วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

 


EP.40 จังหวัดเบ๋นแจ

ผมโปรยหัวข้อมาแบบสั้นๆให้จำกันได้แบบง่ายๆเช่นนี้ก็เพราะว่าบทความที่เขียนในครั้งนี้อาจจะไม่ได้มีอะไรยืดยาวหรือซับซ้อนมากมายนัก เนื่องจากว่าบทความนี้จะพูดถึงจังหวัดแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนามที่ตั้งอยู่ทางดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โดยชื่อของจังหวัดก็คือ เบ๋นแจ สำหรับนักท่องเที่ยวหลายคนคงไม่ค่อยคุ้นหูเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักของเวียดนาม โดยออกแนวเป็นเมืองบรรยากาศแบบชนบทซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของเบ๋นแจก็จะเป็นการทำสวนผลไม้กันซะส่วนมาก โดยผลไม้หลักของที่เบ๋นแจก็คือสวนมะพร้าวเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเบ๋นแจกันเลยทีเดียว

หากจะพูดเปรียบเทียบให้นึกถึกกันได้แบบง่ายๆ เบ๋นแจก็เปรียบเสมือนสมุทรสงครามซึ่งพื้นที่ส่วนมากก็จะเป็นพื้นที่สวนมะพร้าว ชาวบ้านทำไร่ทำสวนกันเป็นอาชีพหลัก ตอนที่ผมนั่งรถเข้าสู่เขตจังหวัดเบ๋นแจก็เริ่มสังเกตุได้ว่าจะมีร้านขายของฝากอยู่ริมทางและส่วนมากสินค้าก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากมะพร้าว โดยลูกอมรสมะพร้าวเป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากที่สุดและคนเวียดนามจากพื้นที่อื่นเมื่อได้มาที่เบ๋นแจก็มักจะซื้อลูกอมรสมะพร้าวเป็นของฝากให้แก่ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง นอกจากที่จะโดดเด่นในเรื่องของการทำสวนมะพร้าวแล้ว จังหวัดเบ๋นแจยังมีพื้นที่ค่อนข้างอุมดมสมบูรณ์เป็นพื้นที่ที่ส่งออกปลาดอร์รี่เป็นอันดับต้นๆของโลกและการทำประมงก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่พบได้มากพอๆกับการทำสวนผลไม้ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆก็มักจะการซื้อทัวร์เพื่อนั่งเรือเข้าชมวิถีชีวิตของชาวบ้านโดยเรือจะลัดเลาะไปตามร่องสวนซึ่งจะมีทั้งสวนมะพร้าว สวนกล้วยและผลไม้ชนิดอื่นๆอีกมากมาย

ผมนั่งรถจากโฮจิมินห์ไปลงที่เบ๋นแจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าและเข้าพักที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่งโดยอาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัวชาวเวียดนาม จริงๆทางที่พักได้เสนอทัวร์เที่ยวชมสวนมะพร้าวให้แก่ผม แต่ผมปฏิเสธไปก็เพราะว่าบรรยากาศไม่แตกต่างจากเมืองไทยมากนัก ถ้าเป็นฝรั่งอาจจะตื่นเต้นแต่คนไทยอย่างเราๆก็คงจะเฉยๆ ผมจึงตัดสินใจสำรวจเมืองเบ๋นแจด้วยตนเองโดยการใช้จักรยานของที่พักปั่นสำรวจเมืองภายใน 1 วัน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงสายแต่พอประมาณบ่ายโมงกว่าผมก็ขอยอมแพ้เพราะแดดที่แรงร้อนระอุไม่แพ้เมืองไทย สุดท้ายจึงกลับมาที่พักพอช่วงเย็นก็ออกไปสำรวจเมืองใหม่อีกรอบโดยได้ไปห้างที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเบ๋นแจซึ่งดูแล้วบิ๊กซีหรือโลตัสของบ้านเราบางที่ยังดูใหญ่กว่า รวมถึงไปนั่งชมบรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ประจำเมืองที่จะมีคนท้องถิ่นมาออกกำลังกายหรือนั่งพักผ่อนกันพอสมควร ซึ่งจากภาพรวมที่ผมได้ไปเห็นและสัมผัสด้วยตนเองก็คิดว่า เบ๋นแจคือหนึ่งในเมืองที่ค่อนข้างมีวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์และผ่อนคลายหากใครไปเที่ยวที่เวียดนามแล้วเบื่อความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ผมว่าการมาพักผ่อนที่เมืองเบ๋นแจทางตอนใต้ของเวียดนามก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมเอาอย่างมาก


เบ๋นแจ จังหวัดที่อยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม
ตั้งอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

เบ๋นแจ มีชื่อเสียงเรื่องของมะพร้าว
พื้นที่ส่วนใหญ่ก็มักเห็นการทำสวนปลูกมะพร้าวกันเยอะ

ผมตัดสินใจสำรวจเมืองเบ๋นแจภายใน 1 วัน
โดยการขี่จักรยาน

ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเบ๋นแจ
ขนาดประมาณบิ๊กซีหรือโลตัสของบ้านเรา

โซนเครื่องเล่นภายในห้าง

โซนของร้านหนังสือ

โซนของบรรดาเสื้อผ้า

หลังจากเดินเล่นในห้างจนเพลิน
ผมก็ออกมาซื้อน้ำอ้อยทานดับกระหาย

รสชาติหวานอร่อยชื่นใจ
แต่ราคาจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่

อนุสาวรีย์ประจำเมืองเบ๋นแจ
ดูแล้วน่าจะเกี่ยวกับเรื่องการกู้ชาติหรือสงครามในอดีต

ภาพบนผนังกำแพงบริเวณอนุสาวรีย์ใจกลางเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น