยื่นมือขวาไปยังอีกฝั่งนึงของแม่น้ำโขงซึ่งก็คือฝั่งของไทยที่จังหวัดหนองคายเป็นการบ่งบอกว่าลาวพร้อมเป็นมิตรกับไทย โดยทิ้งอดีตที่เคยบาดหมางกันมาไว้เบื้องหลังและพร้อมเดินหน้าจับมือด้านเศรษฐกิจและอีกหลายด้านทั้งในปัจจุบันจนถึงอนาคต โดยผมเดินเล่นในสวนสาธารณะตั้งแต่บ่าย 4 โมงเย็นจนไปถึงช่วงเกือบ 3 ทุ่มจากนั้นจึงกลับที่พักและเป็นอันว่าจบการเที่ยวทริปสั้นๆที่กรุงเวียงจันทน์ไปในตัว


ประตูไซ สัญลักษณ์สำคัญของกรุงเวียงจันทน์

ด้านภายในมีสระน้ำขนาดเล็ก
พอตกเกิดคืนจะมีการเปิดไฟและมีน้ำพุ

วิวจากด้านบนของประตูไซ
สามารถมองเห็นวิวองกรุงเวียงจันทน์ได้แบบ 360 องศา

ถ่ายภาพให้เห็นอีกมุมนึง

พระธาตุดำ โดยชาวลาวมีความเชื่อกันว่า
เป็นที่อยู่ของพญานาคเจ็ดหัว

อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ ในลักษณะยื่นมือขวามายังฝั่งไทย
ซึ่งบ่งบอกถึงการผูกมิตรเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาว

บรรยากาศของสวนสาธารณะ
พอหลัง 6 โมงเย็นคนเริ่มคึกคัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น