วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2566

 

EP.104 เรือนจำเกาะฟูโกว๊ก


คำว่า คุก ในความเข้าใจของผมและของทุกๆท่านน่าจะมีความคิดที่คล้ายๆกันนั่นก็คือ การเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอภิรมย์และไม่เหมาะแก่คนธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่งนั่นก็เป็นเพราะว่า คุกหรือเรือนจำเป็นสถานทีี่ที่ใช้คุมขังนักโทษที่ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองในคดีต่างๆซึ่งปัจจุบันนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมีมากมายมหาศาลซึ่งคดีต้องโทษอันดับ 1 ก็หนีไม่พ้นเรื่องของยาเสพติดครับซึ่งในปัจจุบันมันคือปัญหาร้ายแรงต่อสังคมไทยและในอีกหลายๆประเทศทั่วโลก

นักโทษที่ถูกคุมขังในเรือนจำก็มีคดีติดตัวที่แตกต่างกันออกไปอย่างในยุคนี้ก็จะมีนักโทษคดียาเสพติดมากกว่าคดีอื่นๆ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในยุคของสงครามอินโดนจีนครั้งที่ 1 ในสมัยที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายฝรั่งเศสกับฝ่ายของเวียดมินห์หรือเวียดนามในปัจจุบัน คุกได้เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษหรือเชลยศึกซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มกองกำลังของเวียดมินห์รวมไปถึงกลุ่มชาวเวียดนามผู้รักชาติซึ่งจะถูกจับมาคุมขังและทำการทรมานอย่างสาหัสที่เรือนจำที่ถูกสร้างขึ้นบนเกาะฟูโกว๊ก

เรือนจำเกาะฟูโกว๊กตั้งอยู่ในหมู่บ้านอันเท่ย โดยที่ฝรั่งเศสได้เริ่มสร้างขึ้นในช่วงปี 1949 และเรือนจำแห่งนี้มีขนาดพื้นที่โดยรวมแล้วกว่า 40 ไร่และสามารถรองรับนักโทษได้ถึง 14000 คน ซึ่งบรรดานักโทษที่ถูกนำมาจองจำที่เรือนจำบนเกาะฟูโกว๊กก็จะเป็นนักโทษคดีการเมืองซึ่งบรรยากาศภายในเรือนจำต้องถือว่าค่อนข้างมีความโหดร้ายอยู่ไม่น้อยและเรือนจำที่เคยใช้คุมขังนักโทษที่ต้องคดีมากกว่า 10 ปีก็แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นค่ายกักกันเชลยไม่ต่างจากค่ายเอาท์ชวิตช์ในประเทศโปแลนด์เลยทีเดียว

ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมบรรยากาศของเรือนจำเกาะฟูโกว๊กซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้มาศึกษาซึ่งเมื่อเข้าไปชมบรรยากาศด้านก็สัมผัสได้ถึงความโหดร้ายทารุณของเรือนจำแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยสภาพด้านในจะเต็มไปด้วยรั้วลวดหนามรวมไปถึงหอคอยสังเกตุการณ์ที่เอาไว้ใช้ส่องมองนักโทษที่จะหลบหนี ขณะที่ส่วนของเรือนจำก็จะมีการแบ่งเป็นห้องๆและมีรูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงวิธีที่ผู้คุมใช้ทรมานนักโทษซึ่งมีหลายวิธีไม่ว่าจะ ตอกด้วยตะปูหรือเหล็กแหลม เอาเหล็กร้อนมาจี้ตัว จับกดลงไปในถังน้ำ ช็อตไฟฟ้าเข้าสู่ดวงตา นำนักโทษไปทรมานลงในกระทะร้อนและอีกหลายสารพัดวิธีซึ่งล้วนแต่โหดๆและดูซาดิสต์ไม่น้อย

นอกจากนั้นแล้วก็จะมีจุดของโรงครัวซึ่งนักโทษที่มาทำงานในโรงครัวก็ใช่ว่าจะสบายกว่าคนอื่นๆ เพราะอาหารดีๆที่มีประโยชน์ก็จะตกเป็นเมนูของผู้คุม ส่วนนักโทษในหลายครั้งก็มักไม่ได้ทานอาหารหรือถ้าได้ทานก็จะเป็นของที่เน่าเสียที่แทบจะทานไม่ได้กันเลยทีเดียวและในส่วนตจุดอื่นๆที่เหลือก็จะมีรูปปั้นที่นำเสนอให้เห็นวิธีหลบหนีของนักโทษที่ตกเป็นเชลยศึกโดยจะใช้วิธีการขุดพื้นดินและค่อยๆคลานจนเจอกับทางออก โดยผมใช้เวลาในการสำรวจเรือนจำเกาะฟูโกว๊กเกือบๆ 2 ชั่วโมงทำให้ได้ข้อคิดและสัจธรรมต่างๆนานามากมายและขอยกให้เรือนจำเกาะฟูโกว๊กเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าละอายที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติซึ่งก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง


เรือนจำเกาะฟูโกว๊ก คือ สถานที่ที่ในอดีตเคยใช้
คุมขังนักโทษทางการเมืองซึ่งทั้งหมดจะเป็นชาวเวียดนาม

หอคอยสังเกตุการณ์ที่ผู้คุมใช้ตรวจตรานักโทษที่จะหลบหนี
ซึ่งว่ากันว่าหากเจอนักโทษที่จะหลบหนีก็จะใช้ปืนยิงปลิดชีวิตทันที

ด้านภายในเรือนจำมีการแบ่งเป็นห้องหลายห้อง
โดยจะจัดแสดงเกี่ยวกับวิธีทรมานและความเป็นอยู่ของนักโทษ

จุดของโรงครัวซึ่งนักโทษจะถูกใช้ทำอาหารให้แก่ผู้คุม
ส่วนนักโทษแทบไม่ได้อะไรหรือถ้าได้กินก็จะเป็นของเน่าเสีย

รูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการทรมานนักโทษในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งภาพนี้เป็นการตอกด้วยเหล็กแหลมรวมไปถึงตะปู

วิธีทรมานนักโทษมีหลากหลายวิธีรวมไปถึงการช็อตไฟฟ้า
นำนักโทษลงไปในกระทะร้อนๆรวมถึงจับกดน้ำแล้วเอาเหล็กเคาะ

ชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษในเรือนจำซึ่งมีทั้งพวกที่ล้มตาย
ส่วนพวกที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็เหมือนกับคนที่กำลังตายทั้งเป็น

วิธีการหลบหลีของบรรดานักโทษซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีขุดหลุม
แล้วค่อยๆคลานหาทางไปเรื่อยๆจนเจอกับทางออก

นักโทษบางส่วนที่หลบหนีออกมาได้ในสภาพที่ดูอิดโรย
ซึ่งเปรียบเสมือนพวกเขาได้หลุดพ้นออกจากขุมนรกแล้ว


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
16 มิถุนายน 2566

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น