EP.104 เรือนจำเกาะฟูโกว๊ก
คำว่า คุก ในความเข้าใจของผมและของทุกๆท่านน่าจะมีความคิดที่คล้ายๆกันนั่นก็คือ การเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอภิรมย์และไม่เหมาะแก่คนธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่งนั่นก็เป็นเพราะว่า คุกหรือเรือนจำเป็นสถานทีี่ที่ใช้คุมขังนักโทษที่ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองในคดีต่างๆซึ่งปัจจุบันนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมีมากมายมหาศาลซึ่งคดีต้องโทษอันดับ 1 ก็หนีไม่พ้นเรื่องของยาเสพติดครับซึ่งในปัจจุบันมันคือปัญหาร้ายแรงต่อสังคมไทยและในอีกหลายๆประเทศทั่วโลก
นักโทษที่ถูกคุมขังในเรือนจำก็มีคดีติดตัวที่แตกต่างกันออกไปอย่างในยุคนี้ก็จะมีนักโทษคดียาเสพติดมากกว่าคดีอื่นๆ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในยุคของสงครามอินโดนจีนครั้งที่ 1 ในสมัยที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายฝรั่งเศสกับฝ่ายของเวียดมินห์หรือเวียดนามในปัจจุบัน คุกได้เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษหรือเชลยศึกซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มกองกำลังของเวียดมินห์รวมไปถึงกลุ่มชาวเวียดนามผู้รักชาติซึ่งจะถูกจับมาคุมขังและทำการทรมานอย่างสาหัสที่เรือนจำที่ถูกสร้างขึ้นบนเกาะฟูโกว๊ก
เรือนจำเกาะฟูโกว๊กตั้งอยู่ในหมู่บ้านอันเท่ย โดยที่ฝรั่งเศสได้เริ่มสร้างขึ้นในช่วงปี 1949 และเรือนจำแห่งนี้มีขนาดพื้นที่โดยรวมแล้วกว่า 40 ไร่และสามารถรองรับนักโทษได้ถึง 14000 คน ซึ่งบรรดานักโทษที่ถูกนำมาจองจำที่เรือนจำบนเกาะฟูโกว๊กก็จะเป็นนักโทษคดีการเมืองซึ่งบรรยากาศภายในเรือนจำต้องถือว่าค่อนข้างมีความโหดร้ายอยู่ไม่น้อยและเรือนจำที่เคยใช้คุมขังนักโทษที่ต้องคดีมากกว่า 10 ปีก็แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นค่ายกักกันเชลยไม่ต่างจากค่ายเอาท์ชวิตช์ในประเทศโปแลนด์เลยทีเดียว
ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมบรรยากาศของเรือนจำเกาะฟูโกว๊กซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้มาศึกษาซึ่งเมื่อเข้าไปชมบรรยากาศด้านก็สัมผัสได้ถึงความโหดร้ายทารุณของเรือนจำแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยสภาพด้านในจะเต็มไปด้วยรั้วลวดหนามรวมไปถึงหอคอยสังเกตุการณ์ที่เอาไว้ใช้ส่องมองนักโทษที่จะหลบหนี ขณะที่ส่วนของเรือนจำก็จะมีการแบ่งเป็นห้องๆและมีรูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงวิธีที่ผู้คุมใช้ทรมานนักโทษซึ่งมีหลายวิธีไม่ว่าจะ ตอกด้วยตะปูหรือเหล็กแหลม เอาเหล็กร้อนมาจี้ตัว จับกดลงไปในถังน้ำ ช็อตไฟฟ้าเข้าสู่ดวงตา นำนักโทษไปทรมานลงในกระทะร้อนและอีกหลายสารพัดวิธีซึ่งล้วนแต่โหดๆและดูซาดิสต์ไม่น้อย
นอกจากนั้นแล้วก็จะมีจุดของโรงครัวซึ่งนักโทษที่มาทำงานในโรงครัวก็ใช่ว่าจะสบายกว่าคนอื่นๆ เพราะอาหารดีๆที่มีประโยชน์ก็จะตกเป็นเมนูของผู้คุม ส่วนนักโทษในหลายครั้งก็มักไม่ได้ทานอาหารหรือถ้าได้ทานก็จะเป็นของที่เน่าเสียที่แทบจะทานไม่ได้กันเลยทีเดียวและในส่วนตจุดอื่นๆที่เหลือก็จะมีรูปปั้นที่นำเสนอให้เห็นวิธีหลบหนีของนักโทษที่ตกเป็นเชลยศึกโดยจะใช้วิธีการขุดพื้นดินและค่อยๆคลานจนเจอกับทางออก โดยผมใช้เวลาในการสำรวจเรือนจำเกาะฟูโกว๊กเกือบๆ 2 ชั่วโมงทำให้ได้ข้อคิดและสัจธรรมต่างๆนานามากมายและขอยกให้เรือนจำเกาะฟูโกว๊กเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าละอายที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติซึ่งก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง
คุมขังนักโทษทางการเมืองซึ่งทั้งหมดจะเป็นชาวเวียดนาม
ซึ่งว่ากันว่าหากเจอนักโทษที่จะหลบหนีก็จะใช้ปืนยิงปลิดชีวิตทันที
ด้านภายในเรือนจำมีการแบ่งเป็นห้องหลายห้อง
โดยจะจัดแสดงเกี่ยวกับวิธีทรมานและความเป็นอยู่ของนักโทษ
จุดของโรงครัวซึ่งนักโทษจะถูกใช้ทำอาหารให้แก่ผู้คุม
ส่วนนักโทษแทบไม่ได้อะไรหรือถ้าได้กินก็จะเป็นของเน่าเสีย
ซึ่งภาพนี้เป็นการตอกด้วยเหล็กแหลมรวมไปถึงตะปู
วิธีทรมานนักโทษมีหลากหลายวิธีรวมไปถึงการช็อตไฟฟ้า
นำนักโทษลงไปในกระทะร้อนๆรวมถึงจับกดน้ำแล้วเอาเหล็กเคาะ
ชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษในเรือนจำซึ่งมีทั้งพวกที่ล้มตาย
ส่วนพวกที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็เหมือนกับคนที่กำลังตายทั้งเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น