อินโดนีเซีย

 

EP.98 ทามานซารี
โรงอาบน้ำของสุลต่าน


อากาศร้อนๆในช่วงเดือนเมษายนที่เพิ่งจบลงไปทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกร้อนรน เบื่อหน่ายและไม่สบายตัวกันไปพอสมควรนะครับ พอขึ้นเดือนพฤษภาคมอากาศร้อนๆก็ยังไม่จางหายเพียงแต่เดือนนี้สำหรับเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเดือนเริ่มต้นแห่งฤดูฝนซึ่งก็ต้องดูกันอีกว่าฝนจะมาถูกต้องตามฤดูกาลหรือเปล่าหรือว่าอากาศจะยังคงเพิ่มความร้อนระอุอยู่เหมือนเดิมซึ่งหลายคนมักมีคำแซวกันว่าเมืองไทยน่ะมี 3 ฤดูกาลคือ ร้อน ร้อนมากและร้อนแบบสุดๆ

ด้วยความที่อากาศร้อนของเมืองไทยประกอบกับผมมีเวลาประจวบเหมาะทำให้ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมจึงตัดสินใจหนีร้อนของเมืองไทยไปเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของไทยซึ่งผมได้มีโอกาสไปเป็นครั้งแรกซึ่งนั่นก็คือ อินโดนีเซีย สำหรับการไปยังแดนอิเหนาครั้งนี้ของผม ผมเลือกเดินทางไปที่เกาะชวาก่อนซึ่งบนเกาะนี้เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของอินโดนีเซียด้วยซึ่งก็คือ กรุงจาการ์ตา

การเดินทางบนเกาะชวาของผมได้ไปที่จาการ์ตา บันดุงและยอร์กยาการ์ตาซึ่งอยู่ในเส้นทางรถไฟเดียวกันบนเกาะชวา โดยที่เมืองยอร์กยาการ์ตาผมได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวอยู่สถานที่นึงซึ่งพอได้เห็นบรรยากาศแล้วก็อยากจะกระโดดลงไปในสระน้ำให้หายร้อน โดยสถานที่ที่ผมจะกล่าวถึงนี้ก็คือ ทามานซารีหรือหลายคนจะรู้จักกันดีว่าเคยเป็นอดีตโรงอาบน้ำของสุลต่านในเมืองยอร์กยาการ์ตา

ทามานซารี เป็นคำเรียกตามภาษาอินโดนีเซียซึ่งจากข้อมูลที่ผมไปอ่านมาที่แห่งนี้ครั้งนึงเคยเป็นที่ประทับและโรงอาบน้ำของบรรดาสุลต่านในเมืองยอร์กยาการ์ตา โดยเป็นสถานที่ที่จะเน้นในเรื่องของความสำราญและการพักผ่อนเป็นหลัก โดยสมัยก่อนทามานซารีจะมีบรรยากาศที่คึกคักอย่างมากช่วงหลังตะวันตกดินจะมีบรรดาผู้หญิงหลายคนมาเล่นน้ำอยู่ภายในสระ โดยจะมีสุลต่านคอยทอดพระเนตรอยู่บริเวณด้านบนทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการคัดเลือกผู้หญิงที่จะมาเป็นนางสนมและปรนนิบัติรับใช้สุลต่านในคืนนั้นนั่นเอง

ปัจจุบันทามานซารีกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในเมืองยอร์กยาการ์ตาและไม่มีทั้งสุลต่าน นางสนมหรือใครจะมาลงเล่นน้ำในสระอีกแล้ว แต่สภาพที่ผมได้เห็ในปัจจุบันต้องถือว่าทามานซารีเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก ส่วนบรรยากาศภายในก็จะมีทั้งสระน้ำอยู่มาณ 2-3 สระ จุดของที่ประทับของสุลต่านและนางสนมรวมถึงบรรดาสถาปัตยกรรมต่างๆซึ่งจะเป็นในรูปแบบของทางอินโดนีเซีย


ทามานซารี หรือโรงอาบน้ำของสุลต่าน
ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองยอร์กยาการ์ตา

ทามานซารีในอดีตเคยเป็นสถานที่พักผ่อนของสุลต่าน
โดยจะมีนางสนมมาเล่นในน้ำสระพร้อมคอยปรนนิบัตสุลต่าน

จุดของห้องแต่งตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้า

ห้องบรรทมของสุลต่านและบรรดานางสนม
โดยสุลต่านจะเป็นผู้คัดเลือกนางสนมด้วยตนเอง

บรรยากาศภายในทามานซารีจะมีการปลูกต้นไม้มากมาย
ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความสดชื่นและความร่มรื่นให้แก่สถานที่

สถาปัตยกรรมต่างๆภายในทามานซารี
ล้วนแต่ได้รับการออกแบบที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของอินโดนีเซีย

ราคาค่าเข้าชมสำหรับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
ในแต่ะวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่ตลอด


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
1 พฤษภาคม 2566


EP.99 ถนนมาริโอโบโร่


เวลาที่ผมออกเดินทางไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศสถานที่ที่มักจะต้องไปให้เห็นกับตาทุกครั้งก็จะมีตลาดท้องถิ่นและอีกจุดนึงที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ ถนนคนเดิน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งที่จะได้พบเห็นวิถีชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะในช่วงเวลายามค่ำคืนซึ่งในแต่ละประเทศก็มักจะมีถนนคนเดินไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวรวมไปถึงผู้คนท้องถิ่นที่จะมาเดินซื้อของจับจ่ายกันในช่วงเวลายามราตรี ทำให้บรรยากาศของถนนคนเดินมักจะคึกคักพอสมควร

ถนนมาริโอโบโร่เป็นถนนที่สำคัญที่ตั้งอยู่ในเมืองยอร์กยาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซีย โดยในอดีตเป็นถนนที่ใช้ในเรื่องของการคมนาคมและการพานิชย์ซึ่งผู้ที่ก่อสร้างถนนสายนี้ขึ้นมาก็คือ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็เป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของอินโดนีเซียโดยผู้ที่อาศัยบริเวณถนนมาริโอโบโร่ในสมัยอดีตก็จะเป็นกลุ่มชาวเนเธอร์แลนด์หรือชาวดัตช์ซึ่งเป็นกลุ่มคนจากทางยุโรปที่มีฐานะ โดยจะใช้ถนนมาริโอโบโร่ในเรื่องของการเดินทางรวมไปถึงในด้านการค้าขาย

ปัจจุบันถนนมาริโอโบโร่ไม่ได้มีชาวดัตช์อาศัยเหมือนดั่งในอดีตอีกแล้ว เพราะตั้งแต่อินโดนีเซียได้รับเอกราชถนนมาริโอโบโร่ก็กลายมาเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองยอร์กยาการ์ตา โดยบรรยากาศเท่าที่ผมได้ไปเดินสำรวจก็พบว่าจะเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านขายของมากมาย บริเวณตรงกลางเป็นถนนซึ่งรถยนต์สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ ส่วนบริเวณริมทางก็จะสร้างเป็นทางเดินเท้าให้ผู้คนได้มาชมบรรยากาศและเดินเลือกซื้อสินค้าที่ตั้งขายกันอย่างเรียงรายเต็มทั้ง 2 ฝั่ง

นอกจากที่จะได้เห็นร้านค้าต่างๆมากมายแล้วบริเวณถนนมาริโอโบโร่ก็มักจะมีการแสดงดนตรีพื้นบ้านของอินโดนีเซียในแทบทุกๆคืนหรือพวกศิลปินที่มาร้องเพลงและเล่นดนตรีเปิดหมวก รวมไปถึงรถม้าที่จอดไว้คอยให้บริการแก่ผู้ที่สนใจจะลองนั่งเพื่อชมบรรยากาศของบริเวณถนนมาริโอโบโร่รวมไปถึงจุดต่างๆที่สำคัญในเมืองยอร์กยาการ์ตา โดยบรรยากาศในยามค่ำคืนจะคึกคักมากกว่าตอนกลางวันซึ่งดูแล้วก็ไม่แตกต่างจากถนนคนเดินในประเทศอื่นๆที่ความคึกคักมักจะอยู่ในช่วงยามราตรีหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว


ถนนมาริโอโบโร่ เป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียง
ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองยอร์กยาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซีย

ร้านรองเท้าบาจาก็มีขายอยู่บริเวณถนนมาริโอโบโร่เช่นกัน

ร้านสตรีทฟู้ดข้างทางก็มีให้เห็นได้เช่นกัน
โดยภาพนี้คือ ไก่สะเต๊ะ ซึ่งเป็นของกินขึ้นชื่อของอินโดนีเซีย

ร้านขายเสื้อผ้าคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย
เวลาไปเที่ยวบริเวณถนนคนเดินของประเทศต่างๆ

รถม้า หนึ่งในเอกลักษณ์ของเมืองยอร์กยาการ์ตา
ซึ่งจะมีให้บริการกันตลอดทั้งวัน

สตรีทฟู้ดของอินโดนีเซียมีให้เลือกทานกันอย่างมากมาย

การแสดงดนตรีพื้นบ้านของอินโดนีเซีย
มักจะมีให้เห็นกันในทุกๆค่ำคืน

มีการให้บริการเช่ารถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
พร้อมกับมีราคาบอกแบบละเอียดชัดเจน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
17 พฤษภาคม 2566


EP.100 ป่าในเมือง
บาบากัน สิริวังกิ


สังคมเมืองคือสังคมที่มักจะมีผู้คนอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมากซึ่งถ้าหากเป็นเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่หรือเมืองสำคัญต่างๆจำนวนผู้คนก็จะยิ่งมีเป็นจำนวนมาก สาเหตุก็คงเป็นเพราะตามเมืองใหญ่มักจะมีแหล่งทำงานอยู่อย่างมากมาย รวมไปถึงความสะดวกสบายต่างๆทั้งเทคโนโลยีรวมไปถึงการคมนาคมและเรื่องของการอุปโภคบริโภคซึ่งถ้าเป็นเมืองไทยบ้านเรา ผมว่ากรุงเทพมหานครก็คือตัวอย่างที่ชัดเจนของเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเจริญและมีผู้คนอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก

สำหรับที่อินโดนีเซียนั้นมีเมืองหลวงก็คือ กรุงจาการ์ตา ซึ่งก็แน่นอนครับว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความแออัดและหนาแน่นของบรรดาผู้คนไม่ต่างจากกรุงเทพมหานครเท่าไหร่นัก ส่วนที่เมืองบันดุงซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจาการ์ตาไปประมาณ 3 ชั่วโมงก็เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา แม้ความหนาแน่นอาจจะดูไม่เยอะเท่ากับที่จาการ์ตา แต่จากการที่ผมได้ไปสัมผัสและเห็นบรรยากาศมาก็ต้องยอมรับว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ที่เมืองบันดุงอยู่พอสมควร เพราะนี่คือเมืองใหญ่าน่าจะเป็นอันดับที่ 3 หรือ 4 ของอินโดนีเซียเลยทีเดียว

เมืองบันดุงที่ผมกล่าวถึงไปนับว่าเป็นเมืองใหญ่ของอินโดนีเซีย ทำให้เรื่องความแออัดและเรื่องของการจราจรก็สร้างปัญหาให้แก่บรรดาชาวเมืองอยู่ไม่น้อยซึ่งการที่คนเราเจอปัญหาเรื่องการจราจรความแออัดและความวุ่นวายทำให้อาจเกิดความเบื่อหน่ายได้ซึ่งทางการของเมืองบันดุงเขาก็ได้ตระหนักถึงปัญหาข้อนี้นั่นจึงทำให้ได้มีการสร้างป่าในเมืองที่ชื่อว่า บาบากัน สิริวังกิ ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้างก็เพื่อต้องการให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองบันดุงนั่นเอง

ป่าในเมือง บาบากันสิริวังกิ เปรียบเสมือนปอดของชาวเมืองบันดุงซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองซึ่งหากใครที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากด้านภายนอกก็เหมาะอย่างมากที่จะมาพักผ่อนชมธรรมชาติจากด้านใน เพราะว่าบรรยากาศของป่าในเมืองบาบากันสิริวังกิจะเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ที่ให้ความสดชื่นและร่มรื่นแก่ผู้ที่เข้ามาสัมผัสบรรยากาศ นอกจากนั้นยังมีพวกร้านคาเฟ่เล็กๆไว้สำหรับทานเครื่องดื่มและนั่งแบบชิวๆในบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์จึงนับได้ว่าป่าในเมืองบาบากันสิริวังกิเป็นแหล่งพักผ่อนชั้นดีและเหมาะแก่การหลีกหนีบรรยากาศความวุ่นวายจากภายนอกได้เป็นอย่างดี


ป่าในเมืองบาบากัน สิริวังกิ เป็นป่าธรรมชาติที่มนุษย์สร้างขึ้น
โดยตั้งอยู่ที่เมืองบันดุงของประเทศอินโดนีเซีย

จุดชมธรรมชาติจะมีสะพานขนาดใหญ่ให้ได้เดินชมกันเพลินๆ
แต่ต้องระวังสักหน่อยเพราะบางจุดมีความชันและคดเคี้ยว

ในแต่ละวันจะมีชาวเมืองบันดุงเข้ามาชมธรรมชาติ
และพักผ่อนหลีกหนีความวุ่นวายกันเป็นจำนวนมาก

บรรยากาศภายในป่าในเมืองบาบากัน สิริวังกิ
จะมีการปลูกต้นไม้หลากหลายชนิด

จุดนั่งพักผ่อนซึ่งจะมีร้านคาเฟ่เล็กๆซึ่งจะมี
พวกเครื่องดื่มไว้คอยบริการทั้งกาแฟและชา

ผู้คนชาวเมืองบันดุงมักจะแวะกันมาอยู่ตลอดในทุกๆวัน
เพราะสถานที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเดินทางมาไม่ยาก

ป้ายคำเตือนและข้อห้ามต่างๆก่อนที่จะเข้าไปชมธรรมชาติ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
23 พฤษภาคม 2566


EP.101 สถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตา


หลังจากที่ได้มาทำคลิปการเดินทางท่องเที่ยว ผมก็มีโอกาสได้ใช้บริการรถไฟอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็นรถไฟไทยหรือรถไฟของต่างแดนซึ่งการนั่งรถไฟมันก็มีเสน่ห์ในตัวและหาไม่ได้จากการโดยสารยานพาหนะอื่นๆซึ่งการที่ผมนั่งรถไฟบ่อยนั่นจึงทำให้ผมได้มีโอกาสแวะเวียนไปยังสถานีรถไฟตามที่ต่างๆอยู่หลายแห่งและหนึ่งในสถานีรถไฟที่ผมได้ไปเยี่ยมเยือนก็คือ สถานีรถไฟยอร์ยาการ์ตา ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย

สถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตาเป็นสถานีรถไฟที่มีความสำคัญและเป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเกาะชวาของอินโดนีเซีย โดยสถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตานับว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟสายตะวันตกของเกาะชวา โดยเส้นทางยอดนิยมก็จะมีจาการ์ตา บันดุง ยอร์กยาการ์ตาและไปสิ้นสุดที่สุราบายาซึ่งด้วยความที่ผมไปเที่ยวอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกผมได้ตัดสินใจไปเที่ยวบนเกาะชวาซึ่งเหตุผลหลักๆก็คงหนีไม่พ้นการไปสัมผัสบรรยากาศของรถไฟอินโดนีเซียนี่แหละครับ

สถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตาจากการที่ผมได้ไปสำรวจมาก็พบว่าเป็นสถานีที่มีขนาดใหญ่และในแต่ละวันจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการมากพอสมควร นอกจากนั้นยังเป็นสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนั่นทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวกสบายเป็นอย่างมาก โดยที่ตั้งของสถานีรถไฟจะอยู่บริเวณติดกับถนนมาริโอโบโร่ซึ่งเป็นถนนสายท่องเที่ยวแห่งเมืองยอร์กยาการ์ตาซึ่งด้วยความที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองนั่นจึงทำให้มีพวกโรงแรม ร้านอาหารต่างๆมากมายตั้งเรียงรายอยู่รอบๆสถานีรถไฟ

ส่วนบรรยากาศภายในของสถานีรถไฟที่อินโดนีเซียจะมีความแตกต่างจากบ้านเราตรงที่ต้องมีการสแกนตั๋วโดยสารทุกครั้งก่อนที่จะเดินไปยังจุดของชานชาลา ดังนั้นหากใครไม่มีตั๋วโดยสารก็จะไม่สามารถไปยังจุดของชานชาลาได้ ส่วนจุดอื่นๆที่ผมเห็นจะมีพวกจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารซึ่งมีทั้งรถไฟทางไกลที่วิ่งระหว่างเมืองรวมไปถึงรถไฟที่เชื่อมต่อเข้าสู่สนามบินยอร์กยาการ์ตา นอกจากนั้นก็ยังมีจุดของร้านอาหาร ห้องละหมาดและจุดเสียบชาร์ตแบตมือถือไว้คอยบริการแก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถไฟ


บรรยากาศบริเวณด้านหน้าของสถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตา

บริเวณรอบๆสถานีรถไฟจะเต็มไปด้วยโรงแรม
รวมไปถึงร้านค้าและร้านอาหารมากมาย

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารที่สถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตา
ซึ่งมีทั้งรถไฟทางไกลและรถไฟที่เชื่อมเข้าสู่สนามบิน

จุดเช็คอินสำหรับผู้โดยสารที่ทำการจองตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว

จุดสำหรับเสียบชาร์จแบตมือถือ
ซึ่งปลั๊กที่อินโดนีเซียจะมีความแตกต่างจากเมืองไทย

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ภายในสถานีรถไฟยอร์กยาการ์ตา
ซึ่งร้านโรตีโอเป็นร้านที่พบเห็นได้ในทุกๆสถานี

สถานีรถไฟที่อินโดนีเซียจะให้ผู้โดยสารสแกนตั๋วทุกครั้ง
ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังจุดของชานชาลา

บริเวณพื้นที่ชานชาลาซึ่งในแต่ละวันจะมีรถไฟหลายขบวน
มาเข้าจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร

ผู้โดยสารบางส่วนกำลังนั่งรอรถไฟ โดยจุดหมายหลักๆ
ก็มีทั้งที่จาการ์ตา บันดุงและสุราบายา


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
29 พฤษภาคม 2566


EP.113 นั่งรถเมล์อินโดนีเซีย


รถเมล์ คือ รถโดยสารสาธารณะที่มีให้บริการอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในสังคมเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและจอแจซึ่งรถเมล์ที่มีให้บริการก็เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนที่ต้องการเดินทางไปทำธุระต่างๆ นอกจากนั้นยังเป็นการแก้ปัญหารถติดส่วนหนึ่งซึ่งในหลายประเทศมักจะมีการรณรงค์ให้ผู้คนเดินทางด้วยรถสาธารณะมากกว่าจะเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อเป็นการลดปัญหารถยนต์ที่มีมากมายบนท้องถนนซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการจราจรที่ติดขัด

ผมเป็นคนหนึ่งที่เวลาอยู่ในเมืองหลวงไม่ว่าจะประเทศไหนก็ตาม ผมมักจะเลือกนั่งรถเมล์และรถโดยสารสาธารณะ โดยตอนที่ผมได้ไปที่กรุงจาการ์ตาเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ผมก็มีโอกาสได้ลองนั่งรถเมล์ของที่นี่มาแล้วเช่นกันซึ่งจากที่ได้ใช้บริการก็พบว่ามีจุดที่ดูแตกต่างจากเมืองไทยบ้านเราอยู่พอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องตั๋วโดยสาร พนักงานที่ให้บริการบนรถเมล์หรือแม้กระทั่งป้ายรถเมล์ก็แตกต่างจากที่เมืองไทย

สำหรับรถเมล์ของที่กรุงจาการ์ตาจะมีป้ายรถเมล์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเมืองไทยซึ่งแต่ละป้ายจะมีพนักงานประจำจุดคอยให้บริการและให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังคอยบอกด้วยว่ารถเมล์สายไหนมาถึงแล้ว ส่วนการจะไปรอที่ป้ายรถเมล์ก็ต้องมีการสแกนบัตรโดยสารเสียก่อนซึ่งบัตรโดยสารสามารถหาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีอยู่ทั่วไปในอินโดนีเซีย ซึ่งราคาของบัตรโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 70-80 บาทซึ่งผู้โดยสารสามารถใช้เดินทางได้หลายรอบจนกว่ายอดเงินในบัตรจะหมดลง

ส่วนบรรยากาศของรถเมล์ก็ถือว่าค่อนข้างกว่ารถเมล์ของไทยซึ่งบนรถเมล์จะมีพนักงานอยู่ 2 คน คือ พนักงานขับรถและพนักงานประจำรถซึ่งจะมีหน้าที่ในการบอกข้อมูลแก่ผู้โดยสาร ส่วนบนรถเมล์ก็ไม่มีการจ่ายเงินเหมือนในเมืองไทย เพราะผู้โดยสารจะจ่ายเงินผ่านการสแกนบัตรตรงป้ายรถเมล์แล้วนั่นเอง โดยผมเลือกขึ้นรถเมล์จากจุดใกล้ๆกับอนุสาวรีย์แห่งชาติและนั่งไปได้ไม่ไกลมากนัก เพราะการจราจรที่กรุงจาการ์ตาต้องถือว่าสาหัสอย่างหนักและมีปัญหาด้านการจราจรติดขัดมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว


ป้ายรถเมล์ของที่กรุงจาการ์ตาในอินโดนีเซีย
ดูมีความแตกต่างจากเมืองไทยบ้านเราพอสมควร

บริเวณรอบๆป้ายรถเมล์จะเป็นจุดจอดของ
พวกรถสามล้อเครื่องรวมไปถึงมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

นี่คือหน้าตาของบัตรโดยสารรถเมล์ของอินโดนีเซีย
หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งราคาประมาณ 70-80 บาท

เส้นทางวิ่งของรถเมล์ในกรุงจาการ์ตาซึ่งในช่วงเร่งด่วน
รถเมล์จะวิ่งในช่องทางพิเศษเหมือน BRT ของบ้านเรา

ป้ายรถเมล์ของที่อินโดนีเซียจะมีพนักงานประจำป้าย
โดยจะมีหน้าที่คอยบอกข้อมูลว่ารถเมล์สายไหนมาเข้าจอด

บรรยากาศบนรถเมล์ของอินโดนีเซีย
ซึ่งบางคันมีขนาดตัวรถที่ใหญ่และกว้างกว่าที่เมืองไทย

ผมมาลงตรงป้ายรถเมล์อีกจุดนึงที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ขึ้น
เพราะไม่อยากเจอการจราจรที่ติดขัดสาหัสของกรุงจาการ์ตา


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
29 สิงหาคม 2566


EP.119 ถนนบราก้า


ถนนคนเดินถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กที่สำคัญในแต่ละประเทศ เพราะจะเป็นจุดศูนย์รวมพวกสินค้าทั้งของกินและของใช้ รวมไปถึงมีจุดให้ผู้คนได้มาถ่ายรูปเช็คอินและถนนคนเดินมักจะตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งจะสะดวกต่อการเข้าถึงได้อย่างง่ายดายซึ่งเวลาที่ผมไปต่างประเทศ ผมก็มักที่จะแวะไปชมถนนคนเดินของแต่ละประเทศอยู่เสมอซึ่งถนนคนเดินแต่ละแห่งก็มีจะมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปเที่ยวที่เมืองบันดุงของประเทศอินโดนีเซีย โดยก็มีถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงซึ่งก็คือ ถนนบราก้า ซึ่งเป็นถนนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงยุคทศวรรษที่ 20 ในสมัยที่อินโดนีเซียยังเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ โดยถ้าหากย้อนกลับไปในสมัยอดีตจะมีเพียงรถม้าที่ผ่านสัญจรไปได้เท่านั้น แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไปตามกาลเวลาความเจริญก็ผุดขึ้นอย่างมากมายและมีการตัดถนนเพิ่มเติมเพื่อทำให้การคมนาคมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

โดยในยุคที่ชาวดัตช์ยังยึดครองพื้นที่ของเมืองบันดุงบริเวณพื้นที่ของถนนบราก้าก็จะเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมในสไตล์ยุโรป ร้านค้าต่างๆที่ตั้งเรียงรายกันและจะมีแค่เฉพาะกลุ่มเจ้าอาณานิคมชาวดัตช์เท่านั้นที่สามารถเดินบนถนนบราก้าแห่งนี้ได้ แต่เมื่ออินโดนีเซียมีอิสรภาพอย่างเป็นทางการ พื้นที่ของถนนบราก้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนักและร่องรอยความเจริญที่ชาวดัตช์ทิ้งเอาไว้ก็ยังคงเห็นได้อยู่บนถนนบราก้าแห่งนี้

ส่วนบรรยากาศในปัจจุบันของถนนบราก้าก็ถือว่าค่อนข้างมีความคึกคักเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงบ่ายแก่ๆไปจนถึงรอบหัวค่ำที่จะมีพวกบรรดาผู้คนมาเดินสัญจรกันเต็มไปหมด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวอินโดนีเซียที่จะมาหาของกินอร่อยๆรวมไปถึงการถ่ายรูปลงโซเชียล ส่วนบรรยากาศที่ผมได้ไปสำรวจมาก็ถือว่าค่อนข้างจะวุ่นวายพอสมควร เพราะว่าถนนบราก้าไม่ได้มีการปิดให้คนเดินอย่างเดียวนั่นจึงทำให้มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านสัญจรไปมาอยู่แทบตลอดเวลา


ถนนบราก้าเป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียง
โดยตั้งอยู่ในเมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย

ถนนบราก้าถูกสร้างโดยกลุ่มชาวดัตช์ในช่วงทศวรรษที่ 20
ซึ่งในอดีตชาวดัตช์คือเจ้าอาณานิคมของอินโดนีเซีย

บรรยากาศในช่วงเย็นๆจะมีผู้คนมาเดินเป็นจำนวนมาก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว

นักดนตรีสมัครเล่นกำลังโชว์ร้องเพลงเล่นกีต้าร์
ให้แก่ผู้คนที่มาเดินที่ถนนบราก้า

ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนถนนบราก้า

ร้านรถเข็นแบบนี้เป็นร้านขายขนมท้องถิ่นของอินโดนีเซีย

ภาพวาดหลายรูปถูกตั้งวางขายให้แก่ผู้ที่สนใจ
โดยมีรูปภาพของ ซูการ์โน อดีตผู้นำของอินโดนีเซียด้วย

ถนนบราก้าจะเต็มไปด้วยอาคารสไตล์ยุโรป
และภาพสตรีทอาร์ตที่สามารถพบเห็นได้มากมาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
13 ตุลาคม 2566


EP.128 สตรีทฟู้ดอินโดนีเซีย


ผมไปเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซียมาเมื่อตอนเดือนมีนาคมซึ่งเป็นการไปเยือนเป็นครั้งแรกในชีวิตซึ่งด้วยความที่ไม่ได้มีการวางแผนอะไรมากมาย ทำให้ช่วงที่ผมไปอินโดนีเซียดันตรงกับช่วงโลว์ซีซั่นซึ่งสภาพอากาศก็ดูไม่เป็นใจเท่าที่ควรนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมเป็นคนที่ไม่ได้เน้นการไปท่องเที่ยวตามแลนด์มาร์กหรือสถานที่ท่องเที่ยวดังๆสักเท่าไหร่นั่นจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมในการสำรวจประเทศอินโดนีเซีย

โดยช่วงที่ไปอินโดผมเลือกท่องเที่ยวบนเกาะชวาซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างจาการ์ตา โดยผมได้ไปทั้งที่จาการ์ตา บันดุงและยอกยาการ์ตา ซึ่งที่เมืองยอกยาการ์ตาผมเจอฝนตกอยู่เกือบทุกวันแต่ถึงแม้ฝนจะเป็นอุปสรรคแต่ก็ไม่สามารถมาหยุดยั้งนักเดินทางอย่างผมได้ โดยสิ่งผมได้ทำตอนที่อยู่เที่ยวในเมืองยอกยาการ์ตาก็คือ การสำรวจบรรยากาศและชมวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นซึ่งจุดที่จะทำให้พบกับบรรยากาศท้องถิ่นได้ง่ายที่สุดก็คือ จุดของสวนสาธารณะอาลุน อาลุน คิดุล ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่จะมีผู้คนท้องถิ่นออกมาทำกิจกรรมกันตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงช่วงค่ำ

การที่มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่เยอะทำให้สามารถพบเห็นกิจกรรมที่หลากหลายทั้งการมานั่งพักผ่อนพูดคุยกัน การมีภาพวาดวางขายเพื่อให้ผู้คนได้มาวาดภาพระบายสีและอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ อาหารการกินซึ่งจะเป็นอาหารแนวสตรีทฟู้ดของทางอินโดและด้วยความที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศมุสลิมนั่นทำให้ไม่มีเมนูที่ทำจากเนื้อหมูซึ่งจากการที่ผมได้เดินสังเกตุดูจนทั่วก็พบเมนูสตรีทฟู้ดของอินโดมีความหลากหลาย แต่เมนูที่มีมากที่สุดคงหนีไม่พ้นพวกของทอดอย่างเช่นลูกชิ้น ไส้กรอกซึ่งจะทำมาจากไก่ ปลาและเนื้อรวมไปถึงเมนูของหวานต่างๆที่มีให้เลือกซื้อทานอีกมากมาย


ผมเดินสำรวจเมนูสตรีทฟู้ดของอินโดนีเซีย
ที่เมืองยอกยาการ์ตาที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา

เมนูพวกของทอดปิ้งย่างได้รับความนิยมอย่างมาก
และมีขายเรียงรายกันอยู่หลายร้าน

ร้านรถเข็นตั้งอยู่อย่างเรียงรายซึ่งมีเมนูหลากหลาย
ทั้งที่เป็นอาหารและพวกเมนูเครื่องดื่ม

ตั้งแต่ช่วงเย็นจะมีผู้คนมากมายมาเดินซื้อของกิน
ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นจุดของสวนสาธารณะประจำเมือง

สวนสาธารณะของเมืองยอกยาการ์ตาที่ผมได้ไปสำรวจมีชื่อว่า
สวนสาธารณะอาลุล อาลุล คิดุล

รถสามล้อรับจ้างจอดรถเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสาร
แต่มีคนมาใช้บริการกันค่อนข้างน้อยมาก

ยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟแสงสีเพิ่มความสวยงาม


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
14 ธันวาคม 2566


EP.140 ตลาดท้องถิ่นงาเซ็ม


สิ่งที่ผมต้องทำทุกครั้งในการท่องเที่ยวต่างประเทศก็คือ การเดินตลาด แล้วต้องเป็นตลาดในสไตล์ท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่ผู้คนท้องถิ่นไปเดินกัน เนื่องจากว่าผมต้องการไปซึมซับความเป็นท้องถิ่นแท้ๆไม่ใช่ไปเดินตลาดที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่ตลาดเพื่อนักท่องเที่ยวผมจะเรียกว่า ตลาดทัวร์ลง ซึ่งจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายและบรรยากาศก็จะเป็นแบบที่พ่อค้าแม่ค้าพยายามยัดเยียดขายของให้แก่นักท่องเที่ยว

สำหรับตลาดท้องถิ่นส่วนมากจะไม่ได้มีความหรูหราสะอาดสวยงามอะไรนัก เพราะจะเป็นบรรยากาศสไตล์ท้องถิ่น ส่วนคนขายกับคนซื้อก็จะเป็นคนท้องถิ่นส่วนสินค้าส่วนมากก็จะเป็นของที่ใช้ในการดำรงชีพซึ่งมีอยู่อย่างมากมายทั้งของกินและของใช้ โดยตลาดท้องถิ่นที่ผมจะมาเขียนเล่าเรื่องราวในครั้งนี้ก็คือ ตลาดงาเซ็ม ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองยอร์กยาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดท้องถิ่นงาเซ็มเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยวของเมืองยอร์กยาการ์ตา เพราะว่าอยู่ใกล้กับทั้งพิพิธภัณฑ์รถม้ารวมไปถึงโรงอาบน้ำเก่าของสุลต่าน แต่ตลาดงาเซ็มก็ไม่ได้เป็นตลาดที่ถูกดัดแปลงให้เป็นตลาดสำหรับการท่องเที่ยวเหมือนที่อื่นๆ เพราะบรรยากาศของที่นี่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบบ้านๆและความเป็นท้องถิ่นค่อนข้างสูงซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในการดำรงชีพทั้งพวกของที่ใช้ประกอบอาหารทั้งพวกเครื่องแกงต่างๆรวมไปถึงบรรดาผักและผลไม้ นอกจากนั้นก็ยังมีพวกเครื่องใช้ที่จำเป็นทั้งอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านรวมไปถึงพวกภาชนะต่างๆ

ผมเดินสำรวจบรรยากาศที่ตลาดงาเซ็มก็เจอกับสินค้ามากมายและยังมีสินค้าแบบพื้นเมืองของทางอินโดนีเซียรวมไปถึงร้านอาหารที่ขายอาหารท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวในสไตล์อินโดที่จะใส่ลูกชิ้นขนาดไซส์ใหญ่และเมนู โซโต ซึ่งเป็นซุปสไตล์อินโดนีเซีย ส่วนพวกกลุ่มคนที่มาเดินซื้อของจับจ่ายก็เป็นกลุ่มชาวบ้านท้องถิ่นและบรรยากาศก็ดูแบบเป็นกันเองซึ่งนี่แหละคือบรรยากาศที่ผมชื่นชอบ เพราะการได้ไปสัมผัสความเป็นท้องถิ่นของแต่ละประเทศก็เหมือนทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของพวกเขาซึ่งไม่ได้มีการจัดฉากหรือปรุงแต่งจนเสน่ห์ความเป็นท้องถิ่นเลือนหายไป


ตลาดท้องถิ่นงาเซ็ม ตั้งอยู่ในเมืองยอร์กยาการ์ตา
ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดงาเซ็มมีบรรยากาศแบบท้องถิ่น แม้จะตั้งอยู่ใน
แหล่งท่องเที่ยวแต่ความเป็นท้องถิ่นก็ไม่จางหายไปไหน

สินค้าภายในตลาดงาเซ็มก็มีอยู่อย่างมากมาย
อย่างภาพนี้ก็คือเครื่องแกงที่ใช้ประกอบอาหาร

พวกบรรดาผักต่างๆทั้งพริกสด มะนาว แครอท
และผักชนิดอื่นๆมีให้เห็นอยู่อย่างมากมาย

ขนมทานเล่นของอินโดนีเซีย
โดยบางอย่างก็คล้ายของกินที่เมืองไทย

ร้านนี้ขายสินค้าพื้นเมืองรวมไปถึงเมนูอาหารท้องถิ่น
ซึ่งก็มี โซโต ซึ่งคือซุปของทางอินโดนีเซีย

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งที่มักอยู่คู่กับตลาด


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
11 มีนาคม 2567


EP.153 สถานีรถไฟบันดุง


ผมไปเที่ยวอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตอนเดือนมีนาคมของปี 2023 โดยผมไปเที่ยวยังเกาะชวาซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่าง จาการ์ตา โดยที่เกาะชวาก็ยังมีเมืองสำคัญต่างๆทั้งบันดุง ยอร์กยาการ์ตาไปจนถึงสุราบายา โดยผมได้เที่ยวอยู่ประมาณ 3 เมืองคือ จาการ์ตา บันดุงและยอร์กยาการ์ตาซึ่งการเดินทางระหว่างเมืองที่ผมเลือกใช้ก็คือการนั่งรถไฟ โดยที่ทริปการเดินทางด้วยรถไฟจากจาการ์ตาไปยังบันดุงยังเป็นการนั่งรถไฟของอินโดนีเซียครั้งแรกของตัวผมอีกด้วย

การเดินทางมาที่เมืองบันดุงถือว่าดูมีความคึกคักไม่น้อย เพราะที่นี่คือหนึ่งในเมืองใหญ่ของอินโดนีเซีย เอาเฉพาะแค่สถานีรถไฟก็ถือว่ามีความคึกคักอยู่ไม่น้อย โดยจากการที่ผมได้สำรวจบรรยากาศของสถานีรถไฟในเมืองบันดุงก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟขนาดใหญ่และมีผู้โดยสารมาใช้บริการในแต่ละวันกันพอสมควร โดยที่ตัวสถานีในปัจจุบันได้การการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดคโค ส่วนของรางรถไฟมีทั้งสิ้น 10 รางโดยเป็นรางรถไฟหลัก 6 ราง ส่วนอีก 4 รางเอาไว้ใชในการสับเปลี่ยนขบวนรถไฟ

นอกจากนั้นแล้วตามสถานีรถไฟในประเทศอินโดนีเซียมักจะมีจุดสะพานลอยเชื่อมต่อระหว่างอาคารสถานีกับจุดของชานชาลาซึ่งผมเดินสำรวจบรรยากาศก็พบว่าสถานีรถไฟบันดุงน่าจะเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่มีความสำคัญพอสมควรของอินโดนีเซีย โดยในปัจจุบันสถานีบันดุงก็ยังอยู่ในเส้นทางรถไฟสายสำคัญที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา โดยที่มีเส้นทางไปยังหลากหลายสถานี ส่วนจุดอื่นๆภายในสถานีเท่าที่ผมได้เห็นมาก็จะมีทั้งร้านค้า มินิมาร์ท จุดฝากสัมภาระรวมไปถึงห้องละหมาดสำหรับบรรดาชาวมุสลิม


สถานีรถไฟบันดุงเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
ชวาตะวันตกซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บนเกาะชวา

รางรถไฟด้านหน้าสถานี โดยที่ตั้งของสถานีบันดุง
จะอยู่จุดพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งเดินทางค่อนข้างง่าย

ผู้โดยสารที่รอเดินทางซึ่งช่วงที่ผมไปเก็บบรรยากาศ
เป็นช่วงที่ยังไม่มีรถไฟมาเข้าจอด ทำให้มีผู้คนไม่มากนัก

จะเดินไปที่ชานชาลาต้องเป็นเฉพาะผู้โดยสารเท่านั้น
ถ้าใครไม่มีตั๋วไม่สามารถเดินไปยังจุดของชานชาลาได้

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารซึ่งมีทั้งแบบรายวันและล่วงหน้า

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ภายในสถานี นอกจากนั้นก็ยังมีทั้ง
ร้านกาแฟรวมไปถึงร้านขายขนมปัง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
13 มิถุนายน 2567


EP.164 หอศิลป์แห่งชาติ
อินโดนีเซีย


งานศิลปะเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดรวมถึงมีสมาธิที่แน่วแน่ที่สำคัญต้องมีใจรักซึ่งถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้ครบทั้งหมดก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันงานศิลปะเป็นงานฝีมือที่ได้รับจากทั่วโลกและมักจะมีการประกวดผลงานรวมไปถึงมีการจัดแสดงผลงานภาพวาดของบรรดาจิตรกรตามหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ต่างๆรวมทั้งยังมีการจัดประมูลภาพวาดอยู่ให้เห็นบ่อยครั้ง

ตอนที่ผมไปเที่ยวที่กรุงจาการ์ตาในประเทศอินโดนีเซีย สถานที่ท่องเที่ยวแรกๆที่ผมได้ไปก็คือ หอศิลป์แห่งชาติอินโดนีเซีย ซึ่งในสมัยที่อินโดนีเซียตกเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานศึกษาและจะรับแต่เฉพาะนักเรียนผิวขาวเชื้อชาติยุโรปเท่านั้น แต่เมื่ออินโดนีเซียได้รับเอกราชก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นหอศิลป์แห่งชาติซึ่งจะเน้นจัดแสดงผลงานที่เกี่ยวกับด้านศิลปะ

หอศิลป์แห่งชาติอินโดนีเซียได้ฤกษ์เปิดเป็นสถาบันทางวัฒนธรรมในสาขาทัศนศิลป์เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 1999 โดยปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานด้านทัศนศิลป์ทั้งภาพวาด ภาพเขียน รวมไปถึงงานจิตรกรรมต่างๆโดยมีผลงานด้านศิลปะจัดแสดงไม่ต่ำกว่า 1,700 ชิ้นซึ่งเป็นผลงานของศิลปินทั้งชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาติซึ่งแม้ว่าผมจะไม่ได้มีความรู้ในด้านงานศิลปะแต่เท่าที่ได้เดินชมก็รู้สึกเพลิดเพลินกับงานศิลปะที่ถูกรังสรรค์มาอย่างยอดเยี่ยม นอกจากนั้นภาพวาดหรืองานจิตรกรรมบางอย่างก็ยังสอดแทรกแนวคิดและไอเดียสุดบรรเจิดของศิลปินลงไปด้วย


อาคารของหอศิลป์แห่งชาติอินโดนีเซียซึ่งจะถูก
จัดแสดงและแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ

ภาพวาดงานศิลปะมีให้ชมกันอย่างมากมาย
โดยแต่ละภาพล้วนแต่มีความสวยงามทั้งนั้น

ทางเดินภายในหอศิลป์ค่อนข้างกว้าง
ทำให้สามารถเดินชมผลงานศิลปะได้แบบเพลิดเพลิน

ผลงานศิลปะมีให้ชมไม่ต่ำกว่า 1,700 ชิ้น
และผลงานก็มาจากศิลปินชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาติ

ผลงานของศิลปินบางรายก็ถูกนำไปประมูลขาย
และนำรายได้ไปช่วยเหลือพวกองค์กรการกุศลต่างๆ

นอกจากภาพวาดแล้วก็ยังมีงานศิลป์ในแขนงอื่นๆให้ได้ชม
ซึ่งก็มีทั้งรูปปั้นและพวกงานประติมากรรมอีกมากมาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
9 กันยายน 2567


EP.187 อาคารเมงกุกัต


หากเอ่ยชื่อของ ซูการ์โน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในด้านประวัติศาสตร์ของการเมืองการปกครองน่าจะคุ้นชื่อของเขาเป็นอย่างดี โดยที่ซูการ์โนก็คืออดีตประธานาธิบดีคนแรกของประเทศอินโดนีเซียในช่วงระหว่างปี 1945 - 1967 โดยการขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศของเขาก็เกิดขึ้นหลังจากที่อินโดนีเซียประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการจากเนเธอร์แลนด์ นอกจากนั้นเขายังเปรียบได้ดั่งกับวีรบุรุษของชาวอินโดนีเซีย เพราะก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเขาเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการทำให้อินโดนีเซียได้รับเอกราช

ซูการ์โนมีบทบาทสำคัญในช่วงการต่อสู้เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้แก่อินโดนีเซีย แต่การกระทำของเขาทำให้ถูกจับกุมและคุมขังโดยฝ่ายเจ้าอาณานิคมอย่างเนเธอร์แลนด์ โดยสถานที่ที่ใช้ในการคุมขังและพิจารณาคดีการก่อกบฎของซูการ์โนก็ตั้งอยู่ในเมืองบันดุงซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่เกาะชวา แต่ถึงแม้จะถูกคุมขังและตัดสินโทษให้เป็นกบฎ แต่ทางซูการ์โนก็ไม่คิดจะยอมแพ้และหาหนทางที่จะทำให้ชาติบ้านเกิดได้รับอิสรภาพซึ่งในที่สุดเขาและพรรคพวกก็ทำได้สำเร็จจนอินโดนีเซียสามารถประกาศอิสรภาพจากเนเธอร์แลนด์ได้

ส่วนในปัจจุบันสถานที่ที่เคยคุมขังซูการ์โนก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองบันดุงโดยมีชื่อว่า อาคารเมงกุกัต และได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2007 ซึ่งทุกคนสามารถเข้าชมกันได้โดยที่ไม่มีค่าเข้าชมซึ่งบรรยากาศด้านภายในจะเห็นในส่วนของทั้งห้องพิจารณาคดีซึ่งเคยใช้ตัดสินคดีของซูการ์โนในข้อหากบฎ จุดของห้องอ่านหนังสือซึ่งซูการ์โนได้อ่านหนังสืออย่างมากมายในช่วงระหว่างถูกคุมขังและยังมีประวัติรวมถึงภาพถ่ายของซูการ์โนรวมถึงพรรคพวกของเขาที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชและอิสรภาพให้กับชนชาติอินโดนีเซีย


อาคารเมงกุกัต ตั้งอยู่ในเมืองบันดุงของประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่คุมขังและที่พิพากษาคดีของนักโทษ

จุดของห้องพิพากษาซึ่งเคยใช้พิพิพากษาคดีของซูการ์โน
ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย

ซูการ์โนและพรรคพวกของเขาเคยถูกจับกุมในข้อหา
ก่อการกบฎต่อเจ้าอาณานิคมอย่างเนเธอร์แลนด์

ช่วงที่ซูการ์โนถูกจับคุมขัง เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่
ในการอ่านหนังสือและศึกษาข้อมูลต่างๆ

ปัจจุบันจุดที่เคยใช้คุมขังและพิพากษาคดีของซูการ์โน
ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว อาคารเมงกุกัต
ยังถูกใช้เป็นจุดสัมมนาหรือจัดกิจกรรมเกี่ยวกับงานศิลปะ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 กุมภาพันธ์ 2568



EP.201 KFC อินโดนีเซีย


ผมไปเที่ยวอินโดนีเซียครั้งล่าสุดก็เมื่อ 2 ปีที่แล้วโดยผมไปในช่วงเดือนมีนาคมของปี 2023 แต่การไปเที่ยวในครั้งนั้นดันเป็นช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิมกันพอดีซึ่งอินโดนีเซียก็เป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก ทำให้ในช่วงที่ผมท่องเที่ยวในอินโดนีเซียก็ทำให้เกิดความยากลำบากในการหาของกินซึ่งส่วนใหญ่ร้านค้าร้านอาหารต่างๆจะเปิดหลังช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

แต่เนื่องจากว่าผมไม่ใชมุสลิมดังนั้นจึงไม่ต้องถือศีลอดเหมือนคนอื่นๆและเมื่อเกิดอาการท้องหิว สิ่งที่ทำให้ผมต้องรีบไปทำก็คือการหาอาหารทานเพื่อให้เกิดความอิ่มท้อง แต่อย่างที่ผมบอกไปครับว่าช่วงถือศีลอด การจะหาของทานในช่วงกลางวันนั้นค่อนข้างหายากแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีร้านอาหารบางแห่งที่เปิดขายตามปกติซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ร้าน KFC ซึ่งเป็นร้านไก่ทอดยอดฮิตของผู้คนทั่วโลก

แม้ว่า KFC จะเปิดขายกันตามปกติแต่ก็มีลูกค้ามาซื้อกันไม่มากนักซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่ใช่มุสลิม โดยร้าน KFC ที่ผมไปนั่งทานอยู่ตั้งอยู่แถวถนนมาริโอโบโร่ซึ่งอยู่ในเมืองยอร์กยาการ์ตา ส่วนเมนูก็มีหลากหลายไม่ต่างจากร้าน KFC ในเมืองไทยครับซึ่งเมนูที่ผมได้สั่งไปก็คือ เมนูไก่ทอดกับเบอร์เกอร์้อมด้วยเฟรนซ์ฟรายกับโค้ก ส่วนราคาผมจำไม่ได้แล้วแต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากในเมืองไทยมากนัก แต่สิ่งที่ผมสามารถสัมผัสได้ก็คือเรื่องของรสชาติซึ่ง KFC ของที่อินโดนีเซียค่อนข้างจะออกเค็มเฉกเช่นเดียวกับซอสที่รสชาติไม่กลมกล่อมเท่าไหร่นัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลซึ่งสำหรับตัวผมแล้ว KFC ในเมืองไทยก็ยังคงครองใจเสมอมา


ร้าน KFC ในเมืองยอร์กยาการ์ตา เปิดขายกันตามปกติ
แม้เป็นช่วงเดือนรอมฎอนหรือการถือศีลอดของชาวมุสลิม

ลูกค้าเข้ามาสั่งเมนูซึ่งมีลูกค้าไม่มากเท่าไหร่นัก

บรรยากาศภายในร้านซึ่งในช่วงถือศีลอด ลูกค้าที่เป็นมุสลิม
ก็อาจจะซื้อกลับบ้านไม่ก็มาซื้อในช่วงตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

ผมสั่งไก่ทอด เบอร์เกอร์ เฟรนซ์ฟรายรวมไปถึงโค้ก
แต่รสชาติ KFC ของทางอินโดค่อนข้างจะเค็มไปหน่อย


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
7 มิถุนายน 2568

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น