วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2566

 

EP.105 ไก่ทอดร้านโจลิบี


ก่อนอื่นต้องขอสารภาพแบบตามตรงเลยว่า สิ่งที่ผมไม่ถนัดที่สุดของการรีวิวเรื่องราวต่างๆก็คือ เรื่องอาหารการกิน คลิปยูทูปหรือจะเป็นด้านงานเขียนลงบล็อกก็ไม่ค่อยที่จะมีเรื่องของอาหารการกินให้ท่านผู้ชมได้ดูและชมกันเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามในปัจจุบันเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารการกินผมก็ได้อัพลงในโหมดคลิปสั้นของช่องยูทูป ส่วนเรื่องงานเขียนก็ถือว่าบทความนี้จะเป็นบทความแรกที่ผมจะมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับด้านอาหารการกินให้ผู้อ่านทุกท่านได้อ่านกันครับ

สำหรับอาหารการกินที่ผมขอหยิบยกมาในครั้งนี้ก้จะเป็นอาหารฟาสฟู้ดทั่วๆไปซึ่งก็แน่นอนครับว่ามันคงไม่แปลกอะไร เพราะที่เมืองไทยก็มีร้านฟาสฟู้ดให้ได้เลือกสรรกันอย่างมากมาย แต่ในบทความนี้ผมจะมานำเสนอร้านฟาสฟู้ดในประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่างฟิลิปปินส์ โดยร้านฟาสฟู้ดในฟิลิปปินส์ต้องถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก โดยร้านฟาสฟู้ดนี้ก็มีชื่อว่า ร้านโจลิบี

ร้านโจลิบีเป็นร้านฟาสฟู้ดสัญชาติฟิลิปปินส์ โดยมีเมนูเด็ดที่เป็นจุดขายก็คือ ไก่ทอด ซึ่งร้านโจลิบีเริ่มเปิดขายเป็นครั้งในปี 1978 โดยผู้ก่อตั้งเป็นชายชาวฟิลิปปินส์เชื้อสายจีนที่มีนามว่า โทนี่ ตัน โดยเขาได้เปลี่ยนธุรกิจจากการขายไอศครีมมาเป็นร้านอาหารแบบฟาสฟู้ดและกิจการเริ่มเจริญรุ่งเรืองโดยในช่วงแรกมีร้านโจลิบีในกรุงมะนิลาประมาณ 7 สาขาและปัจจุบันก็ขยายกิจการจนใหญ่โตและมีร้านโจลิบีในประเทศฟิลิปปินส์ไปทั่วประเทศทุกหัวระแหง

ส่วนในยุคปัจจุบันร้านโจลิบีได้ขยายสาขาออกไปยังต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยมีสาขาทั้งในประเทศเวียดนาม โซนตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกอย่างในฮ่องกง รวมไปถึงสาขาในทวีปอเมริกาเหนือและประเทศในยุโรปอย่างเช่น สเปน อิตาลี สหราชอาณาจักร ส่วนเมนูอาหารของทางร้านก็มีหลากหลายดีครับไม่ว่าจะเป็น เมนูข้าวไก่ทอดที่ทานคู่กับน้ำเกรวี่รสเด็ด แฮมเบอร์เกอร์เนื้อวัวราดด้วยมายองเนส เมนูสปาเกตตี้รวมไปถึงของหวานอย่างเช่น ไอศครีม



โจลิบี คือ ร้านอาหารฟาสฟู้ดสัญชาติฟิลิปปินส์
โดยเริ่มก่อตั้งในปี 1978 และปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก

เมนูของร้านโจลิบีมีเยอะไม่แพ้ร้านเคเอฟซีหรือแมคโดนัลด์
เมนูเด่นๆก็มีสปาเกตตี้ ข้าวไก่ทอดทานคู่กับน้ำเกรวี่

ผมสั่งข้าวไก่ทอดกับน้ำเกรวี่มาทาน
สนนราคาจานนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 60 - 70 บาท

บรรยากาศในร้านโจลิบีซึ่งจะมีผู้คนแวะเวียนมาไม่ขาดสาย
โดยส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนชั้นกลางในประเทศฟิลิปปินส์



คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
20 มิถุนายน 2566

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2566

 

EP.104 เรือนจำเกาะฟูโกว๊ก


คำว่า คุก ในความเข้าใจของผมและของทุกๆท่านน่าจะมีความคิดที่คล้ายๆกันนั่นก็คือ การเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอภิรมย์และไม่เหมาะแก่คนธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่งนั่นก็เป็นเพราะว่า คุกหรือเรือนจำเป็นสถานทีี่ที่ใช้คุมขังนักโทษที่ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองในคดีต่างๆซึ่งปัจจุบันนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมีมากมายมหาศาลซึ่งคดีต้องโทษอันดับ 1 ก็หนีไม่พ้นเรื่องของยาเสพติดครับซึ่งในปัจจุบันมันคือปัญหาร้ายแรงต่อสังคมไทยและในอีกหลายๆประเทศทั่วโลก

นักโทษที่ถูกคุมขังในเรือนจำก็มีคดีติดตัวที่แตกต่างกันออกไปอย่างในยุคนี้ก็จะมีนักโทษคดียาเสพติดมากกว่าคดีอื่นๆ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในยุคของสงครามอินโดนจีนครั้งที่ 1 ในสมัยที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายฝรั่งเศสกับฝ่ายของเวียดมินห์หรือเวียดนามในปัจจุบัน คุกได้เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษหรือเชลยศึกซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มกองกำลังของเวียดมินห์รวมไปถึงกลุ่มชาวเวียดนามผู้รักชาติซึ่งจะถูกจับมาคุมขังและทำการทรมานอย่างสาหัสที่เรือนจำที่ถูกสร้างขึ้นบนเกาะฟูโกว๊ก

เรือนจำเกาะฟูโกว๊กตั้งอยู่ในหมู่บ้านอันเท่ย โดยที่ฝรั่งเศสได้เริ่มสร้างขึ้นในช่วงปี 1949 และเรือนจำแห่งนี้มีขนาดพื้นที่โดยรวมแล้วกว่า 40 ไร่และสามารถรองรับนักโทษได้ถึง 14000 คน ซึ่งบรรดานักโทษที่ถูกนำมาจองจำที่เรือนจำบนเกาะฟูโกว๊กก็จะเป็นนักโทษคดีการเมืองซึ่งบรรยากาศภายในเรือนจำต้องถือว่าค่อนข้างมีความโหดร้ายอยู่ไม่น้อยและเรือนจำที่เคยใช้คุมขังนักโทษที่ต้องคดีมากกว่า 10 ปีก็แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นค่ายกักกันเชลยไม่ต่างจากค่ายเอาท์ชวิตช์ในประเทศโปแลนด์เลยทีเดียว

ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมบรรยากาศของเรือนจำเกาะฟูโกว๊กซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้มาศึกษาซึ่งเมื่อเข้าไปชมบรรยากาศด้านก็สัมผัสได้ถึงความโหดร้ายทารุณของเรือนจำแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี โดยสภาพด้านในจะเต็มไปด้วยรั้วลวดหนามรวมไปถึงหอคอยสังเกตุการณ์ที่เอาไว้ใช้ส่องมองนักโทษที่จะหลบหนี ขณะที่ส่วนของเรือนจำก็จะมีการแบ่งเป็นห้องๆและมีรูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงวิธีที่ผู้คุมใช้ทรมานนักโทษซึ่งมีหลายวิธีไม่ว่าจะ ตอกด้วยตะปูหรือเหล็กแหลม เอาเหล็กร้อนมาจี้ตัว จับกดลงไปในถังน้ำ ช็อตไฟฟ้าเข้าสู่ดวงตา นำนักโทษไปทรมานลงในกระทะร้อนและอีกหลายสารพัดวิธีซึ่งล้วนแต่โหดๆและดูซาดิสต์ไม่น้อย

นอกจากนั้นแล้วก็จะมีจุดของโรงครัวซึ่งนักโทษที่มาทำงานในโรงครัวก็ใช่ว่าจะสบายกว่าคนอื่นๆ เพราะอาหารดีๆที่มีประโยชน์ก็จะตกเป็นเมนูของผู้คุม ส่วนนักโทษในหลายครั้งก็มักไม่ได้ทานอาหารหรือถ้าได้ทานก็จะเป็นของที่เน่าเสียที่แทบจะทานไม่ได้กันเลยทีเดียวและในส่วนตจุดอื่นๆที่เหลือก็จะมีรูปปั้นที่นำเสนอให้เห็นวิธีหลบหนีของนักโทษที่ตกเป็นเชลยศึกโดยจะใช้วิธีการขุดพื้นดินและค่อยๆคลานจนเจอกับทางออก โดยผมใช้เวลาในการสำรวจเรือนจำเกาะฟูโกว๊กเกือบๆ 2 ชั่วโมงทำให้ได้ข้อคิดและสัจธรรมต่างๆนานามากมายและขอยกให้เรือนจำเกาะฟูโกว๊กเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าละอายที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติซึ่งก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง


เรือนจำเกาะฟูโกว๊ก คือ สถานที่ที่ในอดีตเคยใช้
คุมขังนักโทษทางการเมืองซึ่งทั้งหมดจะเป็นชาวเวียดนาม

หอคอยสังเกตุการณ์ที่ผู้คุมใช้ตรวจตรานักโทษที่จะหลบหนี
ซึ่งว่ากันว่าหากเจอนักโทษที่จะหลบหนีก็จะใช้ปืนยิงปลิดชีวิตทันที

ด้านภายในเรือนจำมีการแบ่งเป็นห้องหลายห้อง
โดยจะจัดแสดงเกี่ยวกับวิธีทรมานและความเป็นอยู่ของนักโทษ

จุดของโรงครัวซึ่งนักโทษจะถูกใช้ทำอาหารให้แก่ผู้คุม
ส่วนนักโทษแทบไม่ได้อะไรหรือถ้าได้กินก็จะเป็นของเน่าเสีย

รูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการทรมานนักโทษในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งภาพนี้เป็นการตอกด้วยเหล็กแหลมรวมไปถึงตะปู

วิธีทรมานนักโทษมีหลากหลายวิธีรวมไปถึงการช็อตไฟฟ้า
นำนักโทษลงไปในกระทะร้อนๆรวมถึงจับกดน้ำแล้วเอาเหล็กเคาะ

ชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษในเรือนจำซึ่งมีทั้งพวกที่ล้มตาย
ส่วนพวกที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็เหมือนกับคนที่กำลังตายทั้งเป็น

วิธีการหลบหลีของบรรดานักโทษซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีขุดหลุม
แล้วค่อยๆคลานหาทางไปเรื่อยๆจนเจอกับทางออก

นักโทษบางส่วนที่หลบหนีออกมาได้ในสภาพที่ดูอิดโรย
ซึ่งเปรียบเสมือนพวกเขาได้หลุดพ้นออกจากขุมนรกแล้ว


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
16 มิถุนายน 2566

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2566

 

EP.103 เซาบีช
ชายหาดตอนใต้บนเกาะฟูโกว๊ก


ปัจจุบันล่าสุดคือเดือนมิถุนายน แต่สภาพอากาศโดยรวมของเมืองไทยก็ยังคงร้อนๆอยู่บ้างโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลซึ่งเมื่อพูดถึงหน้าร้อนสำหรับเมืองไทยนั้นก็ถือว่าได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะปกติในช่วงเดือนมิถุนายนสำหรับเมืองไทยก็เป็นช่วงฤดูกาลหน้าฝนแบบเต็มรูปแบบ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในช่วงหน้าร้อนผมเชื่อครับว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆท่านจะต้องนึกถึงเป็นอันดับแรกนั่นก็คือ ชายหาดและท้องทะเล

ชายหาดและทะเลในเมืองไทยนั้นมีมากมายหลายแห่งและก็มีความสวยงามไม่แพ้ที่ใดในโลก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแวะวเียนมาเที่ยวทะเลที่เมืองไทยกันแบบไม่ขาดสาย ส่วนผมถึงแม้หลังๆจะไม่ค่อยได้ไปเที่ยวทะเลในเมืองไทยแต่ก็มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวชมบรรยากาศของทะเลและชายหาดของต่างแดนซึ่งหนึ่งในชายหาดของต่างแดนที่ผมได้ไปก็อยู่ในประเทศเวียดนามซึ่งตั้งอยู่บนเกาะฟูโกว๊ก โดยชายหาดที่ผมได้ไปเยี่ยมเยือนเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็มีชื่อว่า เซาบีชหรือแปลแบบตรงๆก็คือ ชายหาดทางตอนใต้

สำหรับเกาะฟูโกว๊กปัจจุบันถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเวียดนามเลยทีเดียวครับ โดยมีจุดเด่นก็คือเรื่องของชายหาดที่มีอยู่อย่างมากมาย แต่สำหรับเซาบีชถือว่าเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของเกาะฟูโกว๊ก โดยเซาบีชตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะและเป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมทั้งจากคนเวียดนามและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจุบันมีพวกร้านอาหารและรีสอร์ทตั้งอยู่ใกล้ๆกับชายหาดและมีเตียงนอนอาบแดดซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือพวกฝรั่งซึ่งบรรยากาศก็ดูคล้ายๆกับชายหาดที่เราได้เห็นกันในเมืองไทย

ส่วนบรรยากาศต่างๆที่ผมเดินสำรวจก็พบว่าเซาบีชนั้นความสวยงามของทั้งชายหาดและท้องทะเลยังดูเป็นรองเมืองไทย แต่ถึงความสวยงามจะไม่เท่ากับทะเลที่ประเทศไทยแต่ก็ถือว่าเป็นชายหาดที่มีคนมาท่องเที่ยวกันพอสมควร รวมทั้งมีให้บริการต่างๆทั้งพาราชูตเตอร์ เช่าเจ็ทสกีขับหรือแม้กระทั่งเรือกล้วยอย่างบานาน่าโบ๊ท นอกจากนั้นยังมีจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวมักแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงพวกของกินต่างๆทั้งพวกของทอดและไอศครีม ทำให้เซาบีชเป็นชายหาดที่มีความคึกคักและไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจึงถูกยกให้เป็นชายหาดยอดนิยมแห่งเกาะฟูโกว๊ก


เซาบีชเป็นชายหาดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฟูโกว๊ก
ในประเทศเวียดนาม

จากการที่ผมเดินสำรวจดูก็พบว่าความสวยงามต่างๆ
อาจสู้ทะเลเมืองไทยไม่ได้ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันพอสมควร

บรรยากาศของชายหาดจะมีต้นมะพร้าวเป็นองค์ประกอบหลัก
พร้อมกับทางเดินริมหาดที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

เซาบีชที่เกาะฟูโกว๊กก็จะคล้ายๆกับทะเลในเมืองไทย
ที่จะมีให้บริการเช่าเจ็ทสกีขับ 

ผู้คนจำนวนมากทั้งคนเวียดนามและชาวต่างชาติ
มักนิยมมาเที่ยวพักผ่อนที่เซาบีชกันพอสมควร

เตียงสำหรับนอนอาบแดดซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือ ฝรั่ง

ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายหาดซึ่งราคาน่าจะสูง
แต่ถ้าใครชอบของถูกที่เซาบีชก็มีพวกสตรีทฟู้ดให้ได้เลือกทานกัน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
12 มิถุนายน 2566

วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566

 

EP.102 บ้านโบราณบิญถวี


บ้าน คือ สถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุดของชีวิตมนุษย์และก็เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของมนุษย์รวมถึงเป็นสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสถาบันครอบครัว มนุษย์หลายคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่บ้านแต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบอยู่บ้าน ส่วนผมอาจจะอยู่ระหว่างกลางๆคือมีทั้งช่วงที่ชอบเดินทางและช่วงที่ต้องการพักผ่อนอยู่กับบ้านซึ่งแต่ละคนก็มีบ้านที่มีลักษณะแตกต่างกันไป บางคนอาจจะอยู่คฤหาสน์หรือบางคนอาจจะอยู่แค่กระท่อมเล็กๆแต่บ้านทุกหลังก็ล้วนแต่ให้ความสุขแก่เจ้าของและผู้อาศัยได้เป็นอย่างดี

เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาผมได้ไปท่องเที่ยวที่เมืองเกิ่นเทอในประเทศเวียดนามซึ่งที่เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆก็คือ ตลาดน้ำไคราง แต่ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเที่ยวตามกระแสหรือไปตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ผมจึงเปิดหาข้อมูลว่าในเมืองเกิ่นเทอมีอะไรน่าสนใจนอกจากตลาดน้ำซึ่งก็ได้เจอกับ บ้านโบราณบิญถวี ซึ่งดูแล้วมีความน่าสนใจดี ผมจึงได้ตัดสินใจเรียกแกร็บเพื่อให้ไปส่งยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ทันที

สำหรับบ้านโบราณบิญถวีในเมืองเกิ่นเทอถือว่าเป็นบ้านเก่าแก่โดยเป็นบ้านของคนในตระกูลเดือง ซึ่งบ้านหลังนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปีแต่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีซึ่งปัจจุบันบ้านโบราณบิญถวีได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมโดยจะมีการเก็บเงินค่าเข้าชมประมาณ 20000 ดงหรือประมาณ 30 บาทซึ่งก็เป็นค่าในการทำนุบำรุงบ้านโบราณให้มีความสวยงามและคงทนอยู่คู่กับเมืองเกิ่นเทอตลอดไป

ส่วนบรรยากาศด้านภายในของบ้านโบราณบิญถวีก็ต้องยอมรับเลยว่าแม้จะเป็นบ้านเก่าแก่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปีแต่ก็ยังคงมีสภาพแบบสมบูรณ์ซึ่งก็ไ้ดรับการบูรณะและดูแลจากบรรดารุ่นลูกหลานของตระกูลเดืองเป็นอย่างดีซึ่งบริเวณด้านนอกรอบๆบ้านจะมีการปลูกพวกไม้ประดับต่างๆมากมายเพื่อเพิ่มความสดชื่น ส่วนบริเวณภายในบ้านจะเห็นพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่มีคุณค่าทั้งแจกัน ถ้วย ชามและของเก่าที่มีราคาอีกมาย รวมทั้งยังเห็นภาพบรรพบุรุษของตระกูลเดือง นอกจากนั้นแล้วในช่วงปี 1986 บ้านหลังนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง The Lover อีกด้วย


บ้านโบราณบิญถวีเป็นบ้านที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี
โดยตั้งอยู่ในเมืองเกิ่นเทอของประเทศเวียดนาม

บริเวณด้านภายในตัวบ้านจะพบเจอกับของที่มีคุณค่า
และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆมากมาย

โต๊ะและเก้าอี้ไม้ซึ่งยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีพวกแจกันและถ้วยชามต่างๆ

รูปภาพด้านบนเป็นภาพบรรพบุรุษของตระกูลเดือง
ส่วนด้านขวาเป็นรูปภาพหนังเรื่อง The Lover 

ผมเดินสำรวจจนทั่วก็พบว่าบ้านโบราณบิญถวี
ค่อนข้างได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและได้รับการบูรณะอยู่ตลอด

บริเวณภายนอกจะมีการปลูกไม้ประดับต่างๆมากมาย
และมีบ่อน้ำเล็กๆตั้งอยู่ซึ่งให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังมีร้านขายเครื่องดื่มคอยบริการแก่
ผู้ที่มาเข้าชมซึ่งมีเมนูหลากหลายทั้งกาแฟและชา

ร้านขายพวกภาพวาดงานศิลปะต่างๆ
ภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพตลาดน้ำซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกิ่นเทอ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
6 มิถุนายน 2566