EP.45 วัดพนม
สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงพนมเปญมีอยู่หลายแห่งครับ เพราะพนมเปญคือเมืองหลวงของกัมพูชา โดยเมืองหลวงของแต่ละประเทศก็ย่อมมีจุดขายและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย ทั้งนี้ก็เพราะบรรดาพวกเมืองหลวงมักจะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาพักหรือเที่ยวชมอย่างในเมืองไทยเมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงสนามบินส่วนมากก็มักจะแวะเข้ากรุงเทพฯก่อน หลังจากนั้นค่อยตระเวนเที่ยวไปตามเมืองอื่นๆซึ่งก็ไม่ต่างจากที่กัมพูชาครับ นักท่องเที่ยวหลายคนเริ่มปักหลักท่องเที่ยวในกรุงพนมเปญก่อน โดยสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงพนมเปญที่ดังๆและชาวต่างชาติจะรู้จักกันดีก็คือ ทุ่งสังหาร ที่บรรดาฝ่ายเขมรแดงเคยใช้เป็นสถานที่ทรมานและสังหารผู้บริสุทธิ์ รวมถึงคุกตวลสเลงที่พวกเขมรแดงจับผู้บริสุทธิ์มาขังคุกก่อนจะทำการทรมานและสังหารอย่างเหี้ยมโหดและอีกสถานที่นึงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติพอจะรู้จักกันดีก็คือ วัดพนม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างยาวนาน
สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชาของผมในครั้งล่าสุด ผมเน้นการเดินเที่ยวเป็นหลักโดยจะเน้นเที่ยวในสถานที่ที่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก โดยวัดพนมตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงพนมเปญและห่างจากที่พักของผมราวๆ 1 กิโลกว่าซึ่งสามารถเดินได้สบายๆซึ่งการมาเที่ยววัดพนมครั้งล่าสุดไม่ใช่การมาเที่ยวครั้งแรก ผมเคยมาแล้วครั้งนึงแต่คราวก่อนไม่ได้ถ่ายคลิปบรรยากาศ ทำให้การเที่ยวครั้งล่าสุดผมได้เก็บภาพและถ่ายคลิปบรรยากาศต่างๆซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ผมเคยมา บรรยากาศของวัดพนมยังคงร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์และยังคงมีการเก็บเงินค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ (35 บาท) อยู่เช่นเดิม แต่ที่อาจจะแปลกตาเพิ่มเข้ามาคงหนีไม่พ้นเหล่าบรรดานกเงือกที่อาศัยอยู่กันอย่างมากมายหลายตัว แถมแต่ละตัวก็ดูเชื่องพอสมควร ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันได้แบบเต็มๆโดยเจ้านกเงือกพวกนี้ก็ไม่มีท่าทีเขินอายเสียด้วย
ส่วนบรรยากาศส่วนอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมีทั้งบันไดพญานาคซึ่งเป็นจุดทางเดินขึ้นที่จะไปชมในส่วนของเจดีย์และพระวิหาร รวมถึงศาลจีน ศาลยายเปญและพระวิหารซึ่งด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวพนมเปญเป็นอย่างมาก รวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระวิหารที่บอกเล่าเรื่องราวของพุทธประวัติและเรื่องราวของรามเกียรติ์ ขณะที่ประวัติของวัดพนมตามตำนานที่ผมได้อ่านมาก็ทราบว่า วัดพนมถูกสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของยายเปญซึ่งได้พบกับขอนไม้ลอยมาตามน้ำและเห็นพระพุทธรูป 5 องค์ประดิษฐานอยู่ในขอนไม้ จากนั้นยายเปญจึงอันเชิญขึ้นมาบนฝั่งก่อนที่จะเนินดินสูง 27 เมตรเพื่อสร้างวัดไว้สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ ซึ่งที่มาของวัดพนมและกรุงพนมเปญในปัจจุบันก็มาจากชื่อของยายเปญนั่นเอง โดยในวันที่ผมไปเที่ยววัดพนมก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันพอสมควรทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติ โดยวัดพนมจะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าไปถึงประมาณ 5 โมงเย็น การเข้าชมก็จะคล้ายๆกับการเข้าชมสถานที่สำคัญทางศาสนานั่นก็คือ การรักษามารยาทเข้าชมด้วยความสุภาพและแต่งกายให้เหมาะสมและถูกกาละเทศะ
วัดพนม วัดเก่าแก่ของกรุงพนมเปญ
โดยเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
วัดพนมเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 น. - 17.00 น.
คนกัมพูชาเข้าฟรี แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติแบบพวกเรา
เสียกันคนละ 1 ดอลลาร์ (35 บาท)
บรรยากาศภายในวัดพนมค่อนข้างร่มรื่นมาก
นั่นก็เพราะว่ามีการปลูกต้นไม้ไปตลอดทาง
ซึ่งผมเห็นชาวกัมพูชามักจะมานั่งเล่นพักผ่อนจับกลุ่มพูดคุยกัน
พอเดินขึ้นไปบนบันไดพญานาคก็จะพบกับพระวิหาร
ซึ่งมักจะเป็นจุดที่หลายคนมักมาถ่ายรูป
ผมลองถ่ายคลิปวีดีโอภายในพระวิหาร
แต่ถูกเจ้าหน้าที่เตือนไม่ให้ถ่ายวีดีโอ แต่สามารถถ่ายรูปได้
พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่ตั้งประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร
ของวัดพนม
ภายในพระวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝานังให้ได้ชมกัน
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของพุทธประวัติและรามเกียรติ์
ศาลยายเปญ ซึ่งตามตำนานเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างวัดพนมขึ้นมา
ปัจจุบันมีผู้คนมากราบสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย
ร้านจำหน่ายของที่ระลึก สินค้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกโปสการ์ด
ผมไปวัดพนมครั้งล่าสุด สิ่งที่ดูสะดุดตามากก็คือ นกเงือก
ซึ่งมีอยู่หลายตัวและแต่ละตัวก็ดูเชื่องมาก
ไปถ่ายรูปใกล้ๆก็ไม่มีหลบหรือบินหนี
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
5 กรกฏาคม 2565
EP.46 ตลาดกลางคืนกรุงพนมเปญ
ทริปการเดินทางครั้งล่าสุดของผม คือ ประเทศกัมพูชา โดยผมปักหลักท่องเที่ยวอยู่ในกรุงพนมเปญเป็นหลัก สาเหตุคงเพราะว่าห่างหายจากการเที่ยวต่างแดนไป 2 ปีกว่า การกลับไปเที่ยวอีกครั้งก็เลยเน้นเมืองที่เที่ยวง่ายๆเอาไว้ก่อนและค่อยๆขยับขยายเที่ยวเมืองตามต่างจังหวัดหรือตามชนบทต่อไป สำหรับกรุงพนมเปญเมืองหลวงของกัมพูชานั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะครับ ผมเองไปเที่ยวไม่กี่วันก็เน้นเดินดูวิถีชีวิตผู้คนตรงบริเวณริมแม่น้ำซึ่งตรงจุดนี้มีสถานที่น่าสนใจอย่างเช่น พวกร้านอาหารผับบาร์ ลานออกกำลังกายและอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ตลาดกลางคืนกรุงพนมเปญ ซึ่งในภาษาเขมรเขาจะเรียกกันว่า ประสาเรียเตรยพนมเปญ
สำหรับตลาดกลางคืนของกรุงพนมเปญ ถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่หากมาเที่ยวที่พนมเปญไม่ควรจะพลาด สถานที่ก็หาไม่ยากเพราะตั้งอยู่บริเวณแถวริมแม่น้ำโตนเลสาบซึ่งติดกับทั้งร้านอาหาร โรงแรมและผับบาร์มากมาย โดยความคึกคักและสีสันต่างๆจะเริ่มเห็นตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไปซึ่งตลาดกลางคืนแห่งนี้เปิดขายลากกันยาวไปจนถึงดึกดื่น ผมไปพนมเปญครั้งแรกก็เดินไปที่ตลาดกลางคืนจนมาพนมเปญครั้งล่าสุดก็มาเดินที่ตลาดแห่งนี้อีกครั้ง บรรยากาศก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากครับอาจจะมีที่แตกต่างออกไปก็คือ ผู้คนสวมหน้ากากอนามัย แต่ก็มีแบบประปราย เพราะปัจจุบันทางกัมพูชาไม่ได้มีมาตรการบังคับให้ผู้คนสวมหน้ากากอีกต่อไปแล้ว
ส่วนบรรยากาศของตลาดกลางคืนกรุงพนมเปญ ผมเดินสำรวจดูแล้วก็ไม่แตกต่างจากตลาดของบ้านเรา สินค้าที่เห็นเยอะที่สุดก็คือเสื้อผ้า นอกจากนั้นก็จะมีทั้งกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ใครที่เป็นขาช้อปน่าจะถูกใจ แต่คงต้องมีการต่อรองราคากันสักหน่อยและนอกจากจุดของโซนขายสินค้าก็ยังมีของโซนขายอาหารซึ่งมีทั้งพวกอาหารจานเดียวและอาหารประเภทปิ้งย่าง รวมไปถึงของหวานทั้งไอศครีมและน้ำปั่น ซึ่งจะมีการปูเสื่ออยู่บริเวณตรงกลางเอาไว้สำหรับคนที่สั่งเมนูประเภทปิ้งย่าง นอกจากนั้นก็ยังมีการตั้งเวทีคอนเสิร์ตซึ่งในแต่ละคืนจะมีศิลปินชาวกัมพูชาผลัดเปลี่ยนมาร้องเพลงให้ความบันเทิงแก่ผู้ที่เดินไปมาภายในตลาด แต่ผมขอบอกไว้ก่อนว่าหลายเพลงที่ได้ฟังนั้นทำนองต่างๆนี่มันเหมือนเพลงไทยชัดๆ แต่เรื่องดนตรีก็ฟังเอาเพลินๆครับหากมาคิดว่าใครก็อปปี้ใครคงจะหมดสนุกเสียเปล่าๆ พวกคุณเห็นด้วยกับผมไหมเล่า
ตลาดกลางคืนกรุงพนมเปญ
ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโตนเลสาบ
จากที่ผมเดินสำรวจมาก็พบว่าสินค้าที่มีขายเยอะสุดก็คือ เสื้อผ้า ซึ่งส่วนมากจะเป็นแนวแฟชั่น
รองเท้า เป็นสินค้าอีกชนิดหนึ่งที่ขายดี
โดยมีหลากรุ่นและหลายสไตล์
ในแต่ละคืนจะมีผู้คนชาวกัมพูชา
มาเดินเลือกซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมาก
เครื่องประดับมีให้เลือกกันอย่างหลากหลาย
ทั้งพวกแหวน นาฬิกา สร้อย กำไลข้อมือ
บริเวณด้านหลังจะเป็นโซนของกิน
ผมเห็นมีหลายร้านที่ขายเมนูประเภทปิ้งย่าง
หน้าตาของเมนูก็จะประมาณนี้
ของหวานก็มีมากมายหลักๆก็คือพวก ไอศครีม
นอกจากนั้นก็จะเป็นพวก น้ำผลไม้ปั่น
มีการปูเสื่อไว้สำหรับนั่งรับประทานอาหาร
ส่วนมากก็จะเป็นเมนูพวกปิ้งย่าง
ซึ่งจะมีเตาตั้งเอาไว้พร้อมด้วยน้ำจิ้ม
นอกจากนั้นก็มีเวทีคอนเสิร์ตขนาดเล็ก
แต่ละคืนก็จะมีศิลปินกัมพูชาผลัดกันมาร้องเพลง
ซึ่งเพลงส่วนใหญ่ ผมว่าทำนองคล้ายเพลงของไทยมาก
แต่ดนตรีไม่มีพรมแดน ฉะนั้นอย่าไปคิดอะไรมากครับ
ฟังกันเพื่อความบันเทิงกันจะดีกว่า
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
7 กรกฎาคม 2565
EP.47 เซเว่นอีเลฟเว่นกรุงพนมเปญ
ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะมีประสบการณ์ในการเดินเข้าไปใช้บริการซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงอย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) อย่างแน่นอนหรือถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปซื้อสินค้าแต่ได้เข้าไปตากแอร์พอคลายร้อนก็ยังดี ซึ่งแน่นอนครับในทุกวันนี้ เซเว่นอีเลฟเว่น ได้เปรียบเสมือนเพื่อนรู้ใจหลายคนเข้าไปซื้อของกินต่างๆที่มีอยู่อย่างมากมาย หลายคนก็ไปซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งไอ้การที่เซเว่นอีเลฟเว่นเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนี่แหละทำให้มักจะมีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนมาอย่างไม่ขาดสายทั้งลูกค้าขาประจำ ลูกค้าขาจร คนที่เข้ามาตากแอร์เฉยๆหรือแม้กระทั่งพวกโจรที่ต้องการเข้ามาปล้น
ปัจจุบันเซเว่นอีเลฟเว่นมีสาขาในเมืองไทยอยู่มากมายเหลือเกินครับ ผมเองก็นับไม่ไหวเหมือนกันว่ามีกี่สาขาแต่ที่แน่ๆเอาเฉพาะในละแวกบ้านผมก็มีไม่ต่ำกว่า 3-4 แห่งเข้าไปแล้ว ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นก็ไม่ได้เป็นธุรกิจที่กลุ่มทุนของไทยเป็นผู้ริเริ่ม แต่มีกลุ่มทุนของไทยไปซื้อแฟรนไชส์เพื่อมาเปิดสาขาในเมืองไทย โดยกลุ่มทุนของไทยที่ว่าก็คือ กลุ่มเครือซีพีออลล์ นั่นเอง สำหรับในเมืองไทยนั้นเซเว่นอีเลฟเว่นมีกระจายไปแทบทุกหัวมุมถนนและทุกจังหวัดของประเทศไทย แต่ปัจจุบันนั้นกลุ่มซีพีออลล์ได้มีการขยายสาขาของเซเว่นอีเลฟเว่นไปยังต่างประเทศเพิ่มอีกครับ ตอนนี้หลักๆก็คือในโซนประเทศเพื่อนบ้านของเราทั้งลาว พม่า รวมไปถึงกัมพูชา
สำหรับกัมพูชานั้นมีเซเว่นอีเลฟเว่นเปิดหลายแห่งแล้ว ผมไปเที่ยวที่พนมเปญครั้งล่าสุดก็ได้มีโอกาสเข้าไปใช้บริการเซเว่นอีเลฟเว่นของที่นั่นเช่นกัน โดยจากการที่ได้พูดคุยกับพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่นซึ่งเธอสามารถพูดไทยได้ เธอบอกกับผมว่าปัจจุบันที่กัมพูชามีเซเว่นอีเลฟเว่นมาเปิดสาขาหลายแห่งแล้วทั้งในพนมเปญ รวมไปถึงตรงชายแดนไทยกัมพูชาที่เมืองปอยเปตและยังมีเปิดตามจังหวัดต่างๆอย่างเช่น เสียมเรียบ กำปงจามรวมไปถึงกำปอต ส่วนบรรยากาศในร้านจากที่ผมได้เดินสำรวจดูก็พบว่าสินค้าต่างๆไม่แตกต่างจากเมืองไทย ซึ่งก็แน่นอนล่ะครับว่าการที่ซีพีออลล์มาขยายสาขาก็ทำให้สินค้าต่างๆก็ถูกนำเข้ามาจากไทยทั้งหมดซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 2000 รายการ ส่วนบรรยากาศในร้านก็ถูกตกแต่งเหมือนกันหมดมีจุดของ ALL CAFE มีตู้แช่ไว้ใส่เครื่องดื่ม พนักงานก็สวมชุดเหมือนบ้านเราและเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างจากเมืองไทยคงจะเป็นเก้าอี้ที่มีบริการให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานอาหารรวมไปถึงจุดจอดมอเตอร์ไซค์ด้านหน้าร้านก็จะมีคนคอยดูและเรื่องการจอดรถให้แต่ก็ต้องมีการจ่ายเงินเล็กน้อยให้แก่คนดูแล
เซเว่นอีเฟเว่นสาขาพนมเปญในประเทศกัมพูชา
โดยจุดตรงนี้เป็นบริเวณโซนริมแม่น้ำ
บริเวณด้านหน้าร้านเป็นจุดจอดมอเตอร์ไซค์
แต่ที่นี่จะมีคนดูแลเรื่องการจอด แต่ลูกค้าก็ต้อง
มีการเสียเงินเล็กน้อยให้แก่คนดูแลเช่นกัน
สินค้าที่นี่เป็นสินค้าไทยที่ถูกนำเข้ามา
โดยมีไม่ต่ำกว่า 2000 รายการ
ตู้ของไอศครีมวอลล์ ส่วนด้านบนเป็นขนมโก๋แก่
สินค้าต่างๆถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
ลูกค้าสามารถเดินดูของได้แบบสบายๆ
ตู้กดน้ำและตู้กดน้ำแข็งรวมทั้งจุดของสเลอปี้
อาหารประเภทข้าวกล่องและเมนูขนมปังต่างๆ
รวมไปถึงไส้กรอกก็มีให้บริการ
สำหรับเซเว่นอีเลฟเว่นที่พนมเปญก็เปิดตลอด
24 ชั่วโมงเหมือนกับในเมืองไทย
ALL CAFE ก็มีให้บริการแล้ว
ผมลองสั่งไปแต่ปรากฎว่าบางเมนูยังไม่มี
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
9 กรกฎาคม 2565
EP.48 ตลาดกลางกรุงพนมเปญ
ผมไปเที่ยวกัมพูชาในครั้งล่าสุดก็เป็นการกลับไปเที่ยวต่างแดนอีกครั้งในรอบกว่า 2 ปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ซึ่งการไปเที่ยวกัมพูชาในครั้งล่าสุดผมเน้นเที่ยวแต่ในกรุงพนมเปญซึ่งเป็นเมืองหลวง สาเหตุก็คงเป็นเพราะยังไม่ได้อยากเดินทางไปไหนไกลและต้องการไปในเส้นทางที่ง่ายๆหลังจากหยุดการเดินทางไปต่างประเทศ 2 ปีกว่า โดยการไปเที่ยวพนมเปญครั้งผมเน้นเดินเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆซึ่งหนึ่งในสถานที่ที่ผมได้เดินทางไปก็คือ ตลาดกลางกรุงพนมเปญหรือมีชื่อเรียกตามภาษาเขมรก็คือ ផ្សារធំថ្មី (พสา ทม ทเมย)
สำหรับตลาดกลางกรุงพนมเปญ เป็นตลาดขายสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งมีทั้งขายส่งและขายปลีกเปรียบไปแล้วก็ประมาณตลาดนัดจตุจักรหรือตลาดสำเพ็งในเมืองไทย โดยมีจุดเด่นก็คือตัวอาคารซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมออกไปทางสไตล์ตะวันตกซึ่งก็แน่นอนล่ะครับผู้ที่ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างอาคารก็คือสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ซึ่งหากเดินเข้าไปด้านในจะพบกับแท่นที่มีคำสลักทั้งภาษาเขมรและภาษาฝรั่งเศสซึ่งบ่งบอกถึงความร่วมมือกันในการสร้างตลาดกลางแห่งนี้ขึ้นมา นอกจากนั้นยังมีอีกจุดที่โดดเด่นก็คือ โดมซึ่งมีขนาดความสูงประมาณ 26 เมตรซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนเป็นเอกลักษณ์ประจำตลาดกลางกรุงพนมเปญทั้งสิ้น
ส่วนบรรยากาศของตลาดกลางกรุงพนมเปญจากที่ผมเดินสำรวจดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากตลาดสำเพ็งบ้านเรานัก โซนบริเวณตรงโดมจะเป็นแหล่งขายพวกเครื่องประดับต่างๆทั้งนาฬิกา สร้อยคอ แหวน กำไลข้อมือ นอกจากนั้นก็จะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ขณะที่อีกโซนนึงก็จะเป็นโซนขายพวกอาหารทั้งของสดและของแห้งรวมไปถึงพวกผลไม้ต่างๆ ส่วนบริเวณรอบนอกตลาดจะเป็นโซนของดอกไม้ซึ่งพอเห็นแล้วผมนึกถึงบรรยากาศแถวปากคลองตลาดขึ้นมาทันที โดยในปัจจุบันตลาดกลางกรุงพนมเปญกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของกรุงพนมเปญซึ่งนักท่องเที่ยวอาจไม่ได้มาซื้อของแต่เพียงแค่มาเดินดูบรรยากาศและวิถีชีวิตของผู้คน ผมว่าก็สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อยแล้ว
ตลาดกลางกรุงพนมเปญ เป็นแหล่งขายสินค้าขนาดใหญ่
ซึ่งมีทั้งขายส่งและขายปลีก
โดยตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงพนมเปญ
ทางเดินเข้าสู่ตลาดให้สังเกตุตัวอาคารให้ดี
เพราะได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส
ซึ่งทำให้ตัวอาคารดูมีโครงสร้างเป็นแบบตะวันตก
จุดจอดรถยนต์และมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านหน้าทางเข้าตลาด
โซนขายดอกไม้จะอยู่บริเวณรอบนอก
เห็นแล้วชวนนึกถึงบรรยากาศแถวปากคลองตลาดเสียจริงๆ
สินค้าต่างๆมีอยู่อย่างมากมาย ตรงนี้จะโซนของเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
ตรงอาคารโดมจะมีหอนาฬิกาตั้งอยู่อย่างโดดเด่น
โดยโซนนี้คือโซนของพวกเครื่องประดับต่างๆ
ผลไม้นานาชนิด
บริเวณนี้จะเป็นโซนของตลาดสด
ซึ่งมีทั้งเนื้อสัตว์รวมถึงผักชนิดต่างๆ
อาหารทะเลต่างๆมีเยอะสุดก็คือพวกปลา
สินค้าจากเมืองไทยซึ่งที่กัมพูชาก็เป็นอีกประเทศ
ที่นิยมใช้สินค้านำเข้าจากเมืองไทย
รองเท้าจำนวนมากมีขายทั้งมือหนึ่งและมือสอง
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarMetalFootballTravel
12 กรกฎาคม 2565
EP.49 แพขนานยนต์ข้ามฟาก
พนมเปญ - อเรยสาท
ผมเคยมีประสบการณ์ในการเดินทางด้วยการใช้แพขนานยนต์ข้ามฟากมาแล้วซึ่งการเดินทางในครั้งนั้นก็ไม่ได้อยู่ไหนไกลครับอยู่แถวๆบ้านของผมในจังหวัดสมุทรปราการซึ่งก็เป็นการข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาจากฝั่งตลาดพระประแดงไปยังฝั่งสำโรง โดยในครั้งนั้นผมเดินทางด้วยการใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะ แต่การใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฟากในครั้งล่าสุดของผมเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นการข้ามฟากแม่น้ำโขงจากฝั่งกรุงพนมเปญไปยังฝั่งชุมชนอเรยสาทในจังหวัดกันดาล ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ผมไม่มียานพาหนะมันจึงเป็นการข้ามฟากแม่น้ำที่ราคาค่อนข้างจะถูกเลยทีเดียว
สำหรับการเดินทางทางด้วยแพขนานยนต์ข้ามฟากแม่น้ำโขงจากฝั่งพนมเปญไปยังฝั่งอเรยสาทในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชาอยู่พอสมควร เพราะมีความสำคัญต่อการเดินทางอย่างมากและช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางได้ดีพอสมควร ซึ่งจากฝั่งของอเรยสาทนั้นจะขึ้นอยู่กับจังหวัดกันดาลซึ่งเป็นจังหวัดที่โอบล้อมรอบกรุงพนมเปญเอาไว้ ดังนั้นหากใครมาเที่ยวที่กรุงพนมเปญก็ต้องผ่านเส้นทางจังหวัดกันดาลอย่างแน่นอน ขณะที่ในส่วนของแพขนานยนต์ข้ามฟากที่กัมพูชานั้นจะมีทั้งสิ้น 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นไว้สำหรับจอดยานพาหนะต่างๆ ส่วนชั้นบนผมว่าคล้ายๆเอาไว้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงเพราะมีที่นั่งอย่างดิบดีและเอาไว้รับลมในช่วงที่อากาศดีๆ
ส่วนระยะเวลาในการเดินทางนั้นผมไม่ได้นับว่าใช้เวลานานเท่าไหร่แต่ไม่ได้ใช้เวลานานอย่างแน่นอน ขณะที่อัตราค่าโดยสารก็จะลดหลั่นไปตามชนิดของยานพาหนะถ้าเป็นรถยนต์ก็เสียแพงสุด แต่ถ้าเป็นคนเดินเท้าแบบผมก็จะเสียอยู่ที่ 500 เรียลหรือประมาณ 4 บาทเท่านั้น โดยแพขนานยนต์ข้ามฟากจากพนมเปญไปฝั่งอเรยสาทนั้นสามารถนำยานพาหนะเกือบทุกชนิดข้ามได้หมด ส่วนในอนาคตมีการคาดการณ์กันว่าแพขนานยนต์ข้ามฟากแม่น้ำโขงแห่งนี้อาจจะถูกลดความสำคัญลงไป เนื่องจากมีแผนที่ทางการของกัมพูชาจะร่วมมือกับทางเกาหลีใต้ที่จะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่งพนมเปญถึงอเรยสาท แต่ถึงยังไงก็ตามผมว่าแม้อนาคตหลายอย่างอาจเปลี่ยนไปตามความเจริญเติบโตขึ้นของเมือง แต่เแพขนานยนต์ข้ามฟากแบบนี้ก็ยังมีเสน่ห์ในการเดินทาง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างพวกเราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตแบบคนท้องถิ่นจริงๆก็ด้วยวิธีการเดินทางแบบนี้แหละครับ
บริเวณทางที่จะลงไปสู่แพขนานยนต์ข้ามฟาก โดยยานพาหนะเกือบทุกชนิดสามารถใช้บริการได้หมด
ไม่เว้นแม้แต่คนเดินเท้า
แพขนานยนต์ข้ามฟากจากฝั่งพนมเปญไปยังฝั่งอเรยสาท สำหรับราคาสำหรับคนไม่มียาพาหนะแบบผม
จะอยู่ที่ 500 เรียลหรือประมาณ 4 บาท
แพขนานยนต์ของที่นี่จะมีด้วยกันทั้งสิ้น 2 ชั้น
ด้านบนสามารถขึ้นไปนั่งรับลมชมวิวกันได้
บรรยากาศระหว่างที่แพขนานยนต์แล่นผ่าน
ที่มองเห็นไกลๆก็จะเป็นแพขนานยนต์
ที่กำลังมุ่งหน้าไปฝั่งกรุงพนมเปญ
เวลาผมไปเที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้ง
ผมจะต้องหาโอกาสใช้วิธีการเดินทาง
ในแบบที่คนท้องถิ่นเขาใช้กัน ซึ่งแพขนานยนต์แบบนี้
ก็เป็นอีกสิ่งที่จะทำให้ได้เห็นชีวิตการเดินทางของคนท้องถิ่นแบบจริงๆ
ใครหิวก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะบนแพขนานยนต์ข้ามฟาก
มีของกินขายอยู่พอสมควร
บรรยากาศบนชั้น 2 ของแพขนานยนต์ข้ามฟากที่กัมพูชา
แพขนานยนต์จะมุ่งหน้าไปยังฝั่งอเรยสาท
บริเวณด้านหน้าจะเป็นบ้านเรือนริมน้ำ
ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านจะประกอบอาชีพประมงกัน
ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงฝั่งอเรยสาท
ซึ่งจะตั้งอยู่ในจังหวัดกันดาล
โดยจังหวัดนี้จะมีลักษณะพื้นที่ที่โอบล้อมกรุงพนมเปญเอาไว้
บรรยากาศของฝั่งอเรยสาทในจังหวัดกันดาล
ภาพนี้ผมยืนถ่ายรูปจากฝั่งอเรยสาท ซึ่งภาพตึกสูงตรงๆหน้าก็คือฝั่งกรุงพนมเปญ
ซึ่งปัจจุบันมีทุนจากจีนมาลงทุนมหาศาล
ทำให้กรุงพนมเปญในวันนี้มีการพัฒนาเติบโตไปอย่างรวดเร็ว
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
14 กรกฎาคม 2565
EP.50 สถานีรถไฟกรุงพนมเปญ
หากให้นึกถึง สถานีรถไฟ ผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้บริการที่สถานีรถไฟมามากน้อยแตกต่างกันไป บางคนได้ใช้บริการบ่อยก็เพราะต้องเดินทางด้วยรถไฟเป็นพาหนะหลัก บางคนก็เดินทางไม่บ่อยนักหรือบางคนก็คือนักเดินทางตัวยงซึ่งชอบการนั่งรถไฟเป็นชีวิตจิตใจ ผมเองก็อยู่ในกลุ่มหลังครับก็คือ เป็นนักเดินทางที่ชอบการนั่งรถไฟเป็นอย่างมาก ดังนั้นผมจึงมีประสบการณ์ในการเดินทางไปตามสถานีรถไฟต่างๆอยู่พอสมควร ซึ่งแน่นอนว่ารถไฟไทยเป็นสิ่งที่ผมและหลายๆท่านก็คุ้นชินกันอยู่แล้ว แต่กับรถไฟในต่างแดนแล้วก็ยังมีคนไทยอีกหลายคนที่ยังไม่มีประสบการณ์กับการนั่งรถไฟในต่างประเทศกันเท่าไหร่
สำหรับสถานีรถไฟในต่างประเทศนั้นก็จะมีความเหมือนและแตกต่างจากบ้านเรา บางประเทศก็จะดูหรูหราบางประเทศก็จะดูเก่าแก่แต่ก็มีความคลาสสิค ส่วนตัวผมในช่วงหลังมักเดินทางในโซนอาเซียนก็เคยมีประสบการณ์นั่งรถไฟในประเทศพม่าและเวียดนามมาแล้ว แต่กับประเทศกัมพูชาซึ่งผมไปบ่อยพอสมควร ผมยังไม่มีประสบการณ์นั่งรถไฟเลยสักครั้งซึ่งก็ได้เพียงแต่ไปชมบรรยากาศของสถานีรถไฟในประเทศกัมพูชาเท่านั้นซึ่งก็คือ สถานีรถไฟกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักของประเทศกัมพูชา โดยที่จะตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานฑูตแคนาดามากนัก
สถานีรถไฟกรุงพนมเปญ เริ่มเปิดให้ประชาชนใช้บริการในปี 1932 แต่ก็ต้องมีเหตุต้องยุติการให้บริการไปในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งก็๋ตรงกับสมัยที่กลุ่มเขมรแดงเรืองอำนาจ หลังจากสงครามยุติลงก็ได้มีการปรับปรุงสถานีรถไฟกรุงพนมเปญกันครั้งใหญ่และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2010 ซึ่งรูปแบบตัวอาคารก็มีลักษณะโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกซึ่งเดาไม่ยากครับว่ารูปแบบการก่อสร้างก็มีรูปแบบจากทางฝรั่งเศสพอสมควร โดยในปัจจุบันสถานีรถไฟกรุงพนมเปญมีการเดินรถอยู่ใน 2 เส้นทางจากที่ผมทราบข้อมูลมาก็จะเป็นเส้นทางสายเหนือที่จะไปทางสถานีปอยเปตซึ่งติดกับด่านชายแดนของไทยกับอีกหนึ่งสายก็จะเป็นสายใต้ซึ่งจะมีเส้นทางไปยัง ตาแก้ว กำปอตรวมไปถึงแกบ
โดยถึงแม้ว่าในปัจจุบันเส้นทางรถไฟในกัมพูชาอาจจะยังไม่มีการเดินรถแบบเต็มรูปแบบไปทั่วประเทศ แต่ผมว่าในอนาคตอีกไม่นานการเดินทางด้วยรถไฟในกัมพูชาน่าจะสมบูรณ์และได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะมีแผนในการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อกับเมืองไทยของเราตรงด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ส่วนในปัจจุบันสถานีรถไฟกรุงพนมเปญเริ่มที่จะมีร้านอาหารและร้านกาแฟมาให้บริการแก่ผู้โดยสารเพื่อรองรับการขยายตัวและเปิดเส้นทางใหม่ๆในอนาคตและสิ่งที่เห็นอีกหนึ่งอย่างก็คือ การที่จะมีพวกบรรดาวัยรุ่นชาวกัมพูชาและนักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปบรรยากาศภายในสถานีรถไฟกันพอสมควร สาเหตุคงเป็นเพราะว่ามีบรรยากาศที่เงียบและไม่วุ่นวายและยังมีรถไฟเป็นโลเกชั่น ทำให้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คยอดนิยมของกรุงพนมเปญไปโดยปริยาย
สถานีรถไฟกรุงพนมเปญ เป็นสถานีรถไฟหลักของกัมพูชา
ซึ่งรูปแบบตัวอาคารค่อนข้างมีความโดดเด่น
โดยมีสถาปัตยกรรมในสไตล์แบบตะวันตก
สถานีรถไฟกรุงพนมเปญเริ่มเปิดให้บริการในปี 1932
แต่ในยุคที่เขมรแดงทำการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ
ทำให้ต้องยุติการให้บริการ ก่อนที่จะกลับมาเปิดให้บริการ
อีกครั้งในปี 2010
บรรยากาศภายในสถานีเริ่มมีร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม มาเปิดกันบ้างแล้ว ที่เห็นนี่คือร้านกาแฟอเมซอน
แต่วันที่ผมไปทางร้านยังไม่เปิดให้บริการ
รถจักรไอน้ำภายในสถานี
โดยเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้คนมักจะมาถ่ายรูปกัน
ขบวนรถไฟที่จอดอยู่ภายในสถานี
ผมลองสังเกตุดูก็พบว่ารถไฟของกัมพูชา
จะมีการนำแอร์บ้านมาติดตั้งภายในขบวนด้วย
ดูแล้วก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ตู้จำหน่ายตั๋วโดยสารที่สถานีรถไฟกรุงพนมเปญ
ปัจจุบันมีเดินรถไปในบางเส้นทางอย่างเช่น
ปอยเปต ตาแก้ว กำปอต แกบ
ปัจจุบันที่สถานีรถไฟกรุงพนมเปญ
ได้กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นชาวเขมร
ที่มักจะมาถ่ายรูปบรรยากาศ โดยมีรถไฟเป็นฉากหลัง
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
16 กรกฎาคม 2565
EP.51 โฮสเทล (ที่พักราคาประหยัด)
พวกคุณชอบนอน โฮสเทล กันไหมครับ?
สาเหตุที่ผมจั่วหัวบทความมาแบบนี้มันก็หมายความว่า บทความนี้ผมจะมาเน้นในเรื่องราวของที่พักอย่างแน่นอน ซึ่งพวกที่พักพักต่างๆเนี่ยมันก็มีหลายประเภทและหลากหลายราคาแตกต่างกันออกไป สำหรับคำถามที่ผมจั่วหัวเอาไว้ก็คือ โฮสเทล ซึ่งความหมายของคำนี้ก็คือ ที่พักราคาประหยัดและยังเจาะลึกเพิ่มเติมไปอีกว่าเป็นห้องสไตล์แบบนอนรวมหรือในศัพท์อังกฤษจะเรียกกันว่า ห้องดอร์ม ซึ่งโฮสเทลนี่แหละครับคือห้องพักที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่นักเดินทางสไตล์แบบเป้เที่ยวหรือเรียกกันแบบภาษานิยมก็คือ ชาวแบคแพคเกอร์ นั่นเอง
สำหรับคำว่า โฮสเทล หลายคนที่เป็นนักท่องเที่ยวอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันมากนัก เพราะส่วนใหญ่ห้องพักสไตล์นี้อาจจะไม่ค่อยถูกจริตกับนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะแน่นอนการที่ต้องไปนอนร่วมห้องกับคนที่ไม่รู้จักมันย่อมแปลกและเป็นวัฒนธรรมที่คนไทยเราไม่คุ้นชิน แต่สำหรับชาวตะวันตกโดยเฉพาะพวกฝรั่งหัวทองจะคุ้นชินกันอย่างมากและกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มาพักโฮสเทลก็เป็นกลุ่มเจ้าฝรั่งหัวทองนี่แหละครับ
ส่วนบรรยากาศของโฮสเทลก็จะเป็นห้องที่ไม่ใหญ่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกตึกคูหาที่นำดัดแปลงเป็นที่พักในราคาประหยัด โดยภายในห้องจะมีเตียงที่เป็นลักษณะ 2 ชั้นโดยจำนวนเตียงก็จะแตกต่างกันไปน้อยสุดที่ผมเคยเห็นคือ 4 เตียง ส่วนมากสุดจะอยู่ที่ 30 เตียงขึ้นไป ขณะที่ห้องน้ำส่วนมากแล้วจะตั้งอยู่นอกห้องอาจจะมีบ้างที่มีห้องน้ำในตัวแต่ไม่เป็นที่นิยมมากนักและทุกโฮสเทลจะมีเครื่องปรับอากาศติดตั้ง นอกจากนั้นก็จะมีตู้ล็อคเกอร์ซึ่งจะมีเท่ากับจำนวนเตียงภายในห้องซึ่งทางที่พักจะแจกให้แก่ผู้เข้าพักทุกคนเป็นแบบล็อคเกอร์ของใครของมัน นอกจากนี้ก็จะมีผ้าเช็ดตัวให้แต่ส่วนมากที่ผมเห็นจะต้องจ่ายเงินเป็นค่ามัดจำ พอเราเช็คเอาท์แล้วก็นำผ้าเช็ดตัวมาคืนแล้วทางที่พักจะคืนเงินค่ามัดจำให้
ขณะที่เรื่องของการหลับนอนหรือพักในโฮสเทล ผมว่าเป็นอะไรที่นรกสำหรับคนที่นอนหลับยากหรือชอบความเป็นส่วนตัวอย่างมาก เพราะการที่ต้องไปนอนร่วมกับคนอื่นก็ย่อมต้องมีเสียงจุกจิกให้น่ารำคาญใจอยู่เกือบตลอด เช่น ไอ้ฝรั่งคนนี้กรนดังตลอดทั้งคืน อีสาวหมวยจากจีนเปิดกระเป๋าหยิบนู่นหยิบนี่แบบไม่เกรงใจใคร หรือลุงแก่ๆเมามาแล้วโวยวายเสียงดังและอีกสารพัดรูปแบบที่ต้องเจอ ดังนั้นหากใครรับกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ผมแนะนำให้ไปพักในโรงแรมแบบส่วนตัว แต่สำหรับคนที่ต้องการประหยัดเงินหรือคิดซะว่าเรามาเที่ยวไม่ได้มานอนพักในห้อง การมาพักในโฮสเทลก็ดูที่จะเหมาะกับพวกคุณไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้วหากคุณเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นโอกาสที่ดีครับที่จะได้เพื่อนใหม่จากโฮสเทล เพราะส่วนมากคนที่มาพักโฮสเทลก็เดินทางคนเดียวเป็นหลักและพร้อมเปิดใจที่จะรับมิตรภาพใหม่ๆจากเพื่อนร่วมห้องอยู่แล้ว บางทีคุณอาจจะได้ร่วมแชร์สำหรับทริปท่องเที่ยวร่วมกัน ได้นั่งทานอาหารร่วมกันหรือบางคนได้เจอเนื้อคู่จากโฮสเทลมันก็มีให้เห็นมาแล้ว นอกจากนั้นพวกบรรดาพนักงานที่ทำงานโฮสเทลส่วนมากก็จะเป็นกันเองกับแขกที่มาพักและพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ค่อนข้างดีแถมยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ต่างๆภายในเมืองได้แบบละเอียดมากกว่าพวกพนักงานตามโรงแรมบางแห่งเสียอีก
ดังนั้นแล้วการนอนพักในโฮสเทลมันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรและไม่ได้ดูด้อยค่าว่าต้องเป็นพวกนักท่องเที่ยวจนๆ ผมเคยรู้จักนักท่องเที่ยวบางคนในโฮสเทลเป็นถึงระดับเจ้าของธุรกิจมีเงินพอสมควร แต่ก็เลือกมาพักโฮสเทลเพราะว่าต้องการนำเงินไปใช้จ่ายด้านอื่นๆไม่ว่าจะเรื่องการเดินทาง อาหารการกินหรือท่องเที่ยว ดังนั้นแล้วถ้าคุณพร้อมเปิดใจพร้อมเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆจากประสบการณ์ในการเดินทางของคุณเอง คุณก็จะได้เห็นมุมมองใหม่ๆที่ไม่เคยได้สัมผัสเช่นกัน
โฮสเทล คือ ที่พักในราคาประหยัด โดยมาในรูปแบบ
Dormitory ซึ่งเป็นการการนอนรวมกับคนอื่นๆ
ปัจจุบันโฮสเทลมีเกือบทุกที่ทั่วโลก
และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มชาวแบคแพคเกอร์
เตียงนอนในโฮสเทลจะเป็นแบบเตียง 2 ชั้น หากใครขาไม่ดีผมไม่แนะนำให้นอนข้างบน
สิ่งที่มีให้ในโฮสเทลก็มีหมอน ผ้าห่มและผ้าม่านปิดกั้นรวมถึงปลั๊กไฟ
ถ้าเป็นโฮสเทลที่ราคาแพงสักหน่อยก็จะเป็นห้องแบบแคปซูล
ซึ่งมีดีไซน์ที่เก๋ไก๋และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าโฮสเทลราคาถูกๆ
ตู้ล็อคเกอร์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับโฮสเทล
ซึ่งจะมีเอาไว้ใส่พวกของสำคัญที่มีค่าต่างๆ
ผมไปพักโฮสเทลมาหลายที่ของไม่เคยหายเลยสักครั้ง
แต่ก็ไม่ควรประมาทโดยเด็ดขาด
เพราะการนอนร่มกับคนแปลกหน้า
มันก็ย่อมมีพวกมิจฉาชีพแอบแฝงมาบ้าง
บรรยากาศด้านนอก ซึ่งตรงนี้จะตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งอยู่ในกรุงพนมเปญของกัมพูชา
โดยโฮสเทลที่ผมพักมีชื่อว่า
Onederz Hostel Phnom Penh
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
22 กรกฎาคม 2565
EP.52 สีสันยามค่ำคืน
หน้าพระราชวังเขมรินทร์
พระราชวังเขมรินทร์ในประเทศกัมพูชาถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงพนมเปญ ผมเคยไปเข้าไปชมบรรยากาศด้านในมาแล้ว 1 ครั้ง ถ้าให้เปรียบไปก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากพระบรมราชวังหรือวัดพระแก้วตรงแถวสนามหลวงของบ้านเรา ปัจจุบันพระราชวังเขมรินทร์ก็เป็นพื้นที่เขตพระราชฐานและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงพนมเปญ ซึ่งด้วยความที่เป็นสัญลักษณ์และตั้งอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญ ทำให้มักจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนกัมพูชาและชาวต่างชาติมาเที่ยวชมกันอยู่บ่อยๆ
สำหรับการเที่ยวชมพระราชวังเขมรินทร์นั้นสามารถเข้าชมได้เฉพาะในช่วงเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนถึงแม้จะไม่สามารถเข้าไปชมกันได้ แต่ก็มีความคึกคักจากบรรยากาศที่อยู่บริเวณรอบๆซึ่งก็คือสีสันในยามค่ำคืนที่มักจะมีชาวกัมพูชามานั่งรวมกลุ่มซึ่งส่วนมากจะมากันในรูปแบบของทั้งกลุ่มเพื่อน กลุ่มของครอบครัวและในรูปแบบของคู่รัก โดยส่วนใหญ่ก็มานั่งพูดคุยหรือถ่ายรูปกับพวกแสงสีในยามค่ำคืนและก็มีกลุ่มที่มานั่งทานอาหารเช่นกัน
ส่วนคนเดินทางคนเดียวอย่างผมก็ได้แต่เดินชมบรรยากาศแสงสียามค่ำคืนและดูวิถีชีวิตของชาวกัมพูชาไป ซึ่งจากการที่เดินเดินสำรวจบรรยากาศไปรอบๆก็เห็นได้ว่าจะมีแต่คนท้องถิ่นมานั่ง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติผมแทบไม่เจอเลยสักคนทั้งๆที่โซนนักท่องเที่ยวก็อยู่ในระยะที่ใกล้ๆกัน ขณะที่บรรยากาศอื่นๆที่ได้พบเห็นก็จะเป็นพวกแม่ค้าพ่อค้าที่นำของมาขายทั้งของเล่นและของกินต่างๆมากมาย รวมไปถึงพวกบรรดารถรับจ้างที่จอดกันอย่างเรียงรายเพื่อรอรับผู้โดยสาร ซึ่งภาพที่ผมได้เห็นทั้งหมดก็เป็นเสน่ห์และสีสันยามค่ำคืนหน้าพระราชวังเขมรินทร์ที่เต็มไปด้วยความคึกคักจากบรรดาผู้คนชาวกัมพูชา
สีสันยามค่ำคืนหน้าพระราชวังเขมรินทร์ในกรุงพนมเปญ
เต็มไปด้วยความคึกคักจากบรรดาผู้คนท้องถิ่นชาวกัมพูชา
วัดพระแก้ว ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับพระราชวัง
ส่วนถนนด้านหน้าคนไทยจะเรียกกันว่า ถนนหน้าพระลาน
ลักษณะต่างๆดูไม่ต่างจากวัดพระแก้วของบ้านเราเท่าไหร่
ช่วงเวลาค่ำคืนแบบนี้จะมีชาวกัมพูชาจำนวนมาก
ออกมานั่งจับกลุ่มพูดคุยและถ่ายรูปกับแสงสี
โดยจะมาทั้งในแบบคู่รัก กลุ่มเพื่อนและครอบครัว
แม่ค้านำของมาวางขายกันพอสมควร
อย่างภาพนี้ก็เป็นพวกของเล่นต่างๆทั้งตุ๊กตาและรถบังคับ
บรรดาลูกโป่งต่างๆก็เป็นสิ่งที่บรรดาเด็กๆถูกใจอย่างมาก
ของกินก็มีขายอยู่พอสมควร พวกแมลงทอด ตั๊กแตนทอด
ที่มีขายในบ้านเราที่กัมพูชาก็มีขายเช่นกัน
มีการปูเสื่อซึ่งเอาไว้สำหรับคนที่ต้องการนั่งทานอาหาร
พร้อมกับชมแสงสีในยามค่ำคืน
เขตรอบๆพระราชวังจะเป็นเขตพระราชฐาน
ทำให้มีการสั่งห้ามการบินโดรนโดยเด็ดขาด
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
24 กรกฎาคม 2565
EP.53 ห้าง The Heritage Walk
ห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า คือ สถานที่รวบรวมสินค้าหลากหลายชนิดซึ่งตัวอาคารสถานที่จะอยู่ในรูปแบบที่ดูทันสมัยซึ่งให้อารมณ์ความแตกต่างจากตลาดทั่วๆไปอย่างชัดเจน สำหรับเมืองไทยของเรามีห้างสรรพสินค้ามากมายครับ เดี๋ยวนี้ขยายไปตามต่างจังหวัดและมีห้างสรรพสินค้ากันครบทุกจังหวัด หลายคนไปเดินห้างก็เพื่อจับจ่ายสินค้า บ้างก็เดินเที่ยวเล่น บ้านก็ไปเดินตากแอร์หลบอากาศร้อนจากภายนอก ส่วนตัวผมไม่ค่อยถูกจริตกับพวกห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเดินบ่อยนัก แต่ถ้าไปเดินเมื่อไหร่ก็มีซื้อของที่จำเป็นหลักๆก็จะเป็นสินค้าที่เอาไว้สำหรับการเดินทาง
สำหรับห้างสรรพสินค้านั้นมีอยู่ทั่วโลกครับ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็จะเจอกับห้างสรรพสินค้าเสมอไม่เว้นแม้แต่พวกเมืองเล็กๆที่คนไม่ค่อยรู้จักก็ยังมีห้างสรรพสินค้าให้คนได้ไปเดินกัน สำหรับในเมืองเสียมเรียบที่กัมพูชาถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ดังนั้นห้างสรรพสินค้าจึงเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้เยอะในเมืองเสียมเรียบ โดยหนึ่งในห้างที่ทั้งคนเขมรและนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันพอสมควรก็คือ ห้าง The Heritage Walk ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดท่องเที่ยวของเมืองเสียมเรียบมากนัก โดยถูกจัดให้เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีดีไซน์การออกแบบที่ดูล้ำสมัยและน่ามาเดินเที่ยวไม่น้อยเลย
ช่วงวันท้ายๆของการอยู่ในเสียมเรียบ ผมเลือกที่จะมาเดินดูห้าง The Heritage Walk ซึ่งผมเที่ยวเสียมเรียบหลายครั้งก็ไม่เคยได้มาสักที พอเมื่อเข้าไปก้เห็นการดีไซน์ของตัวอาคารที่ดูโฉบเฉี่ยวโดยมีแนวคิดในการออกแบบให้อาคารเป็นแบบเปิดโล่งและมีลักษณะแบบกึ่งกลางแจ้งทำให้ดูไม่อึดอัด โดยผมไปเดินในวันธรรมดาทำให้บรรยากาศอาจดูไม่คึกคักมากนัก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ มีร้านอาหารดังจากต่างประเทศมาเปิดสาขาที่นี่เยอะพอสมควรไม่ว่าจะเป็นร้านตำมั่วของเมืองไทย ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ร้านพิซซ่า ร้านกาแฟอเมซอน ร้านอาหารของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมถึงร้านไอศครีมสเวนเซ่นส์
ส่วนจุดอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมีโซนชั้นล่างที่เป็นลานวงกลม โดยมีการตั้งเครื่องเล่นสำหรับเด็ก มีแม่ค้านำทุเรียนมาวางขาย รวมไปถึงจุดของซุปเปอร์มาร์เกตซึ่งมีสินค้านานาชนิด ขณะที่บริเวณชั้นอื่นๆจากที่ผมเดินขึ้นไปสำรวจก็พบว่าค่อนข้างเงียบเหงามาก พื้นที่บางส่วนยังมีการปรับปรุง แต่ก็ยังมีจุดของโรงภาพยนตร์ที่อยู่บริเวณชั้นบนซึ่งจะเป็นจุดที่ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นชาวกัมพูชากันพอสมควร ซึ่งผมว่าปัจจุบันห้าง The Heritage Walk เนี่ยค่อนข้างจะดูเหมือนศูนย์รวมร้านอาหารมากกว่า คนที่มาเดินส่วนใหญ่ก็คือมานั่งทานอาหาร เพราะพวกร้านที่ขายของใช้ต่างๆแทบไม่มีให้เห็นเลยและในวันธรรมดาก็ดูเงียบสุดๆ ซึ่งบางทีอาจจะคึกคักในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เป็นไปได้
ห้าง The Heritage Walk ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
ที่ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
โซนชั้นล่างจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง
โดยจะมีการนำเครื่องเล่นเด็กมาตั้งเอาไว้อยู่ตรงกลาง
ซุปเปอร์มาร์เกตก็ตั้งอยู่ในโซนชั้นล่าง
โดยมีสินค้าค่อนข้างหลากหลาย
ร้านอาหารมีเยอะมาก นี่คือร้านปิ้งย่างชื่อดัง ซึ่งก็คือร้าน บาร์บีคิวพลาซ่า คนไทยเราคุ้นเคยกันดี
ร้านพิซซ่าก็มีครับ ซึ่งจะมีร้านอาหารต่างประเทศ มาเปิดสาขาที่นี่กันพอสมควร
ร้านตำมั่วของไทยเราก็มาเปิดสาขาที่นี่เหมือนกัน
ผมได้แต่ถ่ายรูปด้านนอก สาเหตุเพราะไม่มีเงินมากพอ
ที่จะเข้าไปทาน
มีของคาวไปแล้วก็ต้องมีของหวานอย่าง
ไอศครีมสเวนเซ่นส์
วันที่ผมไปเดินก็ไปเจอทุเรียนพอดี
ดูน่าทานพอสมควร แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นพันธุ์อะไร
ผมเดินสำรวจไปจนทั่วก็พบว่าชั้นบนสุดจะมีโรงหนัง
เห็นมีภาพหนังไทยด้วย ซึ่งคนที่มาดูส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่น
ผมไปเดินวันธรรมดา บรรยากาศที่เห็นก็เป็นประมาณนี้เลย
ดูแล้วค่อนข้างเงียบเหงาและพื้นที่บางส่วนก็มีการปรับปรุงอยู่
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
26 กรกฎาคม 2565
EP.71 จุดพักรถจังหวัดกำปงธม
เมื่อออกเดินทางสิ่งที่ควรมีตลอดนั่นคือ สติ ความพร้อมของร่างกายและสมรรถนะของยานพาหนะ ยิ่งต้องเดินทางในระยะทางไกลย่อมต้องมีความพร้อมมากเป็นพิเศษ ผมเป็นคนหนึ่งที่ตั้งแต่มาเป็นยูทูปเบอร์และบล็อกเกอร์ก็ต้องออกเดินทางอยู่แทบตลอดไม่ว่าจะเป็นการเดินทางทั้งในประเทศหรือว่าต่างประเทศ โดยการเดินทางแต่ละครั้งก็มีทั้งเดินทางในระยะใกล้ๆรวมไปถึงการเดินทางในระยะไกล โดยยานพาหนะที่ผมได้โดยสารไปก็มีหลากรูปแบบทั้งรถยนต์ เรือ รถไฟ มอเตอร์ไซค์รวมไปถึงเครื่องบิน
ผมเดินทางส่วนมากก็เป็นการนั่งรถยนต์เป็นหลักโดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกรถบัสไม่ก็รถตู้ โดยในช่วงกลางเดือนกันยายนผมมีโอกาสได้ไปที่กัมพูชาโดยนั่งรถตู้โดยสารจากเสียมเรียบไปที่พนมเปญซึ่งจะใช้เวลาเดินทางราวๆ 6 ชั่วโมงซึ่งก็ไม่ได้เป็นการเดินทางในระยะที่ไกลมากเท่าไหร่ แต่เนื่องจากผมเดินทางในช่วงกลางวันทำให้รถตู้ที่ผมนั่งไปได้มีการแวะจอดที่จุดพักรถซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดกำปงธมซึ่งก็เป็นหนึ่งในเส้นทางที่รถจะต้องวิ่งผ่านทุกครั้งหากเดินทางจากเสียมเรียบไปที่กรุงพนมเปญ
โดยรถตู้ที่ผมนั่งไปนั้นส่วนมากผู้โดยสารเป็นคนกัมพูชานั่นจึงทำให้รถตู้จอดที่จุดพักรถที่เป็นสไตล์ร้านแบบคนท้องถิ่น ซึ่งบรรยากาศในร้านก็ดูเป็นสไตล์ท้องถิ่น อาหารก็มีลักษณะเป็นข้าวราดแกงไม่ต่างจากเมืองไทย นอกจากนั้นก็ยังมีจุดของห้องน้ำรวมไปถึงร้านคาเฟ่แบบเล็กๆที่ให้บริการขายทั้งกาแฟและชาซึ่งถึงแม้ว่าบรรยากาศของจุดพักรถจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่เท่าที่ผมสังเกตุเห็นก็คือมีรถยนต์แวะมาเรื่อยๆโดยส่วนมากจะเป็นคนเขมรท้องถิ่นซึ่งบรรยากาศแบบท้องถิ่นดูโลคอลแบบนี้แหละที่ผมชื่นชอบ สุดท้ายผมจึงไม่พลาดที่จะหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปบรรยากาศของจุดพักรถในจังหวัดกำปงธมแบบเพลิดเพลิน
จุดพักรถจังหวัดกำปงธมซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทาง
ระหว่างที่รถจะวิ่งจากเสียมเรียบไปที่พนมเปญ
บรรยากาศของจุดพักรถดูเป็นสไตล์แบบท้องถิ่น
ซึ่งผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวเขมร
รถตู้ที่ผมนั่งโดยสารมาซึ่งผู้โดยสารเกือบทั้งหมด
เป็นชาวกัมพูชาล้วนๆ
อาหารที่ขายก็จะเป็นพวกข้าวราดแกง
ดูแล้วเมนูต่างๆแทบไม่ต่างจากในเมืองไทย
ห้องน้ำของจุดพักรถในจังหวัดกำปงธม
ส่วนใกล้ๆกันก็คือ ร้านคาเฟ่ซึ่งขายพวกเมนูเครื่องดื่มต่างๆ
บรรยากาศบริเวณด้านหน้าของจุดพักรถ
ซึ่งฝั่งตรงข้ามกำลังมีการก่อสร้างปั๊มน้ำมัน
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
21 ตุลาคม 2565
EP.72 ห้างสรรพสินค้า AEON MALL
ห้างสรรพสินค้า คือ สถานที่ที่รวบรวมสินค้าหลากหลายชนิดรวมทั้งยังมีจุดของศูนย์อาหารและพวกร้านอาหารต่างๆมากมายซึ่งในทุกวันวันหยุดหรือช่วงวันว่างก็จะเห็นภาพของผู้คนออกมาเดินซื้อของภายในห้างสรรพสินค้า บางรายอาจจะเอาแค่ได้เดินตากแอร์เย็นๆในช่วงวันหยุด ซึ่งภาพบรรยากาศเหล่านี้ก็เป็นภาพที่จะได้เห็นกันจนชินตาในทุกๆประเทศทั่วโลกซึ่งในประเทศกัมพูชาก็ไม่แตกต่างจากที่อื่นๆที่พอถึงช่วงเย็นหรือช่วงวันหยุดก็จะมีผู้คนมาเดินที่ห้างสรรพสินค้ากันเป็นจำนวนมาก
ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชาส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญซึ่งเป็นเมืองหลวง โดยห้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกัมพูชาก็คือ ห้าง AEON MALL ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้มีการขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ โดยเวลาที่ผมไปเที่ยวที่กรุงพนมเปญผมก็มักจะแวะที่ห้าง AEON MALL ทุกครั้งซึ่งจากการได้เห็นบรรยากาศภายในห้างก็ต้องยอมรับว่า ห้าง AEON MALL ค่อนข้างได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชาอยู่พอสมควร เพราะมักจะมีผู้คนมาเดินภายในห้างกันอยู่แทบตลอดทั้งวัน
ส่วนบรรยากาศภายในห้างก็ถือว่ามีความทันสมัยมีโซนของโรงภาพยนตร์จะตั้งอยู่ชั้นบนสุด โซนของศูนย์อาหารจะตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออก โซนของร้านอาหารก็จะมีร้านอาหารจากต่างประเทศมาเปิดสาขาที่นี่กันพอสมควรและพวกบรรดาร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆจากต่างประเทศก็มาเปิดให้บริการที่แห่งนี้มากมายหลายร้าน ผมเดินสำรวจจนทั่วก็พบว่าห้าง AEON MALL กลายเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวกัมพูชาโดยเฉพาะในวันหยุดจะมีผู้คนมากเป็นพิเศษดูแล้วก็อาจไม่ต่างจากเมืองไทยบ้านเราและอีกหลายๆประเทศที่ผู้คนที่พอมีเงินจับจ่ายก็มักจะใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มาเดินที่ห้างสรรพสินค้า
ห้าง AEON MALL คือห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น
และเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกัมพูชา
ด้วยความที่เป็นห้างใหญ่และทันสมัย
ทำให้จะมีพวกร้านค้าแบรนด์เนมของต่างประเทศ
มาเปิดขายกันอย่างมากมาย
ร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆเท่าที่ผมเห็นจะเป็นพวกร้านเสื้อผ้า
โดยมีแบรนด์ดังอย่าง H&M Giordarno รวมถึง Adidas
โซนขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าก็มักจะมี
พวกคนท้องถิ่นชาวกัมพูชามาดูและเลือกซื้อกันพอสมควร
โซนของร้านอาหารจะตั้งเรียงตลอดแนวยาว
โดยมีร้านอาหารจากต่างประเทศมาเปิดสาขากันอย่างมากมาย
ร้านฟาสฟู้ดชื่อดังอย่าง เบอร์เกอร์คิง ก็มาเปิดสาขาที่นี่เช่นกัน
โรงภาพยนตร์ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของห้าง
เกมโซนจะตั้งอยู่ไม่ห่างจากโรงภาพยนตร์
โซนนี้จะได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่น
พื้นที่บริเวณหน้าห้าง AEON MALL
ซึ่งทุกๆวันหยุดจะมีผู้คนมาเดินกันเป็นจำนวนมาก
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
30 ตุลาคม 2565
EP.73 นั่งรถไฟกัมพูชา
ขอสารภาพแบบตรงๆเลยว่า ผมเป็นคนที่ชอบการเดินทางด้วยรถไฟเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเริ่มมานั่งรถไฟครั้งแรกก็ตอนอายุ 20 ขึ้นไปแล้ว แต่มนต์เสน่ห์ของรถไฟทำให้ผมหลงรักมาจนถึงปัจจุบัน สาเหตุก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากเกินไปกว่าว่า เสน่ห์ของการนั่งรถไฟทำให้ได้เห็นวิวบรรยากาศจากข้างทางกันได้แบบเพลินๆแถมรถไฟไทยบ้านเราบางขบวนก็ได้นั่งกันแบบสโลว์ไลฟ์กันสุดๆ เมื่อมีความชอบและหลงไหลทำให้ในช่วงหลังผมมักที่จะเลือกเดินทางด้วยรถไฟเป็นหลักอยู่เสมอ
รถไฟไทยผมมีโอกาสได้นั่งมาแล้วหลายขบวน แต่เมื่อได้ไปยังต่างแดนก็คิดว่าจะหาทางนั่งรถไฟของแต่ละประเทศเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของการนั่งรถไฟในต่างประเทศเสียบ้าง เมื่อผมได้ไปที่กัมพูชาก็ไม่พลาดครับที่จะนั่งขบวนรถไฟของกัมพูชาซึ่งแม้จะมีเส้นทางการเดินรถไม่เยอะเหมือนบ้านเรา แต่รถไฟของกัมพูชาก็มีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำไม่น้อย เอาแค่บรรยากาศบนรถไฟก็ดูแปลกตาดีเพราะมีการนำเอาแอร์บ้านมาติดตั้งขบวน ส่วนที่นั่งก็เป็นแบบเบาะยาวที่ผู้โดยสารจาก 2 ฝั่งจะหันหน้าเข้าหากัน
ขณะที่เส้นทางที่ผมเลือกเดินทางกับขบวนรถไฟกัมพูชาก็คือ เส้นทางจากพนมเปญไปยังสถานีในเมืองกำปอดซึ่งใช้เวลาเดินทางร่วมๆ 4 ชั่วโมงกว่าซึ่งก็มาเสียเวลาเปลี่ยนขบวนรถไฟตรงสถานีแกบ ส่วนอัตราค่าโดยสารของขบวนรถไฟกัมพูชาจะอยู่ที่ 9 ดอลล่าร์หรือประมาณ 330 บาทซึ่งบรรยากาศที่รถไฟวิ่งผ่าน ผมว่าไม่ต่างจากบ้านเราซึ่งจะผ่านพื้นที่ทั้งโซนชานเมือง โซนชนบทที่เห็นบรรยากาศท้องทุ่งนารวมถึงแวะจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีประจำเมืองอย่างเช่น สถานีตาแก้วและสถานีแกบก่อนจะไปสิ้นสุดจุดหมายปลายทางที่สถานีกำปอด
รถไฟกัมพูชา มีเส้นทางเดินรถไม่เยอะเท่าเมืองไทย แต่ขบวนรถไฟดูมีเอกลักษณ์อยู่ไม่น้อย
ผู้โดยสารมานั่งรอขึ้นรถไฟกันตั้งแต่เช้า
เพราะรถไฟออกตอน 7 โมงเช้าทั้งเส้นทางกำปอดและพระตะบอง
ขบวนรถไฟของกัมพูชาจะใช้แอร์บ้านมาติดตั้งบนขบวน
และที่นั่งจะเป็นแถวยาวที่ผู้โดยสารจะหันหน้าเข้าหากัน
รถไฟวิ่งมาได้สักพักก็จะผ่านบรรยากาศแถบชานเมือง
ซึ่งดูแล้วชวนให้นึกถึงรถไฟช่วงวงเวียนใหญ่ - มหาชัย
รถไฟวิ่งมาได้เกือบชั่วโมงก็จะเข้าสู่พื้นที่โซนชนบท
ซึ่งบรรยากาศส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกท้องทุ่งนา
สถานีตาแก้ว เป็นหนึ่งในจุดที่รถไฟจะแวะจอด
เพื่อรับส่งผู้โดยสาร โดยอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญ 2 ชั่วโมง
ห้องน้ำบนขบวนรถไฟค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว
ซึ่งจากที่ผมสังเกตุนี่น่าจะเป็นรถไฟชั้น 2 ของกัมพูชา
วิวสวยๆระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่าน
รถไฟมาเปลี่ยนขบวนที่สถานีแกบ ซึ่งภาพรถไฟขบวนนี้ก็คือ
ขบวนรถไฟที่ทางไทยส่งมอบให้กับทางกัมพูชา
จากสถานีพนมเปญมาที่สถานีกำปอดใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่า
ซึ่งถ้าไม่เปลี่ยนขบวนก็จะใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่านั้น
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
14 พฤศจิกายน 2565
EP.88 ศูนย์อาหารกลางคืน
ใกล้อนุสาวรีย์เอกราช
อนุสาวรีย์เอกราช คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญของประเทศกัมพูชาและเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของกรุงพนมเปญ เวลาใครมาเที่ยวที่พนมเปญก็มักจะแวะมาชมบรรยากาศในยามค่ำคืนบริเวณอนุสาวรีย์เอกราชกันทั้งนั้นครับซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้มาเดินเที่ยวชมอนุสาวรีย์เอกราชในยามค่ำคืน แต่เมื่อเดินไปสักพักท้องก็เริ่มจะร้องบ่งบอกว่าความหิวกำลังมาเยือนซึ่งจุดใกล้ๆกับอนุสาวรีย์เอกราชก็มีร้านอาหารให้ได้นั่งทานกันอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยร้านที่ดูจะได้รับความนิยมจากผู้คนจะไม่ได้เป็นร้านอาหารแบบทั่วไป แต่ที่นี่ลักษณะจะเหมือนศูนย์อาหารหรือฟู้ดคอร์ทแต่ไม่ได้ต้องแลกบัตรเงินสดเหมือนตามห้างสรรพสินค้าซึ่งศูนย์อาหารแห่งนี้จะเปิดขายกันตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงแต่จะมีความคึกคักเป็นอย่างมากในช่วงเวลากลางคืน เพราะจะมีร้านอาหารมาเปิดขายกันหลายร้านและมีผู้คนมานั่งทานอาหารกันหลายคน ส่วนเมนูที่ขายกันก็มีอยู่หลากหลายดีครับไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง เมนูขนมปังที่ใส่พวกหมูยอและแตงกวาลงไป รวมไปถึงอาหารตะวันตกอย่างสเต็ก
ผมมีโอกาสไปทานอาหารที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ก็บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน โดยชอบไปสั่งเมนูขนมปังยาวสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเขาจะใส่พวกหมูยอแตงกวาและทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดนึกไปแล้วก็คงคล้ายๆกับการทานหมูสะเต๊ะของบ้านเรา ส่วนรอบๆบริเวณศูนย์อาหารก็จะมีอาหารแนวสตรีทฟู้ดขายอยู่ทั้งพวกส้มตำ เมนูหมูย่างรวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวซึ่งอาหารที่เห็นก็ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนักซึ่งพอถึงยามค่ำคืนศูนย์แห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างมานั่งรับประทานอาหารแต่เท่าที่ผมเห็นส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนกัมพูชาที่มักเลือกมานั่งรับประทานที่ศูนย์อาหารกลางคืนใกล้อนุสาวรีย์เอกราช
ศูนย์อาหารกลางคืนใกล้อนุสาวรีย์เอกราช
เป็นฟู้ดคอร์ทในกรุงพนมเปญที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
ร้านนี้ผมทานเป็นประจำซึ่งเป็นร้านขายขนมปังยาวแบบฝรั่งเศส
และสอดไส้ด้วยหมูยอแตงกวาและทานคู่กับน้ำจิ้มรถสเด็ด
ร้านนี้ขายอาหารตามสั่ง ส่วนเมนูก็คล้ายๆกับเมืองไทย
เมนูตะวันตกอย่าง สเต็ก ก็มีขายเช่นกัน ซึ่งราคาก็ไม่แพงครับขายอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท
บริเวณรอบๆก็มีอาหารพวกสตรีทฟู้ดขาย
ทั้งส้มตำ หมูย่าง ไข่ต้ม ก๋วยเตี๋ยว
จริงๆแล้วศูนย์อาหารที่นี่เปิดขายตั้งแต่ก่อนเที่ยง
แต่ความคึกคักจะอยู่ในช่วงกลางคืนเสียมากกว่า
มองเห็นไกลๆจะเป็นอนุสาวรีย์เอกราช
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงพนมเปญ
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
5 กุมภาพันธ์ 2566
EP.90 ประติมากรรมมินิอังกอร์วัด
เมืองเสียมเรียบไม่ใช่เมืองหลวงของกัมพูชาก็จริงนะครับ แต่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกล้วนแต่รู้จักกันแทบทั้งนั้น สาเหตุหลักๆก็เพราะว่าที่เมืองเสียมเรียบเป็นเมืองที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง อังกอร์วัดหรือที่คนไทยเรียกกันว่า นครวัด โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนับล้านคนมาแวะเวียนเที่ยวชมอังกอร์วัดกันอย่างไม่ขาดสายเพื่อชมสถานที่ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ผมเคยไปเที่ยวชมอังกอร์วัดมาประมาณ 2 ครั้ง ความรู้สึกที่ได้ชมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากเป็นพิเศษเพราะสาเหตุหลักๆของการที่เข้าไปชมก็เพื่อให้ไปได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่อยู่ใกล้บ้านเรานี่แหละ โดยอังกอร์วัดนอกจากที่จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทำรายได้ให้กับประเทศกัมพูชาแล้วภายในเมืองเสียมเรียบก็ยังมีสถานที่ที่รวบรวมงานด้านประติมากรรมเอาไว้อย่างหลากหลาย โดยมีจุดไฮไลท์เด่นก็คือ ประติมากรรมมินิอังกอร์วัด
สำหรับประติมากรรมมินิอังกอร์วัดจะเป็นสถานที่เล็กๆที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังและแม่น้ำเมืองเสียมเรียบ โดยบรรยากาศด้านภายในจะเต็มไปด้วยงานประติมากรรมต่างๆที่เป็นศิลปะในสไตล์แบบเขมร โดยจุดไฮไลท์เด่นก็คือ งานปั้นของอังกอร์วัดในขนาดย่อรวมไปถึงงานปั้นของปราสาทบันทายศรี โดยผลงานประติมากรรมเหล่านี้เป็นการรังสรรค์ของชายชราที่รอดชีวิตจากสงครามยุคเขมรแดง แต่ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดายว่าชายชราผู้ปั้นงานประติมากรรมเหล่านี้ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว
ส่วนการเข้าชมนั้นนักท่องเที่ยวสามารถมาเข้าชมกันได้ในทุกๆวัน โดยจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 2 ดอลล่าร์หรือประมาณเกือบๆ 70 บาทซึ่งค่าเข้าชมเหล่านี้นอกจากจะเป็นการทำนุบำรุงสถานที่แล้วยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนผลงานด้านประติมากรรมของเมืองเสียมเรียบ ซึ่งนับวันผลงานในด้านประติมากรรม จิตรกรรม สถาปัตยกรรมเริ่มได้รับความนิยมลดน้อยลงไปทุกที การสนับสนุนผลงานเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนกำลังใจและช่วยเหลือให้แก่บรรดานักสร้างสรรค์ผให้มีแรงใจในการรังสรรค์ผลงานดีๆออกมาให้พวกเราได้ชมกัน
ประติมากรรมมินิอังกอร์วัด ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบ
โดยเป็นงานประติมากรรมของนครวัดในรูปแบบขนาดย่อ
อีกหนึ่งผลงานที่เป็นไฮไลท์ก็คือ ปราสาทบันทายศรี
ผลงานด้านประติมากรรมมากมายที่ถูกนำมาจัดแสดง
ผลงานประติมากรรมพวกนี้เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ
ชายชราซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากสงครามยุคเขมรแดง
สำหรับการจะเข้าชมจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 2 ดอลล่าร์
หรือตีเป็นเงินไทยก็ราวๆเกือบ 70 บาท
บริเวณทางเข้าด้านหน้าของประติมากรรมมินิอังกอร์วัด
โดยจะตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังและแม่น้ำเมืองเสียมเรียบ
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
15 กุมภาพันธ์ 2566
EP.112 นั่งรถมินิบัสระหว่างประเทศ
กัมพูชา - เวียดนาม
การเดินทางในยุคปัจจุบันผมว่ามีความสะดวกสบายอย่างมากและเดินทางไปมาหาสู่กันง่ายขึ้นด้วยไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยยานพาหนะชนิดใดก็ตามซึ่งการเดินทางที่สะดวกสบายทำให้เกิดนักเดินทางหน้าใหม่อย่างมากมาย โดยการเดินทางระหว่างประเทศโดยที่ไม่นั่งเครื่องบินก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกยอดนิยมของนักเดินทางในสไตล์แบกเป้เที่ยวซึ่งแน่นอนว่าผมก็คือหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ
เวลาผมเดินทางไปต่างประเทศผมไม่ค่อยนิยมการนั่งเครื่องบินเท่าไหร่ โดยส่วนมากมักจะเน้นการเดินทางด้วยรถโดยสารซึ่งการเดินทางในประเทศแถบอาเซียนก็มีเส้นทางระหว่างประเทศอยู่ไม่น้อยและก็มีรถโดยสารให้บริการจากประเทศนึงไปยังประเทศนึงเช่นในเมืองไทยของเราก็มีรถบัสวิ่งไปลาว รถบัสวิ่งไปกัมพูชาหรือจะเป็นรถตู้ที่ข้ามแดนไปมาเลเซีย ส่วนในประเทศอื่นๆก็มีเช่นกันอย่างเช่น รถโดยสารที่วิ่งระหว่างประเทศกัมพูชาและเวียดนาม
ผมมีโอกาสข้ามแดนจากกัมพูชาไปเวียดนามก็หลายครั้งอยู่เหมือนกันและในแต่ละครั้งก็มักจะนั่งรถบัสโดยสารจากกรุงพนมเปญไปยังกรุงโฮจิมินห์ซึ่งเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและใช้เวลาในการเดินทางประมาณแค่ 7 ชั่วโมง โดยรถโดยสารที่ข้ามแดนจากกัมพูชาไปยังเวียดนามก็มีให้บริการอยู่หลายบริษัทซึ่งราคาก็เป็นไปตามมาตรฐานของแต่ละบริษัท ถ้าอยากนั่งสบายก็คงต้องจ่ายแพงหน่อย แต่ถ้าอยากประหยัดงบก็มีตัวเลือกอยู่ไม่น้อยแต่มาตรฐานอาจจะดร็อปลงมา
ครั้งล่าสุดที่ผมเดินทางจากกัมพูชาไปเวียดนาม คือ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาโดยพวกผมเลือกซื้อตั๋วกับบริษัทวิรัก บุญธรรม ซึ่งเป็นบริษัทเดินรถที่ค่อนข้างมีมาตรฐานของกัมพูชา โดยรถที่ได้นั่งเป็นรถมินิบัสเดินทางจากกรุงพนมเปญไปยังกรุงโฮจิมินห์ใช้เวลา 7 ชั่วโมงกว่า ส่วนค่าตั๋วอยู่ที่ 33 ดอลลาร์หรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1100 บาทซึ่งในความคิดก็ถือว่าค่อนข้างแพง แต่ด้วยความที่อยากนั่งแบบสบายๆและได้รถที่มีมาตรฐานจึงยอมจ่ายไป
ส่วนเรื่องการเดินทางผมได้รอบ 11 โมงซึ่งกว่าจะไปถึงที่โฮจิมินห์ก็ราวๆเกือบ 2 ทุ่ม โดยเส้นทางที่รถวิ่งผ่านจะผ่านตัวเมืองสวายเรียงซึ่งเป็นเมืองชายแดนของกัมพูชาก่อนที่จะเข้าไปยังเวียดนาม นอกจากนี้ก็ต้องผ่านจุดผ่านแดนของทั้ง 2 ประเทศโดยด่านของกัมพูชามีชื่อว่า ด่านบาเวท ส่วนด่านของเวียดนามมีชื่อว่า ด่านมอคไบ โดยรถจะมีการจอดให้ผู้โดยสารแวะเข้าห้องน้ำรวมไปถึงจอดแวะทานข้าวในช่วง 5 โมงเย็นในเขตพื้นที่ของประเทศเวียดนาม
รถมินิบัสระหว่างประเทศที่ให้บริการในเส้นทาง
กรุงพนมเปญของกัมพูชา - กรุงโฮจิมินห์ของเวียดนาม
ผมเลือกเดินทางกับบริษัท วิรัก บุญธรรม
ซึ่งเป็นบริษัทเดินรถที่ค่อนข้างมีมาตรฐานดีของกัมพูชา
ตารางเส้นทางเดินรถของบริษัท วิรัก บุญธรรม
ซึ่งมีเส้นทางทั้งในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศ
รถจะแวะจอดให้ผู้โดยสารได้เข้าห้องน้ำ ซื้อของ
โดยจะไปจอดให้ทานข้าวในช่วงเย็นตรงเขตพื้นที่ประเทศเวียดนาม
ด่านพรมแดนของกัมพูชาซึ่งผู้โดยสารต้องลงไป
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปั๊มพาสปอร์ต โดยด่านนี้มีชื่อว่า ด่านบาเวท
บรรยากาศของประเทศเวียดนามซึ่งจะเห็น
มอเตอร์ไซค์จำนวนมากเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น
รถมินิบัสใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 8 ชั่วโมง
โดยมาถึงจุดหมายปลายทางที่กรุงโฮจิมินห์ก็เกือบๆ 2 ทุ่ม
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
23 สิงหาคม 2566
EP.115 สะพานรถไฟพระตะบอง
หากเอ่ยชื่อของ พระตะบอง ผมเชื่อว่าคนไทยหลายคนที่ได้ศึกษาและเรียนรู้ประวัติศาสตร์กันมาคงคิดไว้คล้ายกันว่าที่จังหวัดนี้ครั้งนึงในสมัยอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของไทยมาก่อน แต่สุดท้ายเมื่อมีเหตุพิพาทกับทางฝรั่งเศสทำให้ไทยต้องยอมเสียพื้นที่ตรงส่วนนี้ไป ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ของพระตะบองกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาซึ่งการเดินทางไปในปัจจุบันก็ไม่ยากนักเพราะจังหวัดพระตะบองตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทยไปไม่เกิน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ผมเพิ่งกลับมาจากพระตะบองได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ โดยเป็นการไปสำรวจแบบทริประยะสั้นๆซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการสำรวจจังหวัดพระตะบองก็คือการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังที่สุดก็คือ การนั่งรถไฟไม้ไผ่ แต่ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไปเที่ยวยังสถานที่ดังๆเหมือนคนอื่น ดังนั้นจึงพยายามหาอะไรแปลกๆที่ไม่ค่อยมีใครไปจนกระทั่งมาได้เจอกับสะพานรถไฟแห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันยังคงเปิดใช้งานปกติ
สะพานรถไฟแห่งนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงเรียงนามแบบชัดเจน ดังนั้นผมเลยเรียกเอาเองว่าเป็นสะพานรถไฟแห่งพระตะบอง โดยสะพานแห่งนี้เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำสังแก นอกจากนั้นยังเป็นเส้นทางที่เอาไว้รองรับรถไฟที่มีไว้ขนส่งสินค้า แต่น่าเสียดายที่สะพานรถไฟแห่งนี้ไม่ได้เปิดเส้นทางไว้สำหรับรถไฟที่บรรทุกผู้โดยสารเพื่อการเดินทางซึ่งถ้าดูจากลักษณะของตัวสะพานก็แน่นอนล่ะครับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมาเป็นเส้นทางรถไฟที่ใช้ในการเดินทาง
สำหรับสะพานรถไฟแห่งพระตะบองมีไว้เฉพาะรถไฟที่ขนส่งสินค้า โดยเปิดใช้งานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ปีซึ่งรถไฟจะใช้สะพานนี้ในการวิ่งข้ามแม่น้ำสังแก ปัจจุบันยังมีรถไฟวิ่งผ่านไปมาแต่ก็เหลืออยู่ไม่มากนัก ทำให้บรรยากาศอาจดูไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสะพานรถไฟพระตะบองได้กลายเป็นหนึ่งในจุดที่ผู้คนมักจะมาถ่ายรูปกับสะพานและทางรถไฟจนทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดที่มีความแปลกและน่าสนใจหากได้มาเที่ยวที่จังหวัดพระตะบอง
สะพานรถไฟแห่งจังหวัดพระตะบอง เป็นสะพานเก่าแก่และเปิดใช้งานมาไม่ต่ำกว่า 70 ปี
เส้นทางรถไฟในปัจจุบัน แต่เป็นเส้นทางที่มีไว้เฉพาะ
รถไฟที่ขนส่งสินค้าและไม่ได้รองรับรถไฟที่ใช้ในการเดินทาง
นอกจากนั้นยังเป็นสะพานที่รถไฟจะใช้วิ่งข้ามแม่น้ำ
โดยแม่น้ำที่เห็นนี่คือ แม่น้ำสังกะ
บริเวณใกล้ๆกับสะพานรถไฟจะมีร้านอาหารตั้งอยู่ด้วย
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 กันยายน 2566
EP.118 คุกตวลสเลง
เขมรแดง ชื่อนี้คือชื่อที่ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาต่างพากันเกลียดโกรธแค้นหรืออาจหวาดผวา เพราะเขมรแดงก็คือกลุ่มมีอำนาจฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่เคยได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาไปไม่ต่ำกว่าหลักล้านคนซึ่งเหตุการณ์ต่างๆมันได้อุบัติขึ้นในช่วงกลางยุคทศวรรษที่ 70 โดยหากไปถามผู้คนชาวเขมรที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปเชื่อว่าหลายคนน่าจะยังพอมีความทรงจำกับในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันอยู่ไม่น้อย
เหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชาถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าละอายของมนุษยชาติครับ โดยถึงแม้ว่าปัจจุบันในประเทศกัมพูชาจะไม่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ก็ยังมีสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของกลุ่มเขมรแดงให้เห็นกันอยู่ โดยหนึ่งในสถานที่นั้นก็ตั้งอยู่ในเมืองหลวงอย่างกรุงพนมเปญโดยสถานที่ที่ว่าก็คือ S-21 หรือคุกตวลสเลง
สำหรับคุกตวลสเลงนั้นในอดีตก็คือโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนกันแบบปกติทั่วไป แต่เมื่อฝ่ายเขมรแดงสามารถเข้าครอบครองกัมพูชาได้แบบเบ็ดเสร็จในปี 1975 สถานที่แห่งนี้ก็ถูกดัดแปลงกลางเป็นคุกที่เอาไว้คุมขังเหยื่อชาวกัมพูชาซึ่งกลายสภาพมาเป็นนักโทษ โดยเมื่อถูกจับเข้ามายังคุกตวลสเลงนั่นก็เท่ากับว่าชีวิตของพวกเขาก็เหมือนกับตายไปแล้วครึ่งนึง
โดยนักโทษที่ถูกนำมาคุมขังที่คุกตวลสเลงส่วนมากก็คือชาวกัมพูชาซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงรวมไปถึงพวกเด็กและคนชราซึ่งนักโทษเหล่านี้ก็มาจากหลากหลายอาชีพทั้งพวกอาจารย์ วิศวกร หมอ ปัญญาชนคนมีความรู้ไปตลอดจนถึงพวกชาวไร่ชาวนาคนหาเช้ากินค่ำ โดยเมื่อถูกนำมาคุมขังชีวิตของพวกเขาก็ไม่ต่างจากตกนรกเพราะว่าจะถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆที่มีความโหดร้ายซึ่งเมื่อถูกทรมานอย่างสาหัสแล้วพวกเขาก็จะถูกนำไปฆ่าต่อที่ทุ่งสังหารหรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของ Killing Field นั่นเอง
ปัจจุบันคุกตวลสเลงถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม โดยด้านภายในก็จะนำเสนอเรื่องราวความโหดร้ายที่เกิดขึ้นจริงในคุกตวลสเลงไม่ว่าจะเป็นวิธีการทรมานนักโทษ โฉมหน้าของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย หัวกะโหลกของเหยื่อที่มีอยู่หลากหลายชิ้มรวมไปถึงคุกที่เคยใช้คุมขังนักโทษ โดยจากที่ผมได้เดินสำรวจจนทั่วก็พบว่าสถานที่เต็มไปด้วยความหดหู่และใบหน้าของนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่ได้เห็นภาพและทราบเรื่องราวต่างก็รู้สึกเศร้าหมอง หดหู่กับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา
คุกตวลสเลง ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญของประเทศกัมพูชา
โดยสมัยก่อนเคยเป็นโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนแบบทั่วไป
แต่ในปี 1975 เมื่อฝ่ายเขมรแดงมีอำนาจก็ดัดแปลง
พื้นที่ของโรงเรียนให้กลายเป็นคุกที่ใช้ทรมานนักโทษ
เตียงนอนที่เคยใช้เป็นที่ทรมานนักโทษด้วยวิธีต่างๆ
กฎต่างๆที่ฝ่ายเขมรแดงตั้งขึ้นมา
ซึ่งแต่ละข้อล้วนแต่เป็นการบีบบังคับนักโทษทั้งนั้น
ภาพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกนำมาขังในคุกตวลสเลง ซึ่งมีทุกเพศทุกวัยไม่เว้นแม้แต่เด็กและคนชรา
เหยื่อที่ถูกทรมานบางก็เสียชีวิตทันทีในจุดเกิดเหตุ
บางรายยังมีชีวิตแต่ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น
อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต
ในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
บริเวณจุดทางเข้าออกจะมีจุดบริการออดิโอไกด์ หรือหูฟังที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของคุกตวลเสลง
VIDEO
คลิปวีดีโอ
เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
9 ตุลาคม 2566
EP.126 ทุ่งสังหารที่พระตะบอง
ประวัติศาสตร์ของประเทศกัมพูชาที่หลายคนน่าจะพอเคยได้ยินและได้ฟังกันมาบ้างคงจะเป็นเรื่องราวของ เขมรแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยเรืองอำนาจในช่วงยุคทศวรรษที่ 70 และได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมรไปไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนซึ่งเหตุการณ์ใหญ่ๆของการฆ่าสังหารก็มักเกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ แต่ก็ใช่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเฉพาะในเมืองหลวง เพราะว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของกลุ่มเขมรแดงได้เกิดไปทั่วประเทศกัมพูชา โดยหนึ่งในนั้นก็คือที่จังหวัดพระตะบอง
พระตะบองในปัจจุบันจัดว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มักมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมไปเที่ยวกัน แต่เหตุการณ์ในช่วงที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่พระตะบองก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเช่นกันซึ่งแม้ว่าจะไม่โด่งดังเหมือนเหตุการณ์ที่พนมเปญ แต่ความโหดร้ายการทารุณกรรมก็ไม่แตกต่างจากจุดอื่นๆ โดยที่พระตะบองก็ได้มีพื้นที่ของทุ่งสังหารซึ่งเปรียบได้ดั่งอนุสรณ์สถานแห่งความหดหู่และความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ผมได้มีโอกาแวะไปชมทุ่งสังหารที่จังหวัดพระตะบอง โดยสถานที่แห่งนี้ดูมีความแตกต่างจากทุ่งสังหารที่กรุงพนมเปญมากพอสมควร เพราะไม่ได้มีความโด่งดังไม่มีการเก็บเงินค่าเข้าชมและไม่ได้มีนักท่องเที่ยวแวะมาชมมากนัก นอกจากนั้นพื้นที่ของทุ่งสังหารที่พระตะบองยังตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัด ทำให้บรรยากาศของสถานที่ยิ่งดูมีความวังเวงมากไปอีกเป็นทวีคูณ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้ก็คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่น่าละอายของประเทศกัมพูชาอีกแห่งหนึ่ง
ผมเดินสำรวจบรรยากาศดูจนทั่วก็พบว่าพื้นที่ของทุ่งสังหารที่พระตะบองจะมีอนุสรณ์สถานที่เอาไว้เก็บหัวกะโหลกและโครงกระดูกของบรรดาเหยื่อที่ถูกเขมรแดงฆ่าอย่างโหดร้ายซึ่งไม่แตกต่างจากที่กรุงพนมเปญเท่าไหร่ นอกจากนั้นยังมีจุดของภาพแกะสลักที่อยู่รอบอนุสรณ์สถานซึ่งจะเป็นภาพที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เขมรแดงทำการทรมานเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นอกจากนั้นก็จะมีรูปปั้นของทหารเขมรแดงและคำอธิบายทั้งภาษาเขมรและภาษาอังกฤษซึ่งช่วงเวลาที่ผมได้ไปเที่ยวชมก็เป็นบรรยากาศช่วงที่ท้องฟ้ามืดครึ้มมีฝนตกลงมาปรอยๆ นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศของสถานที่ที่ดูวังเวงและน่าหดหู่อยู่แล้วยิ่งเพิ่มความวังเวงมากขึ้นไปอีก
ทุ่งสังหารที่จังหวัดพระตะบอง เป็นอนุสรณ์สถาน
ที่มีความเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา
หัวกะโหลกและโครงกระดูกจำนวนมากของเหยื่อที่ถูกสังหาร
ถูกนำมาจัดเก็บไว้ในอนุสรณ์สถาน