ลาว

 


EP.24 เที่ยวเวียงจันทน์ทริปสั้นๆ


ลาว คือประเทศที่ 2 ที่ผมได้เดินทางไปโดยประเทศแรกก็คือ กัมพูชา ซึ่งมักจะมีคนไทยหลายๆคนเปรียบเปรยว่าลาวบ้านพี่เมืองน้องกับไทย โดยยกไทยเป็นพี่และให้ลาวเป็นน้อง แต่ในสายตาและมุมมองของคนลาวส่วนใหญ่เขาไม่ได้อยากเป็นเมืองน้องของไทยแต่พวกเขาคิดว่าประเทศตนเองคือประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งหากไปเที่ยวลาวแล้วการไปพูดว่าลาวเป็นเมืองน้องนั้นบางทีอาจจะเป็นคำที่ดูถูกประเทศลาวแม้ว่าไม่ได้คิดอะไรและไม่มีเจตนา แต่การหลีกเลี่ยงการพูดที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจคนส่วนใหญ่คือสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับประเทศลาวนั้นผมเชื่อว่าคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากมีพรมแดนติดกัน วัฒนธรรมก็คล้ายคลึงกันโดยเฉพาะในภาคอีสานของไทยค่อนข้างมีวัฒนธรรมหลายๆอย่างที่เหมือนประเทศลาวเป็นอย่างมากแถมไทยและลาวยังเป็น 2 ประเทศในแถบอาเซียนที่สามารถพูดและสื่อสารเข้าใจกันได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องพูดผ่านภาษาอังกฤษแบบประเทศอื่นๆ

ผมเที่ยวลาวก็หลายครั้ง แต่น่าแปลกนักที่ผมมีภาพบรรยากาศและคลิปวีดีโอของประเทศลาวนั้นน้อยมากๆส่วนหนึ่งคือผมมักจะใช้ลาวเป็นทางผ่านแวะพักเสียมากกว่าก่อนที่จะเดินทางไปยังเวียดนามหรือกัมพูชาซึ่งทำให้เวลาในการเที่ยวแบบยาวๆแทบไม่มี เนื่องจากผมอยู่เต็มที่ก็แค่ 1-2 วันเท่านั้น แต่ระยะเวลาสั้นๆผมก็พยายามหาโอกาสเที่ยวบ้างหากเวลายังเหลือ หนึ่งในทริปที่ผมได้เที่ยวในประเทศลาวก็คือเมืองหลวงอย่างกรุงเวียงจันทน์ โดยการท่องเที่ยวในกรุงเวียงจันทน์ก็ไม่ได้ยากอะไร หากเน้นเที่ยวแบบสบายก็สามารถเรียกรถรับจ้างหรือรถสกายแลปให้พาเที่ยวยังสถานที่ต่างๆได้ แต่หากเน้นประหยัดแบบผมก็คือการเดินเที่ยวหรือไม่ก็ขี่จักรยาน เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในเวียงจันทน์ส่วนมากก็ไม่ได้ไกลกันมาก ตอนที่ผมไปเที่ยวก็ใช้แผ่นโบรชัวร์แผ่นเดียวที่หยิบมาจากศูนย์ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว โดยจะมีการบอกรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวและแผนที่ซึ่งดูแล้วก็สามารถเข้าใจได้ง่าย สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคไปบ้างนั่นก็คือ แดดนั่นเองซึ่งแดดที่เวียงจันทน์ก็ไม่ต่างจากแดดในเมืองไทยที่ร้อนระอุพร้อมเผาผิวหนังให้ไหม้เกรียมกันได้เลยทีเดียว

สำหรับการท่องเที่ยวในเวียงจันทน์ของผมนั้นส่วนมากจะเน้นไปสถานที่ต่างๆที่ไม่ใช่วัด สาเหตุก็เพราะวัดในลาวไม่ต่างอะไรกับวัดในเมืองไทย เดินเข้าไปก็ให้อารมณ์เหมือนเที่ยววัดในเมืองไทยด้วยเหตุนี้ผมนึงไม่เน้นเที่ยวในเมืองลาว โดยที่ผมได้ไปหลักๆก็จะเป็น ประตูไซ ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเวียงจันทน์ โดยประตูไซก็ได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากลาวเคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้ยังคงได้รับอิทธิพลและอารยธรรมจากฝรั่งเศสมาพอสมควร ผมเที่ยวชมประตูไซทั้งด้านล่างและขึ้นไปชมด้านบนด้วยแต่หากจะขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนต้องจ่ายเงินก่อนที่จะขึ้นไป นอกจากนั้นก็ะเป็นพวกพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด พอตกเย็นสักหน่อยก็ไปเดินชมบรรยากาศของสวนสาธารณะซึ่งเปรียบไปแล้วก็ให้อารมณ์แบบสวนจตุจักรของเมืองไทย โดยจะมีในส่วนของอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ซึ่งอยู่ในท่าที่ยื่นมือขวาไปยังอีกฝั่งนึงของแม่น้ำโขงซึ่งก็คือฝั่งของไทยที่จังหวัดหนองคายเป็นการบ่งบอกว่าลาวพร้อมเป็นมิตรกับไทย โดยทิ้งอดีตที่เคยบาดหมางกันมาไว้เบื้องหลังและพร้อมเดินหน้าจับมือด้านเศรษฐกิจและอีกหลายด้านทั้งในปัจจุบันจนถึงอนาคต โดยผมเดินเล่นในสวนสาธารณะตั้งแต่บ่าย 4 โมงเย็นจนไปถึงช่วงเกือบ 3 ทุ่มจากนั้นจึงกลับที่พักและเป็นอันว่าจบการเที่ยวทริปสั้นๆที่กรุงเวียงจันทน์ไปในตัว


ประตูไซ สัญลักษณ์สำคัญของกรุงเวียงจันทน์

ด้านภายในมีสระน้ำขนาดเล็ก
พอตกเกิดคืนจะมีการเปิดไฟและมีน้ำพุ

วิวจากด้านบนของประตูไซ
สามารถมองเห็นวิวองกรุงเวียงจันทน์ได้แบบ 360 องศา

ถ่ายภาพให้เห็นอีกมุมนึง

พระธาตุดำ โดยชาวลาวมีความเชื่อกันว่า
เป็นที่อยู่ของพญานาคเจ็ดหัว

อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ ในลักษณะยื่นมือขวามายังฝั่งไทย
ซึ่งบ่งบอกถึงการผูกมิตรเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาว

บรรยากาศของสวนสาธารณะ
พอหลัง 6 โมงเย็นคนเริ่มคึกคัก


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
9 เมษายน 2564


EP.30 ธรรมชาติที่วังเวียง

ผมเอ่ยชื่อหัวข้อมาแบบนี้เชื่อเลยว่า ท่านที่เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวในประเทศลาวน่าจะร้องอ๋อและรู้จักเป็นอย่างดีหรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ใช่เซียนท่องเที่ยวในเมืองลาวแต่เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปก็คงจะต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของเมืองวังเวียงกันมาบ้าง โดยวังเวียงจัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศลาวเลยทีเดียว ในแต่ละปีนั้นนักท่องเที่ยวจากหลากหลายชาติจะแห่มาเที่ยวเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ถึงขนาดที่มีบล็อกเกอร์และยูทูปเบอร์ชาวเกาหลีใต้ลงอัพคลิปหรือเขียนบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในวังเวียงนั่นจึงทำให้บรรดาอาตี๋อาหมวยจากแดนกิมจิแห่มากันท่องเที่ยวที่ วังเวียง กันอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็จะต้องเจอคนเกาหลีอย่างแน่นอน

ผมไปเที่ยววังเวียงมาแค่ครั้งเดียวเมื่อตอนเดือนพฤศจิกายนของปี 2017 ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้เที่ยวที่ประเทศลาวเท่าไหร่แต่จะใช้เป็นทางผ่านเพื่อจะไปเวียดนามเสียมากกว่า แต่สำหรับการมาเที่ยววังเวียงนั้นเป็นสิ่งที่ผมจดอยู่ในลิสต์มานาน เพราะได้ยินทั้งคนไทยและต่างชาติพูดกันว่าอากาศที่วังเวียงดีและธรรมชาติสวย ยิ่งเมืองไทยกับลาวก็อยู่ใกล้กันแค่นี้จึงคิดว่าอย่างน้อยควรมาสักครั้งในชีวิต โดยผมได้นั่งรถตู้จากเวียงจันทน์มาถึงที่วังเวียงใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆก็จะเป็นแนวธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น น้ำตก ถ้ำ สระน้ำ ภูเขา แต่ไม่มีทะเลนะเพราะลาวเป็นประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดกับทะเลนั่นเอง โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเป็นที่เที่ยวยอดนิยมเลยก็คือ บลูลากูน ซึ่งเป็นสระน้ำที่ฟ้าใสแต่ที่ผมไปเห็นจริงๆมันก็คือ สระน้ำสีเขียวมรกตซะมากกว่า จุดนี้นักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษแต่หากไม่ชอบคนเยอะๆก็ยังจะมีบลูลากูนแห่งที่ 2 และที่ 3 ให้ได้เลือกไปเที่ยวกันแต่ความนิยมและความสวยงามจะสู้กับแห่งที่ 1 ไม่ได้

นอกจากบลูลากูนแล้วก็ยังมีในส่วนของถ้ำจังซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ในจุดใกล้ๆกับบลูลากูนโดยเป็นถ้ำขนาดใหญ่ด้านในมีการติดไฟส่องสว่างชัดเจนและมีหินงอกหินย้อยให้ได้ชมกัน ผมใช้เวลาไม่นานักในการเดินชมถ้ำเพราะก็ไม่ได้ต่างอะไรกับถ้ำในเมืองไทยมากนัก จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในวังเวียง โดยผมจะเน้นเที่ยวในที่ที่ไม่ดังมากนักและมีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ เพราะยิ่งคนเยอะก็จะสัมผัสความเป็นธรรมชาติและความเงียบสงบไม่ได้ จุดที่ผมได้ไปก็คือในส่วนของจุดชมวิวซึ่งในส่วนชื่อเรียกผมก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน แต่เอาเป็นว่าต้องเสียค่าเข้าชมให้กับคนดูแลในราคาไม่เกิน 20 บาท แต่ลำบากหน่อยตรงทางขึ้นและทางลงที่ค่อนข้างชันต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร แต่เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนสุดก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะวิวด้านบนค่อนข้างสวยงามมองเห็นวิวภูเขา ด้านล่างก็เป็นท้องนาและยังได้เห็นภาพของทะเลหมอกที่ยังปกคลุมทั่วฟ้าแม่ในตอนที่ผมไปจะเป็นเวลาในช่วงเกือบ 10 โมงแล้วก็ตาม 

ส่วนในช่วงเย็นผมได้ไปยังจุดที่เป็นถ้ำแต่ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่ไม่ใหญ่มากและคนก็ไม่นิยมมาเที่ยวแต่มีคนดูแลและรับฝากรถโดยจะมีที่ส่องไฟที่เอาไว้คาดหัวให้มา เนื่องจากภายในถ้ำค่อนข้างมืด ผมเดินเข้าไปคนเดียวในตอนเวลา 5 โมงเย็นเหลียวซ้ายแลขวามองหลังก็ไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวคนไหนนอกจากตัวผมเอง สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปแบบไม่สนอะไรทั้งนั้น ส่วนบรรยากาศในถ้ำก็ไม่ไ้ดสวยอะไรมากถ้าไม่มีไฟที่คาดไว้ตรงหัวก็คงมองแทบไม่เห็นอะไร สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินออกมาด้วยความผิดหวังเพราะถ้ำไม่ได้สวยงดงามตามที่คาดแถมถ้าหากถ้ำเกิดถล่มลงมาผมก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากเดินเข้าไปคนเดียวกลางบรรยากาศทุ่งหญ้าและท้องนาโล่งๆตะโกนอะไรออกไปคนก็คงไม่ได้ยินแต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของนักเดินทางซึ่งหากไม่ได้ออกจากคอมฟอร์ทโซนก็คงจะไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้แน่ๆ


ธรรมชาติของเมืองวังเวียง ประเทศลาว

จุดชมวิวด้านบนที่ผมได้ขึ้นไป
สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้อย่างชัดเจน

เมื่อมองลงไปด้านล่างจะเห็นวิวของท้องนา
แต่ถ้าหากมองขึ้นบนฟ้าจะเห็นวิวของทะเลหมอก

สะพานข้ามแม่น้ำหรือที่รู้จักกันดีในชื่อ สะพานส้ม

สะพานส้ม เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของวังเวียง
โดยเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักมาถ่ายรูปกัน

บลูลากูนของแท้ที่วังเวียง

ถึงแม้จะชื่อ บลูลากูน แต่สีของน้ำไม่ใช่สีฟ้าใส
แต่กลับเป็น สีเขียวมรกต ซะอย่างนั้น

บลูลากูนที่วังเวียงจะมีทั้งสิ้น 3 แห่ง
ภาพนี้คือ บลูลากูนแห่งที่ 2

บันไดทางขึ้นเพื่อเดินมาชมถ้ำ

ธรรมชาติของเมืองวังเวียง
สภาพอากาศบริสุทธิ์และสดชื่น

บรรยากาศภายในถ้ำจัง

ภายในถ้ำมีหินงอกและหินย้อยให้ชมอย่างมากมาย

มีไฟส่องสว่างชัด

ผมใช้เวลาสำรวจภายในถ้ำไม่นานนัก
ซึ่งจากที่ดูก็ไม่ต่างจากถ้ำที่เมืองไทยเท่าไหร่

บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ

จุดนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีเท่าไหร่
บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ

บรรยากาศระหว่างทางที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน

ตอนเย็นได้แวะเข้าอีก 1 ถ้ำ
แต่ผมจำชื่อถ้ำไม่ได้แล้ว

ลักษณะของถ้ำไม่ใหญ่มากนัก

ลักษณะภายในถ้ำค่อนข้างมืดทึบเลยทีเดียว
ยังดีที่มีไฟฉายคาดหัวทำให้พอเห็นบรรยากาศด้านใน

ผมเดินเข้าไปเพียงคนเดียว
ถ้าหากถ้ำเกิดถล่มลงมาผมคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
29 เมษายน 2564



EP.37 ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากภัยระเบิด

สงครามเวียดนาม คือ หนึ่งในสงครามตัวแทนที่เป็นการสู้รบกันระหว่างฝ่ายโลกเสรีที่นำโดยสหรัฐอเมริกา เจอกับ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งนำโดย สหภาพโซเวียต การรบในสงครามเวียดนามจึงเป็นการรบระหว่างฝ่ายเวียดนามเหนือหรือเวียดกงซึ่งมีโซเวียตให้การสนับสนุน กับ ฝ่ายเวียดนามใต้ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนและร่วมรบด้วย ผลที่ออกมาคือฝ่ายเวียดนามเหนือมีชัยชนะ แต่ผลของสงครามก็ทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ทั้งฝ่ายผู้แพ้และผู้ชนะ โดยหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามเวียดนามก็คือประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับเวียดนามซึ่งก็คือ ประเทศลาว โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวลาวก็มีมากอยู่พอสมควรโดยเฉพาะความสูญเสียต่อร่างกายและชีวิต

ชาวลาวต้องประสบกับเหตุร้ายจากสงครามเวียดนาม หลักๆเลยก็คือในเรื่องของระเบิด มีการระบุว่ามีระเบิดจำนวนมากมายมหาศาลที่ถูกทิ้งและถูกฝังในประเทศลาวซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลงานการกระทำจากบรรดาทหารอเมริกันซึ่งในยุคนั้นทางอเมริกาได้ใช้ไทยเป็นฐานทัพบัญชาการ เมื่อจะเดินทางไปยังเวียดนามก็หนีไม่พ้นที่จะต้องบินผ่านทางประเทศลาวซึ่งมีพรมแดนอยู่ระหว่าง 2 ประเทศคือไทยและเวียดนาม เมื่อถึงคราวที่จะต้องเดินทางกลับมายังฐานทัพในเมืองไทยแต่ปรากฎว่าระเบิดที่เตรียมไปยังเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ทหารอเมริกันจึงตัดสินใจที่จะทิ้งระเบิดและฝังระเบิดในพื้นที่ของประเทศลาว เนื่องจากสืบทราบมาว่ามีทหารฝ่ายเวียดกงได้ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศลาวเป็นฐานทัพซึ่งจากการที่ระเบิดถูกทิ้งและฝังอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวลาวที่ไม่ได้เกี่ยวกับสงครามต้องได้รับผลกระทบไปเต็มๆหลายรายต้องสังเวยชีวิตและก็มีอีกหลายรายที่ต้องสูญเสียอวัยวะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต
และจากการที่คนลาวหลายคนต้องมาได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดในยุคสงคราม ทำให้ทางการลาวได้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดโดยศูนย์ช่วยเหลือแห่งนี้อยู่ที่กรุงเวียงจันทน์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของลาว 

ตอนผมไปเที่ยวที่ลาวประมาณตอนปี 2019 ด้วยความรู้สึกที่อยากจะหาที่เที่ยวใหม่ๆของกรุงเวียงจันทน์จึงได้ค้นหาและสุดท้ายก็ได้เจอกับสถานที่แห่งนี้ ลักษณะบรรยากาศภายในก็จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาในการก่อตั้งสถานที่ เหตุการณ์จากยุคสงคราม ระเบิดชนิดต่างๆที่ถูกค้นพบและถูกฝังในประเทศลาว นอกจากนั้นยังมีในส่วนของขาเทียมและแขนเทียมซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อนำมาช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในเหตุภัยระเบิดจากยุคสงครามเวียดนาม รวมถึงยังมีในส่วนที่เป็นของที่ระลึกซึ่งนำมาวางจำหน่ายโดยรายได้ทั้งหมดก็จะนำไปช่วยเหลือแก่ผู้ประภัยจากเหตุระเบิดซึ่งหากใครซื้อของที่ระลึกเหล่านี้ก็เสมือนได้ทำบุญในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สำหรับศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากภัยระเบิดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีในทุกๆวัน โดยจากการที่ผมได้เดินดูผมว่าเป็นสถานที่ที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของการได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทั้งการได้ทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หากใครเบื่อสถานที่เที่ยวแบบเดิมๆซ้ำๆในเวียงจันทน์ การมาเที่ยวชมศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากภัยระเบิดก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ามาให้เห็นกับตาตัวเองอย่างมากเลยทีเดียว

ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากภัยระเบิด
ประจำกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว

ขาเทียมจำนวนมากมายถูกแขวนโชว์เอาไว้

ยุคสงครามเวียดนาม ประเทศลาวได้รับผลกระทบพอสมคว
โดยเฉพาะระเบิดที่ถูกทิ้งและถูกฝังอยู่อย่างมากมาย

หน้าตาของระเบิดชนิดต่างๆที่ถูกค้นพบ

ขาเทียมเหล่านี้เป็นสิ่งที่นำมาช่วยเหลือ
บรรดาผู้ประสบเหตุจากภัยระเบิด

ลูกระเบิดขนาดเล็กเป็นสิ่งที่ถูกพบเจออย่างมาก
ตลอดช่วงสงครามเวียดนาม

เรื่องราวของการทำขาเทียมซึ่งมีหลากหลายแบบ

จุดนี้จัดแสดงวิถีชีวิตของคนลาวในยุคสงคราม
โดยเล่าเรื่องจากสิ่งของต่างๆในสมัยนั้น

บรรดาของที่ระลึกเมื่อซื้อไปก็เหมือนการทำบุญ
โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากภัยระเบิด

หุ่นเหล็กแม่กับลูกตั้งโดดเด่นเป็นสง่า
อยู่บริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
21 พฤษภาคม 2564



EP.82 ลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์


ถ้าพูดถึงแลนด์มาร์กผู้คนก็จะเข้าใจกันโดยตรงกันว่าคือ สถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดเด่นของเมืองนั้นหรือประเทศนั้นโดยในประเทศลาวเพื่อนบ้านของเราก็มีแลนด์มาร์กเด่นๆอยู่หลายแห่งเช่นกันครับ เอาแค่เฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงเวียงจันทน์ก็มีแลนด์มาร์กตั้งอยู่มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งจะเป็นสถานที่ยอดนิยมในการมานั่งพักผ่อนรวมไปถึงการถ่ายรูปกับน้ำพุเริงระบำที่เปิดไฟส่องสว่างอย่างสวยงามในยามค่ำคืน

สำหรับลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์จะมีเสน่ห์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงยามราตรี เพราะจะมีการแสดงน้ำพุเริงระบำและจะมีการเปลี่ยนแสงสีไปเรื่อยๆซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ทำให้ในทุกๆคืนที่แห่งนี้มักจะเป็นจุดรวมของบรรดาผู้คนทั้งชาวกรุงเวียงจันทน์และบรรดานักท่องเที่ยว โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เวียงจันทน์ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศส่วนหนึ่งของลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์มาฝากให้ทุกท่านได้รับชมกันครับ


ลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของ
กรุงเวียงจันทน์และจะมีเสน่ห์อย่างมากในช่วงค่ำคืน

ลานน้ำพุในตอนกลางคืนจะมีการแสดงแสงสีอย่างสวยงาม
ซึ่งจะมีการสลับปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ

ผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมักจะมานั่งพักผ่อน
ถ่ายรูปและชมบรรยากาศตรงลานน้ำพุในทุกๆคืน

ป้ายลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะมีทั้งภาษาลาว
ส่วนภาษาอังกฤษจะเขียนว่า Namphou Park

บริเวณรอบๆพื้นที่ของลานน้ำพุจะมีร้านอาหาร
ซึ่งร้านที่ผมถ่ายรูปมาเป็นร้านอาหารแนวกึ่งผับ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
10 มกราคม 2566 


EP.83 ประตูไซ


กรุงเวียงจันทน์ คือ เมืองหลวงของประเทศลาวซึ่งก็แน่นอนครับว่าการที่เป็นเมืองหลวงนั่นก็ย่อมหมายถึงความสำคัญในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การปกครอง รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งในกรุงเวียงจันทน์ก็มีจุดท่องเที่ยวมากมาย โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจะดังมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ประตูไซ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่กลางนครหลวงเวียงจันทน์กันเลยทีเดียว

สำหรับประตูไซที่ชาวลาวจะเรียกกันถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส โดยถูกสร้างขึ้นก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษชาวลาวที่ในสมัยอดีตได้มีการรวมตัวและต่อต้านฝรั่งเศสเพื่อให้ชาติของตนเองหลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคมซึ่งก็ได้มีชาวลาวเสียชีวิตไปจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถูกยกย่องให้เปรียบเสมือนวีรบุรุษของชาติ ประตูไซจึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงบรรดาบรรพบุรุษชาวลาวนั่นเอง

ขณะที่ตัวสถาปัตยกรรมของประตูไซก็ดูจะได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมาพอสมควร นอกจากนั้นก็ยังมีอิทธิพลจากศิลปะในสไตล์แบบล้านช้างด้วยเช่นกันโดยจะเป็นพวกภาพจิตรกรรมที่จะเป็นภาพเรื่องราวความเชื่อทางศาสนาพุทธผสมผสานกับความเชื่อทางพราหมณ์ฮินดู ส่วนบรรยากาศรอบๆก็จะมีทั้งลานน้ำพุที่จะตั้งอยู่โซนด้านหลังและอยู่ติดกับสวนประตูไซซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่มีความร่มรื่น โดยในปัจจุบันประตูไซเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมซึ่งใครมาเที่ยวที่เวียงจันทน์ก็มักจะมาเที่ยวชมและถ่ายรูปกับประตูไซกันอย่างต่อเนื่อง


ประตูไซ เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของกรุงเวียงจันทน์
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศลาว

ป้ายนี้เป็นการเล่าประวัติของประตูไซ
ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรบุรุษชาวลาว

ถ้ามองไปด้านบนจะเป็นภาพจิตรกรรมในสไตล์แบบล้านช้าง
โดยเป็นภาพความเชื่อที่ผสมผสานระหว่างพุทธกับพราหมณ์ฮินดู

สินค้าของที่ระลึกมีอยู่อย่างมากมาย
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสินค้าที่เกี่ยวกับงานฝีมือ

บริเวณด้านหลังของประตูไซจะเป็นจุดของลานน้ำพุ
ซึ่งในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟแสงสีอย่างสวยงาม

พื้นที่รอบๆประตูไซก็มีการปลูกต้นไม้หลากหลาย
และทำเป็นพื้นที่สวนสาธารณะที่ให้ความร่มรื่น


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
14 มกราคม 2566


EP.84 ตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์


เวลาเดินทางท่องเที่ยวไปต่างแดนสิ่งที่ผมต้องทำตลอดทุกครั้งเปรียบเสมือนวิชาภาคบังคับก็คือ การเดินสำรวจตลาดของประเทศที่ผมได้ไปท่องเที่ยว โดยถ้าอยากซึมซับให้เข้าถึงความเป็นท้องถิ่นก็ต้องเดินดูตลาดในสไตล์แบบคนท้องถิ่น โดยใจกลางกรุงเวียงจันทน์ของประเทศลาวก็มีตลาดขายสินค้าที่น่าไปเดินเที่ยวชมไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ โดยจุดไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นตลาดที่เน้นขายกันในช่วงเวลากลางคืนจนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของกรุงเวียงจันทน์

สำหรับตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์จะเปิดขายกันทุกวันโดยจะเริ่มวางขายกันตั้งแต่ช่วงบ่าย 4 โมงเย็นและลากยาวกันไปจนถึงช่วงเวลาเที่ยงคืนซึ่งตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์จะตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ซึ่งจะอยู่แถวบริเวณริมแม่น้ำโขง ทำให้บรรยากาศในแต่ละวันจะมีความคึกคักเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้คนที่มาเดินซื้อสินค้าหรือกลุ่มผู้คนที่มานั่งพักผ่อนและออกกำลังกายบริเวณริมฝั่งโขง

ส่วนสินค้าต่างๆที่นำมาตั้งขายส่วนใหญ่เท่าที่ผมเห็นกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นพวกเสื้อผ้าแฟชั่น รองลงมาก็จะเป็นพวกรองเท้านอกจากนั้นก็จะมีสินค้าอื่นๆคละเคล้ากันไปทั้ง กระเป๋า เครื่องประดับต่างๆ ส่วนโซนของกินมีให้เห็นไม่เยอะมากซึ่งพวกร้านอาหารจะไปตั้งอยู่ใกล้ๆกับริมฝั่งโขง ซึ่งจากการที่ได้เดินสำรวจบรรยากาศก็พบว่าจะมีผู้คนชาวลาวมาเดินกันจนแน่นขนัดซึ่งมักจะมาเลือกซื้อสินค้าซึ่งมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ทำให้ตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมพอสมควรจากผู้คนท้องถิ่น


ตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์ ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะ
เจ้าอนุวงศ์ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับริมฝั่งแม่น้ำโขง

สินค้าที่ผมเห็นส่วนใหญ่เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ก็คือ เสื้อผ้า

ร้านทำเล็บเสริมความงามกำลังทำเล็บให้แก่ลูกค้า

ในแต่ละคืนจะมีผู้คนท้องถิ่นมาเดินดูของและซื้อสินค้า
กันเป็นจำนวนมาก

สินค้าที่ได้รับความนิยมรองจากเสื้อผ้าก็คือ รองเท้า

พวกเครื่องประดับต่างๆทั้งสร้อยคอ กำไลข้อมือ ต่างหู
ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากลูกค้าผู้หญิง

จิตรกรนำภาพวาดลวดลายต่างๆมาวางขาย
อยู่ตรงบริเวณด้านหน้าทางเข้าตลาด

ผมเดินสำรวจบรรยากาศไปเรื่อยๆจนมองไปเห็นพื้นที่ริมโขง
ซึ่งจะเป็นพวกร้านอาหารและมีเครื่องเล่นแบบตามงานวัดมากมาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 มกราคม 2566


EP.85 รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ
เส้นทาง เวียงจันทน์ - หนองคาย


ปัจจุบันการเดินทางไปยังต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากครับ ใครๆก็สามารถเดินทางกันไม่ได้และไม่ได้ลำบากซับซ้อนเหมือนกับในยุคสมัยก่อน โดยการเดินทางก็มีหลากหลายรูปแบบแต่ถ้าเน้นประหยัดก็คงต้องเดินทางด้วยรถบัสซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีรถบัสโดยสารเดินทางระหว่างประเทศ โดยจะเป็นรถบัสโดยสารระหว่างประเทศจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งรถบัสระหว่างประเทศที่ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้โดยสารก็คงหนีไม่พ้นรถบัสที่มีเส้นทางจากไทยไปลาวและจากลาวมายังฝั่งไทย

ผมเดินทางไปที่กรุงเวียงจันทน์ของประเทศลาวเมื่อช่วงปลายปี 2022 ซึ่งเดี๋ยวนี้การไปที่เวียงจันทน์ก็ไม่ยากอะไรครับเพราะมีรถบัสโดยสารระหว่างประเทศที่วิ่งจากไทยไปลาวและจากฝั่งลาวมายังไทย โดยเส้นทางจากไทยจะไปที่กรุงเวียงจันทน์ก็มีจุดเริ่มต้นทั้งที่กรุงเทพในสถานีขนส่งหมอชิต 2 รวมไปถึงจังหวัดทางภาคอีสานอย่างหนองคายและอุดรธานี ขณะที่การเดินทางจากฝั่งลาวมาที่ไทยก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเช่นกัน เพราะจะมีรถบัสระหว่างประเทศที่จะวิ่งจากกรุงเวียงจันทน์มายังประเทศไทยโดยจะมีจุดหมายปลายทางทั้งที่กรุงเทพ อุดรธานีรวมไปถึงหนองคาย

ผมเดินทางกลับไทยด้วยการใช้บริการรถบัสโดยสารระหว่างประเทศซึ่งมีเส้นทางจาก เวียงจันทน์มาที่หนองคายซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนอัตราค่าโดยสารจะแตกต่างกันระหว่างวันจันทร์ถึงศุกร์กับช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งวันจันทร์ถึงศุกร์จะมีราคาอยู่ที่ 50 บาท ส่วนราคาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะอยู่ที่ 60 บาท ส่วนจุดขึ้นรถบัสก็หาไม่ยากเพราะสถานีขนส่งจะตั้งอยู่ตรงย่านตลาดเช้าซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเวียงจันทน์ โดยรถบัสจะวิ่งมาถึงด่าน ตม.ฝั่งลาวและวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 เพื่อมายังฝั่งไทยที่จังหวัดหนองคายจนเมื่อผู้โดยสารผ่านการปั๊มพาสปอร์ตทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทย รถบัสก็จะวิ่งอีกในระยะทางที่ไม่ไกลเพื่อไปจอดสิ้นสุดระยะทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดหนองคาย


รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ เส้นทางเวียงจันทน์ - หนองคาย
จะมีให้บริการทุกวันโดยมีให้บริการวันละประมาณ 4 รอบ

บรรยากาศบนรถบัสโดยสารซึ่งที่นั่งจะเป็นแบบเก้าอี้คู่
และใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง

ราคาตั๋วโดยสารสำหรับวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะอยู่ที่ 60 บาท
แต่ถ้าเดินทางในวันธรรมดาค่าโดยสารจะอยู่ที่ 50 บาท

บรรยากาศระหว่างทางที่รถบัสโดยสารวิ่งผ่าน

รถบัสวิ่งมาถึงด่านพรมแดนของกรุงเวียงจันทน์
จุดนี้ผู้โดยสารต้องลงจากรถเพื่อทำการปั๊มพาสปอร์ต

เมื่อผ่านด่านฝั่งลาว รถบัสก็จะวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1
และวิ่งมาถึงด่านพรมแดนฝั่งไทยที่จังหวัดหนองคาย

เมื่อผ่านด่าน ตม.ทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทยรถบัสก็จะวิ่งอีกไม่ไกล
จนมาถึงสถานีขนส่งจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
22 มกราคม 2566


EP.89 อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์


เรื่องราวของประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางพอสมควรครับ เพราะเมื่อมีการเอ่ยถึงประวัติศาสตร์ที่แต่ละชาติเคยมีร่วมกันมาสุดท้ายแล้วมักจะตามมาด้วยการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดซึ่งในยุคปัจจุบันแม้ว่าจะเปลี่ยนจากสงครามมาเป็นความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ แต่เรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยอดีตก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะลืมเลือนได้ลง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่หลายๆชาติที่มักจะมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องร่วมกันมา

ตัวอย่างของประเทศเพื่อนบ้านที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาก็ไม่ต้องมองไปไหนไกลครับ เพราะเรื่องราวของไทยกับลาวก็มีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กันพอสมควร โดยในสมัยอดีตไทยกับลาวมีประวัติศาสตร์ร่วมกันทั้งในด้านการสู้รบหรือตอนที่ลาวเคยเป็นเมืองขึ้นของไทยซึ่งในประวัติศาสตร์ของไทยก็ได้มีการบันทึกไว้ว่าลาวในชื่อเดิมคือ อาณาจักรล้านช้าง เคยต้องเป็นเมืองขึ้นของสยาม (ไทย) ในช่วงยุคต้นของสมัยรัตนโกสินทร์ โดยผู้นำของอาณาจักรล้านช้างในยุคนั้นก็มีนามว่า เจ้าอนุวงศ์

ตามประวัติศาสตร์ของไทยบันทึกไว้ว่าช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 อาณาจักรล้านช้างภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ได้ทำการกบฎขึ้นแต่สุดท้ายกระทำการไม่สำเร็จและถูกจับตัวได้จนกระทั่งเสียชีวิตอยู่ในราชอาณาจักรสยาม แต่หากไปดูบันทึกทางประวัติศาสตร์ของทางฝั่งลาวจะบอกไปอีกแบบซึ่งจะมองว่าเจ้าอนุวงศ์คือวีรบุรุษของชาติที่ได้รวบรวมกำลังพลเพื่อปลดแอกจากการเป็นเมืองขึ้นของสยามประเทศ

ซึ่งจากข้อมูลบางส่วนที่ผมได้นำมาให้อ่านก็จะเห็นได้ชัดครับว่าประวัติศาสตร์ของไทยและลาวในเรื่องของเจ้าอนุวงศ์จะแตกต่างกันแบบสุดขั้ว ไทยมองว่าเจ้าอนุวงศ์คือกบฎ แต่ลาวมองว่าเจ้าอนุวงศ์คือวีรบุรุษของชาติซึ่งสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีก็คือประเทศลาวได้มีการสร้างรูปปั้นของเจ้าอนุวงศ์ไว้ในกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำโขง

สำหรับบริเวณอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวของกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะมีผู้คนแวะเวียนมากราบสักการะรูปปั้นของเจ้าอนุวงศ์กันแบบไม่ขาดสาย โดยรูปปั้นของเจ้าอนุวงศ์จะมีลักษณะยื่นมือขวาไปยังอีกฝั่งนึงของแม่น้ำโขงซึ่งตรงบริเวณนั้นก็คือ พื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ของจังหวัดหนองคายซึ่งนัยยะของรูปปั้นก็คงจะสื่อถึงการต้องการฟื้นความสัมพันธ์กับไทยและให้ลืมเรื่องราวความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ส่วนบรรยากาศรอบๆอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ผมว่าค่อนข้างคึกคักครับทั้งผู้คนที่มากราบสักการะรูปปั้นเจ้าอนุวงศ์และในช่วงเย็นก็ยิ่งเพิ่มความคึกคักไปอีกจากบรรดาผู้คนที่มานั่งชมวิวริมฝั่งโขง กลุ่มผู้คนที่มาวิ่งออกกำลังกายและกลุ่มผู้คนที่จะมาเดินซื้อของตรงบริเวณตลาดกลางคืน ซึ่งความบาดหมางและสงครามในอดีตได้ยุติลงและในปัจจุบันก็กลายมาเป็นความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ ส่วนประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้และไม่นำความบาดหมางในอดีตมาเป็นประเด็นให้ขุ่นข้องหมองใจกันอีกต่อไป


อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ซึ่งเป็นอดีตกษัตริย์ของลาว
ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำโขงในกรุงเวียงจันทน์

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมาสักการะกันอยู่แทบตลอด
โดยเจ้าอนุวงศ์ถือว่าเป็นวีรบุรุษของชาติลาวเลยทีเดียว

รูปปั้นม้าและช้างจำนวนมากซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนนำมาแก้บน

พื้นที่สวนสาธารณะริมฝั่งโขงซึ่งในตอนเย็น
จะมีผู้คนมาออกกำลังกายและนั่งพักผ่อนเป็นจำนวนมาก

รถยนต์วิ่งผ่านสัญจรกันในช่วงกลางวัน
แต่พอช่วงเย็นจะกลายเป็นพื้นที่ที่ผู้คนจะมาออกกำลังกาย

พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นประเทศไทย
โดยเป็นพื้นที่ของอำเภอศรีเชียงใหม่ในจังหวัดหนองคาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
11 กุมภาพันธ์ 2566


EP.93 ป้ายรถเมล์กรุงเวียงจันทน์


ตามเมืองหลวงของแต่ละประเทศมักจะมีผู้คนอาศัยอยู่กันค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นเมืองหลวงและมักจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้มักจะมีผู้คนอาศัยอยู่เยอะทั้งคนที่เกิดและเติบโตในเมืองหลวงรวมไปถึงผู้คนจากต่างพื้นที่ที่อพยพเพื่อเข้ามาทำมาหากินและเมื่อมีผู้คนอาศัยอยู่กันมากนั่นทำให้เมืองหลวงมักจะเต็มไปด้วยความหนาแน่นของประชากรและความต้องการในเรื่องของการอุปโภคบริโภคก็มีมากขึ้น

สำหรับกรุงเวียงจันทน์เมืองหลวงของประเทศลาวก็ไม่แตกต่างจากเมืองหลวงในประเทศอื่นครับ โดยกรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากที่สุดของประเทศลาวซึ่งเมื่อมีคนอาศัยอยู่เยอะก็ย่อมต้องมีสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนที่เข้ามาทำมาหากิน โดยหลักๆก็คือเรื่องของการเดินทางโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว ทางการของกรุงเวียงจันทน์ก็ได้มีการจัดรถเมล์ไว้บริการเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน

ผมไม่เคยมีโอกาสได้นั่งรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์แต่ได้มีโอกาสสำรวจป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะตั้งอยู่ตามจุดต่างๆทั่วกรุงเวียงจันทน์ โดยผมได้ไปสำรวจป้ายรถเมล์บริเวณใกล้ๆกับประตูไซซึ่งเมื่อลองดูจนทั่วแล้วก็พบว่าป้ายรถเมล์ของที่กรุงเวียงจันทน์ได้มีการปรับปรุงโฉมใหม่และมีความแข็งแรงคงทนมากยิ่งขึ้นรวมถึงรายละเอียดและข้อมูลต่างๆก็มีการระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนและเป็นประโยชน์แก่ผู้โดยสารพอสมควร

โดยป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์จะมีป้ายที่บอกข้อมูลของสายรถเมล์ที่จะมาเข้าจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร นอกจากนั้นจะมีการระบุช่วงเวลาที่รถเมล์จะวิ่งให้บริการรวมไปถึงพวกบรรดาแผนที่เส้นทางที่รถเมล์จะวิ่งผ่านซึ่งจะได้ทราบด้วยว่ารถเมล์จะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญอะไรบ้างในกรุงเวียงจันทน์ซึ่งเมื่อสำรวจป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์จนทั่วทำให้ในอนาคตข้างหน้าผมต้องลองนั่งรถเมล์ในกรุงเวียงจันทน์ดูสักครั้ง


ป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์สามารถพบเห็นได้ทั่ว
ในกรุงเวียงจันทน์ โดยปัจจุบันมีการปรับโฉมใหม่จนดูทันสมัย

ป้ายรถเมล์ยุคใหม่ของกรุงเวียงจันทน์จะมีการบอก
รายละเอียดต่างๆทั้งสายรถเมล์และแผนที่เส้นทาง

แผนที่เส้นทางของรถเมล์ในกรุงเวียงจันทน์
สังเกตุว่าจะมีบอกว่ารถเมล์จะผ่านสถานที่สำคัญอะไรบ้าง

ป้ายรถเมล์ที่ผมได้ไปสำรวจอยู่ใกล้กับประตูไซ
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเวียงจันทน์


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
27 กุมภาพันธ์ 2566


EP.133 ท่าเรือเมืองห้วยทราย


เมืองห้วยทรายเป็นเมืองเอกของแขวงบ่อแก้วซึ่งตั้งอยู่ทางโซนตอนเหนือของประเทศลาว ผมเพิ่งมีโอกาสได้แวะไปพักที่เมืองห้วยทรายเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้เอง โดยผมได้พักที่ห้วยทราย 2 คืนก่อนที่จะเดินทางเพื่อไปยังประเทศเวียดนามซึ่งขณะที่พักในเมืองห้วยทราย ผมก็ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากเพราะเอาจริงๆแล้วตัวเมืองห้วยทรายก็ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอะไรให้ทำมากนัก ดังนั้นช่วงเวลาที่อยู่ในห้วยทรายผมจึงตัดสินใจที่จะเดินสำรวจเมืองเสียมากกว่า

สำหรับในตัวเมืองห้วยทรายก็จะมีที่พักอยู่มากมายทั้งแนวโฮสเทลหรือแม้กระทั่งเกสต์เฮาส์ โดยที่เมืองห้วยทรายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักกันเยอะ เนื่องจากว่าห้วยทรายตั้งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับอำเภอเชียงของในจังหวัดเชียงรายนั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะมาแวะพักสัก 1-2 คืนก่อนที่จะเดินทางข้ามไปเที่ยวต่อในประเทศไทยซึ่งการเดินทางยอดนิยมระหว่างฝั่งห้วยทรายกับฝั่งเชียงของก็คงหนีไม่พ้นการนั่งเรือโดยสารข้ามฟากแม่น้ำโขง

สำหรับจุดของเรือข้ามฟากจะมีให้บริการอยู่บริเวณท่าเรือของเมืองห้วยทราย โดยที่บริเวณจุดนี้จะมีความคึกคักในทุกๆวันเนื่องจากมีผู้ที่เดินทางไปมาระหว่างฝั่งห้วยทรายกับฝั่งเชียงของกันอยู่ตลอดและการนั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำโขงก็ใช้เวลาไม่นานนัก โดยคนลาวฝั่งห้วยทรายส่วนใหญ่มักจะนิยมข้ามไปซื้อสินค้าจากฝั่งไทยแล้วนำกลับมาขายยังฝั่งลาว

ส่วนในรายของบรรดาของนักท่องเที่ยวที่เป็นสายแบกเป้เที่ยวก็นิยมการเดินทางด้วยวิธีนี้เช่นกัน โดยนอกจากที่จะมีเรือข้ามฟากระหว่างฝั่งห้วยทรายกับฝั่งเชียงของแล้วก็ยังมีเรือโดยสารที่ให้บริการไปยังเมืองหลวงพระบางซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของลาว โดยเรือที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือประเภทเรือช้าที่จะให้บริการล่องเรือจากห้วยทรายก่อนที่จะไปพักค้างคืนที่ปากแบ่ง 1 คืนก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่หลวงพระบาง 


ท่าเรือเมืองห้วยทรายเป็นจุดสัญจรที่สำคัญ
โดยมีเรือให้บริการข้ามฟากระหว่างฝั่งลาวและฝั่งไทย

ป้ายสำหรับขายตั๋วโดยสารสำหรับเรือข้ามฟากแม่น้ำโขง
เส้นทางจากห้วยทรายฝั่งลาวไปยังเชียงของในฝั่งไทย

จุดให้บริการรับฝากรถยนต์ซึ่งในแต่ละวัน
จะมีคนลาวมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ผมไม่ได้ใช้บริการจึงไม่ทราบราคาค่าโดยสาร

เรือช้า เป็นเรือที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเป็นอย่างมาก
โดยมีจุดหมายปลายทางก็คือ หลวงพระบาง

บริเวณรอบๆท่าเรือก็จะมีรถรับจ้างจอดให้บริการ

นอกจากนั้นก็จะมีทั้งโรงแรมที่พักรวมไปถึงร้านอาหาร
เพราะท่าเรือเมืองห้วยทรายเป็นจุดสัญจรยอดนิยม


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
19 มกราคม 2567


EP.141 จุดพักรถเมืองขวา


เมืองขวาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแขวงพงสาลีซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว โดยเมืองขวาถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการเดินทางเชื่อมต่อกันระหว่างลาวกับประเทศเวียดนาม โดยเมื่อช่วงก่อนสิ้นปี 2023 ผมได้มีโอกาสแวะไปที่เมืองขวา แต่ไม่ได้เป็นการไปท่องเที่ยวแต่เป็นแค่เพียงการแวะพักในระยะเวลาไม่นานนักซึ่งในครั้งนั้นผมได้เดินทางจากอุดมไซและจะไปยังเดียนเบียนฟูซึ่งรถบัสก็จะมาจอดแวะพักที่เมืองขวาแห่งนี้นี่เอง

สำหรับพื้นที่ของจุดพักรถที่เมืองขวาในแขวงพงสาลีจะเป็นจุดที่มีพวกรถบัสโดยสารมาจอดแวะพักกันอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นรถที่วิ่งในเส้นทางของประเทศลาวรวมไปถึงรถบัสที่วิ่งข้ามประเทศระหว่างลาวกับเวียดนามซึ่งการที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทางเนินขึ้นเขาซึ่งมีทางโค้งอยู่จำนวนมาก แต่เมื่อพอมาถึงจุดแวะพักก็อาจจะพอทำให้เหล่าคนเดินทางอาจจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากวิวทิวทัศน์ของจุดพักรถเมืองขวาจะมีวิวของภูเขาธรรมชาติและวิวของแม่น้ำอูซึ่งมีความสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนบรรยากาศของจุดพักรถเมืองขวาก็จะมีพวกร้านค้าและร้านอาหารเปิดให้บริการแก่ผู้ที่มาแวะพัก โดยมีอาหารท้องถิ่นของทางลาซึ่งผมดูแล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากอาหารทางภาคอีสานของเมืองไทยรวมทั้งพวกร้านค้าต่างๆก็จะมีการจำหน่ายพวกเครื่องดื่มและของที่ระลึกต่างๆ ขณะเดียวกันก็ยังมีพวกบรรดากลุ่มชาติพันธ์ุนำสินค้ามาวางขายแบบแบกะดินซึ่งบรรยากาศของจุดพักเมืองเมืองขวาในแต่ละวันค่อนข้างจะคึกคัก เพราะจะมีรถโดยสารมาจอดแวะพักกันตลอดทั้งรถที่จะไปเวียดนามหรือรถที่จะไปทางหลวงพระบางซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของ สปป.ลาว


จุดพักรถเมืองขวาเป็นจุดพักรถที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว

พื้นที่ของเมืองขวาจะตั้งอยู่ในแขวงพงสาลี
ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว

วิวทิวทัศน์บริเวณจุดพักรถจะมีความเป็นธรรมชาติอยู่สูง
ทั้งวิวของภูเขาต้นไม้และแม่น้ำ

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจุดพักรถ
ซึ่งจะมีพวกขนม เครื่องดื่มขายให้แก่ผู้คน

กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศลาว
ได้มีการนำสินค้าพวกผักไม้มาวางขายแบบแบกะดิน

อาหารที่มีขายบริเวณของจุดพักรถเมืองขวา
ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารที่คล้ายๆกับอาหารอีสานของเมืองไทย

บรรดาผู้โดยสารมานั่งรับประทานอาหาร
โดยช่วงที่รถจอดแวะพักเป็นช่วงเวลาประมาณเที่ยงวัน

รถมินิบัสคันสีขาวเป็นคันที่ผมได้โดยสารมา
โดยผมนั่งจากอุดมไซและจะไปเดียนเบียนฟูในประเทศเวียดนาม


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
19 มีนาคม 2567


EP.152 รถโดยสารระหว่างประเทศ
มุกดาหาร - สะหวันนะเขต


การเดินทางจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยรถบัสโดยสารถือว่าเป็นวิธีการเดินทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางประเภทแบกเป้เที่ยว เพราะถึงแม้จะใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าการนั่งเครื่องบิน แต่การเดินทางด้วยรถบัสถือว่าได้สร้างประสบการณ์การเดินทางให้แก่กลุ่มแบ็คแพคเกอร์เป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางในความหมายของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ไม่ได้มีแค่ไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่เรื่องราวระหว่างทางหรือระหว่างการเดินทางก็ได้สร้างประสบการณ์ให้แก่นักเดินทางประเภทแบกเป้เที่ยวได้เป็นอย่างมาก

สำหรับหนึ่งในเส้นทางของรถบัสโดยสารระหว่างประเทศจากไทยไปยังประเทศลาวก็คือ เส้นทางมุกดาหาร - สะหวันนะเขต โดยเป็นการเดินทางในระยะทางที่ไม่ไกลมากนักซึ่งการเดินทางจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่อาจจะมีเลทนิดหน่อยจากการต้องผ่านขั้นตอนของด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยรถบัสโดยสารในเส้นทางนี้จะมีให้บริการอยู่ทุกวัน วันนึงก็มีวิ่งอยู่หลายรอบซึ่งรถบัสรอบแรกก็วิ่งกันตั้งแต่รอบเช้าและรอบสุดท้ายก็ประมาณช่วงหัวค่ำ ส่วนอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ 50 บาทต่อคน

ส่วนบรรยากาศระหว่างการเดินทาง ผมสังเกตุว่ารถบัสโดยสารระหว่างประเทศในเส้นทางมุกดาหารไปยังสะหวันนะเขตในแต่ละวันจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการอย่างมากมายซึ่งเมื่อขึ้นไปบนรถก็จะอยู่ที่ความว่องไวของผู้โดยสารแต่ละคน ใครขึ้นรถได้ก่อนก็จะได้นั่งส่วนพวกที่ขึ้นมาทีหลังก็ต้องยืนเอาเพราะไม่มีที่นั่งว่างเหลืออยุ่แล้ว โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนลาวมากกว่าคนไทย ส่วนนอกนั้นก็มีจะชาวต่างชาติปะปนมาบ้าง โดยรถบัสจะวิ่งผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งไทยและลาวและวิ่งผ่านสะพานมิตรภาพซึ่งจะเห็นวิวบรรยากาศของแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน ส่วนรอบที่ผมเดินทางออกจาสถานีขนส่งมุกดาหารคือตอน 7 โมงเช้าและเดินทางถึงสถานีขนส่งสะหวันนะเขตตอนประมาณ 8 โมง 20 นาที


รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ (ไทย - ลาว)
คันนี้เป็นเส้นทางจากมุกดาหาร - สะหวันนะเขต

รถบัสมีวิ่งให้บริการทุกวัน วันละประมาณ 14 รอบ
โดยรอบแรกตอน 06.15 น. ส่วนรอบสุดท้ายตอน 19.00 น.

บรรยากาศบนรถบัส สังเกตุได้ว่าจะเนืองแน่นไปด้วย
ผู้โดยสารซึ่งมีทั้งคนไทย คนลาวและผู้โดยสารชาติอื่นๆ

รถบัสโดยสารจะจอดให้ผู้โดยสารลงไปผ่านขั้นตอน
การตรวจคนเข้าเมืองของทั้ง 2 ประเทศ

ผมเดินทางมาถึงสถานีขนส่งสะหวันนะเขตในประเทศลาว
ตอนประมาณ 8 โมงกว่าๆ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
7 มิถุนายน 2567


EP.168 สถานีขนส่งสะหวันนะเขต


เวลาผมเดินทางท่องเที่ยว ผมจะเที่ยวในสไตล์แบบแบ็คแพ็คเกอร์หรือการแบกเป้เที่ยวโดยจะเน้นการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลักซึ่งเมื่อเลือกเดินทางในรูปแบบนี้ก็ทำให้ผมได้มีโอกาสเดินทางด้วยรถบัสบ่อยครั้งซึ่งพวกรถบัสโดยสารก็มักจะจอดกันอยู่ตามสถานีขนส่งนั่นจึงทำให้ผมได้ไปตามสถานีขนส่งตามที่ต่างๆอยู่บ่อยๆซึ่งในช่วงกลางปีที่ผ่านมาผมก็ได้ไปขึ้นรถบัสโดยสารที่สถานีขนส่งสะหวันนะเขตซึ่งตั้งอยู่ในประเทศลาว

สถานีขนส่งสะหวันนะเขตเป็นสถานีขนส่งหลักของแขวงสะหวันนะเขตซึ่งที่นี่จะมีรถบัสและรถตู้โดยสารให้บริการอยู่อย่างมากมาย โดยจากการที่ผมได้เดินสำรวจบรรยากาศก็พบว่าจะมีรถบัสที่เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆและแขวงต่างๆของประเทศลาวไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงอย่างกรุงเวียงจันทน์ รวมไปถึงจุดหมายปลายทางอื่นๆทั้งแขวงอัตตะปือ แขวงคำม่วน แขวงพงสาลี แขวงอุดมไซและแขวงอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีรถบัสโดยสารที่วิ่งให้บริการไปยังต่างประเทศซึ่งจะเป็น 2 ประเทศเพื่อนบ้านของลาวไม่ว่าจะเป็น ไทยรวมไปถึงเวียดนาม โดยรถบัสที่วิ่งมาฝั่งไทยจะเป็นรถบัสที่วิ่งมายังจังหวัดมุกดาหาร ส่วนรถบัสที่ไปยังเวียดนามจะมีวิ่งไปทั้งที่เว้ ดานัง ด่งฮา ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนกลางของเวียดนามทั้งหมด ขณะที่บรรยากาศส่วนอื่นๆก็จะมีจุดของร้านอาหารซึ่งเป็นร้านแบบท้องถิ่น เมนูอาหารที่ขายหลักๆในช่วงเช้าก็จะเป็น ข้าวเปียกเส้น ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับเมนูเฝอของทางเวียดนาม


สถานีขนส่งสะหวันนะเขตตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศลาว

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารซึ่งที่นี่มีทั้งรถบัสและรถตู้
วิ่งให้บริการแก่ผู้โดยสารเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ

ตารางเส้นทางเดินรถที่สถานีขนส่งสะหวันนะเขต
ซึ่งจะเห็นว่ามีรถที่วิ่งไปทั้งที่ไทยและเวียดนาม

ผมเดินถ่ายคลิปบรรยากาศที่สถานี
ก่อนที่จะนั่งรถบัสคันนี้เพื่อเดินทางไปที่ดานังในประเทศเวียดนาม

ร้านอาหารที่อยู่ภายในสถานี ผมเดินทางไปถึงช่วงเช้า
ก็เห็นคนไปนั่งทานข้าวเปียกเส้นกัน

ผมถ่ายภาพมุมกว้างของสถานีขนส่งสะหวันนะเขต
ซึ่งบรรยากาศก็ดูไม่แตกต่างจากสถานีขนส่งอื่นๆในลาวเท่าไหร่


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
7 ตุลาคม 2567

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น