EP.7 รถไฟไม้ไผ่พระตะบอง
พระตะบอง เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกัมพูชา ในอดีตนั้นพระตะบองเคยเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศแต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่ไทยต้องยอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาดินแดนส่วนใหญ่เอาไว้ ทำให้พระตะบองถูกแยกออกจากผืนแผ่นดินไทยและตกเป็นพื้นที่อาณาเขตของกัมพูชาจนถึงปัจจุบัน โดยในทุกวันนี้พระตะบองเป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชา ถ้าเดินทางมาจากอรัญประเทศที่จังหวัดสระแก้วและข้ามด่านตรงปอยเปตจะใช้เวลามาที่พระตะบองไม่เกิน 4 ชั่วโมงซึ่งใกล้กว่าที่เสียมเรียบหรือพนมเปญ
ผมเดินทางมาเที่ยวพระตะบองเมื่อตอนเดือนเมษายนปี 2019 โดยนั่งรถไฟจากกรุงเทพมาที่อรัญประเทศและข้ามแดนเข้าเขมรจากนั้นต่อรถบัสไปที่พระตะบองมาถึงก็ราวๆ 5 ทุ่มไปแล้ว พอวันรุ่งขึ้นก็ค้นหาโปรแกรมว่ามีสถานที่ใดน่าสนใจบ้างในพระตะบอง สุดท้ายแล้วสิ่งที่ควรทำเมื่อมาเยือนพระตะบองนั่นก็คือ การนั่งไฟไม้ไผ่อันคลาสสิค เมื่อมาถึงที่แล้วไม่ลองก็คงเหมือนมาไม่ถึง ผมจึงตัดสินใจจ้างรถตุ๊กตุ๊กเหมาพาเที่ยวและมุ่งไปยังสถานที่ตั้งของรถไฟไม้ไผ่ซึ่งอยู่ในเขตชุมชนอุดัมบัง โดยชาวบ้านที่นี่ได้มีการดัดแปลงนำไม้ไผ่มาต่อกับชุดโลหะแล้วนำเครื่องยนต์เรือมาติดตั้ง ทำให้กลายเป็นพาหนะสุดคลาสสิคซึ่งรู้จักกันดีในภาษาเขมรว่า โนรี หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รถไฟไม้ไผ่นั่นเอง
โดยในอดีตนั้นเส้นทางรถไฟตรงบริเวณนี้เคยเป็นจุดที่ใช้ลำเลียงสินค้าของบรรดาทหารเขมรแดงในยุคที่เขมรมีสงครามกลางเมือง แต่หลังจากสิ้นสุดลงทางรถไฟสายนี้ก็ถูกทิ้งร้างจนกระทั่งมีบรรดาชาวบ้านได้ทำการชุบชีวิตเส้นทางรถไฟบริเวณชุมชนอุดัมบังให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ในที่สุดก็มาลงตัวกันที่ รถไฟไม้ไผ่ ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดพระตะบอง ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายชาติมาทดลองนั่งสัมผัสบรรยากาศของรถไฟไม้ไผ่กันอย่างมากมาย ซึ่งราคาสำหรับการนั่งรถไฟไม้ไผ่จะอยู่ที่ 10 ดอลล่าร์หรือราวๆ 310 บาทคิดระยะเวลาทั้งขาไปและขากลับก็ไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยระหว่างที่นั่งไปนั้นจะผ่านเส้นทางบรรยากาศของชนบทและท้องทุ่งนา มองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยคนขับรถไฟไม้ไผ่จะมีจังหวะในการขับที่ทั้งเร็วและช้าแล้วแต่บุคคล หากตรงไหนบรรยากาศสวยๆก็อาจจะมีชะลอให้ช้าลงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปและถ้ามีรถสวนกันก็จะต้องมี 1 คันที่ต้องยอมเสียสละยกรถออกจากรางเพื่อให้อีกคันสวนผ่านไปได้ โดยขั้นตอนการยกรถและถอดเครื่องต่างๆใช้เวลาไม่นานนัก จากนั้นก็จะวิ่งไปยังจุดพักซึ่งก็คือจุดขายสินค้าของที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นบรรดาเสื้อผ้า ผมเองก็ไปซื้อเสื้อยืดมา 1 ตัวซึ่งก็เป็นรูปภาพรถไฟไม้ไผ่และสกรีนคำว่า Battambang ลงไป
หลังจากนั้นคนขับก็จะพากลับไปยังจุดเดิมพอไปถึงก็จะมีการเรียกขอทิปกันเล็กน้อยซึ่งก็ถือว่าเป็นปกติ ผมเองก็ให้ทิปไปประมาณ 2 ดอลล่าร์ ซึ่งผมมองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีในการมานั่งรถไฟไม้ไผ่สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะในตอนนี้เริ่มมีข่าวว่าเส้นทางรถไฟสายนี้จะมีการปรับปรุงและเตรียมเปิดให้บริการให้เป็นเส้นทางวิ่งของรถไฟในกัมพูชาอีกครั้งซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าหากรถไฟกลับมาวิ่งให้บริการ รถไฟไม้ไผ่ของพระตะบองก็คงต้องหยุดวิ่งและเหลือแต่ตำนานให้คนได้จดจำถึงภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ได้สร้างรถไฟไม้ไผ่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจนกลายเป็นสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพระตะบอง
รถไฟไม้ไผ่ สัญลักษณ์สำคัญประจำจังหวัดพระตะบอง
รถไฟไม้ไผ่ ภูมิปัญญาชาวบ้าน
ในเขตอุดัมบัง
ทหารเขมรแดงในยุคสงครามกลางเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น