วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

 

EP.203 สถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์


ช่วง 5-6 ปีหลังที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟไทยและรถไฟของต่างแดนค่อนข้างบ่อย สำหรับรถไฟไทยแล้วผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชานเมืองอยู่บ่อยครั้งรองลงมาก็จะเป็นพวกรถไฟทางไกลสายใต้ สำหรับรถไฟชานเมืองก็จะเป็นการเดินทางในระยะทางที่ไม่ไกลมากนักและพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในโซนของเขตภาคกลางและภาคตะวันออกไม่ว่าจะเป็นปทุมธานี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ฉะเชิงเทรา

นอกจากนั้นผมยังมักนั่งรถไฟชานเมืองไปยังสถานีต่างๆซึ่งผมมักจะไปถ่ายรูปและถ่ายคลิปวีดีโอของสถานีรถไฟหลากหลายแห่ง โดยหนึ่งในสถานีรถไฟที่ผมได้ไปเมื่อไม่นานมานี้ก็คือ สถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตทวีวัฒนาของกรุงเทพมหานครและยังเป็นหนึ่งในเส้นทางของรถไฟสายใต้และรถไฟชานเมือง

สำหรับสถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์ ปัจจุบันมีสถานะเป็นสถานีรถไฟชั้น 3 โดยตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟธนบุรี 14 กิโลเมตรซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงสถานีเล็กๆแต่บรรยากาศก็ดูกว้างขวางซึ่งบริเวณด้านหลังจะมีชุมชนหลังสถานีรถไฟซึ่งมีบ้านเรือนของผู้คนอาศัยกันอยู่ซึ่งจะมีทางเดินเพื่อไปยังถนนสายหลักได้ในระยะทางราวๆ 400 เมตร ขณะที่อีกฝั่งนึงของสถานีก็จะมีเครื่องเล่นและลานแอโรบิคให้ผู้คนได้มาออกกำลังกาย

ส่วนใครที่มารอขึ้นรถไฟที่นี่ก็สามารถซื้อตั๋วแบบรายวันและแบบล่วงหน้าได้ โดยในแต่ละวันจะมีรถไฟขบวนธรรมดาและขบวนชานเมืองมาเข้าจอดรับส่งผู้โดยสารซึ่งจะมีรถไฟที่วิ่งไปทั้งที่ศาลายา นครชัยศรี นครปฐม โพรงมะเดื่อ บ้านโป่ง ประจวบคีรีขันธ์ หลังสวน กาญจนบุรี รวมไปถึงสถานีน้ำตกและรถไฟที่วิ่งกลับไปยังสถานีธนบุรีซึ่งจะจอดที่ป้ายหยุดรถพุทธมณฑลสาย 2 ป้ายหยุดรถบ้านฉิมพลี สถานีีชุมทางตลิ่งชัน ป้ายหยุดรถไฟบางระมาด ป้ายหยุดรถจรัญสนิทวงศ์ ก่อนจะไปสุดปลายทางที่สถานีธนบุรีในเขตบางกอกน้อย


สถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์ ตั้งอยู่ในเขตทวีวัฒนา
ซึ่งจะเป็นพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดนครปฐม

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารและป้ายของตารางเดินรถ

ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟศาลายากับป้ายหยุดรถบ้านฉิมพลี

ชานชาลาที่สถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์ซึ่งในแต่ละวัน
จะมีรถไฟวิ่งไปทั้งที่สถานีน้ำตก สถานีหลังสวน สถานีนครปฐม

จุดที่นั่งพักของผู้โดยสารที่มารอขึ้นรถไฟ

ด้านหลังสถานีจะมีบ้านเรือนของผู้คนซึ่งถูกเรียกว่า
ชุมชนหลังสถานีรถไฟศาลาธรรมสพน์


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 มิถุนายน 2568

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

 

EP.202 นั่งรถบัสจากโฮจิมินห์ - พนมเปญ


ช่วง 1-2 ปีหลังของการเดินทางท่องเที่ยว ผมแทบจะไม่ได้ใช้บริการเครื่องบินเลยซึ่งผมเน้นความประหยัดในการเดินทางจึงทำให้มักเลือกเดินทางไปกลับด้วยรถบัสโดยสารระหว่างประเทศ โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมได้เดินทางกลับจากเวียดนามเพื่อจะกลับมาที่บ้านในเมืองไทยแผ่นดินเกิด แต่การเดินทางด้วยรถบัสจากเวียดนามไม่มีวิ่งตรงมาถึงที่เมืองไทยซึ่งรถบัสจากเวียดนามจะมีวิ่งมาแค่ประเทศกัมพูชาเท่านั้น

ผมเลือกเดินทางจากนครโฮจิมินห์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามและมาลงที่จุดหมายปลายทางที่กรุงพนมเปญของประเทศกัมพูชา โดยรถบัสที่วิ่งในเส้นทางนี้ก็มีให้บริการอยู่หลายบริษัทซึ่งในเวลานั้นผมมีเงินไม่มากเท่าไหร่ ทำให้ตัดสินใจเลือกรถบัสของบริษัท Khai Nam (ไคนาม) ซึ่งจากที่ผมเช็คราคามาแล้วก็มีราคาค่าโดยสารถูกที่สุด โดยค่าโดยสารก็อยู่ที่ประมาณ 550,000 ดงหรือตีเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 700 กว่าบาท

รถบัสออกเดินทางจากนครโฮจิมินห์ในช่วง 9 โมงเช้าและใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง แต่เมื่อเดินทางจริงๆแล้วก็จะใช้เวลานานกว่าที่กำหนดไว้ครับ เพราะจะมีทั้งตอนที่ผู้โดยสารต้องเปลี่ยนมานั่งรถบัสอีกคัน รวมถึงตอนที่ลงจากรถบัสเพื่อผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองจากด่าน ตม.ของทั้ง 2 ประเทศและยังมีช่วงที่รถบัสแวะจอดให้ผู้โดยสารได้ทานข้าวกลางวันซึ่งราคาก็รวมอยู่ในตั๋วโดยสารอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มโดยกว่าที่รถบัสจะเดินทางไปถึงกรุงพนมเปญก็เป็นช่วงเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว


ผมเดินทางจากนครโฮจิมินห์ในประเทศเวียดนามมาที่
กรุงพนมเปญของประเทศกัมพูชาด้วยรถบัสโดยสาร

ผมใช้บริการรถบัสของบริษัทไคนามซึ่งราคาค่าโดยสาร
ค่อนข้างถูกโดยจะอยู่ประมาณ 700 กว่าบาท

บรรยากาศบนรถบัสซึ่งเป็นรถนอนสไตล์แบบเวียดนาม

หน้าด่านมอคไบของทางเวียดนาม 
ส่วนด่านของกัมพูชาจะชื่อว่า ด่านบาเว็ท

รถบัสเดินทางเข้าสู่กัมพูชาประมาณช่วงบ่ายๆ

ผมเดินทางมาถึงกรุงพนมเปญก็เกือบ 6 โมงเย็น
โดยใช้เวลาเดินทางราวๆ 9 ชั่วโมง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
12 มิถุนายน 2568

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568

 

EP.201 KFC อินโดนีเซีย


ผมไปเที่ยวอินโดนีเซียครั้งล่าสุดก็เมื่อ 2 ปีที่แล้วโดยผมไปในช่วงเดือนมีนาคมของปี 2023 แต่การไปเที่ยวในครั้งนั้นดันเป็นช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิมกันพอดีซึ่งอินโดนีเซียก็เป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก ทำให้ในช่วงที่ผมท่องเที่ยวในอินโดนีเซียก็ทำให้เกิดความยากลำบากในการหาของกินซึ่งส่วนใหญ่ร้านค้าร้านอาหารต่างๆจะเปิดหลังช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

แต่เนื่องจากว่าผมไม่ใชมุสลิมดังนั้นจึงไม่ต้องถือศีลอดเหมือนคนอื่นๆและเมื่อเกิดอาการท้องหิว สิ่งที่ทำให้ผมต้องรีบไปทำก็คือการหาอาหารทานเพื่อให้เกิดความอิ่มท้อง แต่อย่างที่ผมบอกไปครับว่าช่วงถือศีลอด การจะหาของทานในช่วงกลางวันนั้นค่อนข้างหายากแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีร้านอาหารบางแห่งที่เปิดขายตามปกติซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ร้าน KFC ซึ่งเป็นร้านไก่ทอดยอดฮิตของผู้คนทั่วโลก

แม้ว่า KFC จะเปิดขายกันตามปกติแต่ก็มีลูกค้ามาซื้อกันไม่มากนักซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่ใช่มุสลิม โดยร้าน KFC ที่ผมไปนั่งทานอยู่ตั้งอยู่แถวถนนมาริโอโบโร่ซึ่งอยู่ในเมืองยอร์กยาการ์ตา ส่วนเมนูก็มีหลากหลายไม่ต่างจากร้าน KFC ในเมืองไทยครับซึ่งเมนูที่ผมได้สั่งไปก็คือ เมนูไก่ทอดกับเบอร์เกอร์้อมด้วยเฟรนซ์ฟรายกับโค้ก ส่วนราคาผมจำไม่ได้แล้วแต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากในเมืองไทยมากนัก แต่สิ่งที่ผมสามารถสัมผัสได้ก็คือเรื่องของรสชาติซึ่ง KFC ของที่อินโดนีเซียค่อนข้างจะออกเค็มเฉกเช่นเดียวกับซอสที่รสชาติไม่กลมกล่อมเท่าไหร่นัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลซึ่งสำหรับตัวผมแล้ว KFC ในเมืองไทยก็ยังคงครองใจเสมอมา


ร้าน KFC ในเมืองยอร์กยาการ์ตา เปิดขายกันตามปกติ
แม้เป็นช่วงเดือนรอมฎอนหรือการถือศีลอดของชาวมุสลิม

ลูกค้าเข้ามาสั่งเมนูซึ่งมีลูกค้าไม่มากเท่าไหร่นัก

บรรยากาศภายในร้านซึ่งในช่วงถือศีลอด ลูกค้าที่เป็นมุสลิม
ก็อาจจะซื้อกลับบ้านไม่ก็มาซื้อในช่วงตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

ผมสั่งไก่ทอด เบอร์เกอร์ เฟรนซ์ฟรายรวมไปถึงโค้ก
แต่รสชาติ KFC ของทางอินโดค่อนข้างจะเค็มไปหน่อย


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
7 มิถุนายน 2568

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

 

EP.200 สกายวอล์ค ปตท.


บริเวณพื้นที่ห้าแยกลาดพร้าวถือว่าเป็นจุดที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น เนื่องจากว่าจะเป็นจุดที่มีทางแยกสัญจรไปยังหลายพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิตไปจนถึงโซนลาดพร้าว นอกจากนั้นก็ยังมีสถานที่สำคัญต่างๆตั้งอยู่รอบๆทำให้บรรยากาศในแต่ละวันมีความวุ่นวายและคึกคักมากพอสมควร

ผมผ่านไปแถวห้าแยกลาดพร้าวบ่อย เพราะว่าบางครั้งก็ไปทำธุระที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว บางครั้งก็ไปเดินเล่นที่ห้างยูเนียนมอลล์หรือไม่บางทีก็เดินจากสวนสาธารณะอย่างสวนจตุจักรและสวนรถไฟเพื่อไปยังห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวซึ่งในปัจจุบันการเดินเชื่อมต่อกันถือว่าทำได้ง่ายและสะดวกอย่างมาก เพราะว่ามีทางเดินสกายวอล์คที่เปิดให้บริการแก่คนเดินเท้าไปเมื่อช่วงปี 2567 หรือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง

สำหรับสกายวอล์คที่เชื่อมต่อระหว่างห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวกับสวนรถไฟก็เป็นสกายวอล์คของบริษัท ปตท.ซึ่งเปิดบริการเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน เพราะสกายวอล์ค ปตท.เป็นจุดที่สามารถเดินเชื่อมต่อถึงสถานที่สำคัญต่างๆในบริเวณห้าแยกลาดพร้าวไม่ว่าจะเป็น สวนจตุจักร / เซ็นทรัลลาดพร้าว / ห้างยูเนียนมอลล์ / สวนสมเด็จย่า / BTSห้าแยกลาดพร้าว / MRTพหลโยธิน รวมไปถึงสวนรถไฟซึ่งผมได้ไปลงสำรวจบรรยากาศบนสกายวอล์ค ปตท.ในช่วงเวลาเย็นก็พบว่าจะมีผู้คนเดินสัญจรไปมาทั้งพนักงานของบริษัท ปตท. กลุ่มคนที่มาออกกำลังกายและผู้คนอีกหลากหลายวัย


สกายวอล์ค ปตท.เปิดให้บริการในปี 2567
โดยเป็นสกายวอล์คของบริษัท ปตท.

ผมเริ่มเดินสำรวจบรรยากาศจากจุดของสวนสมเด็จย่า

เมื่อเดินบนสกายวอล์คก็จะสังเกตุเห็นป้ายบอกทาง
ซึ่งจะเป็นการบอกไปยังพื้นที่ของสวนรถไฟ

ผมเดินเลาะมาเรื่อยๆตามทางก็จะเจอกับบริษัท ปตท.
ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับสวนรถไฟ

เดินกันมาสักพักนึงก็จะเจอกับทางเข้าสวนรถไฟ
ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเขตจตุจักร


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
30 พฤษภาคม 2568

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

 

EP.199 หอนาฬิกาเมืองอิโปห์


เมืองอิโปห์เป็นเมืองหลวงของรัฐเปรักในประเทศมาเลเซีย ผมเคยมีโอกาสไปเที่ยวอยู่ประมาณ 2 ครั้งซึ่งที่นี่มีเสน่ห์คล้ายๆกับที่ปีนังแต่อาจจะไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนปีนัง โดยจุดท่องเที่ยวหลักๆถ้าเน้นเดินเฉพาะในตัวเมืองก็จะมีจุดท่องเที่ยวอยู่หลายแห่งซึ่งที่อิโปห์จะเด่นในเรื่องของภาพสตรีทอาร์ต งานสถาปัตยกรรมซึ่งมีความผสมผสานในแบบฉบับของทางมาเลย์และทางตะวันตก

สำหรับหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวควรจะมาชมหากมาที่เมืองอิโปห์ก็คือ หอนาฬิกาประจำเมือง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า หอนาฬิกาอนุสรณ์เบิร์ช ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง เจมส์ วีลเลอร์ วูดฟอร์ท เบิร์ช ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษซึ่งในอดีตก็คือประเทศเจ้าอาณานิคมของมาเลเซีย โดยที่เบิร์ชเป็นเจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษที่มาประจำการอยู่ในรัฐเปรักและเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหาร โดยหอนาฬิกาได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1909 ซึ่งใช้ทุนในการก่อสร้างไปราวๆ 25,000  ดอลลาร์

ส่วนรูปแบบของสถาปัตยกรรมจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดยบริเวณรอบตัวนาฬิกาจะมีรูปปั้นอยู่ 4 ด้านซึ่งแสดงถึงคุณธรรมหลักทั้ง 4 ประการได้แก่ ความรอบคอบ ความยุติธรรม ความอดทนและความพอประมาณ นอกจากนั้นยังมีจุดของแผงสี่แผงซึ่งอยู่ตรงส่วนกลางซึ่งจะเป็นภาพที่สื่อให้เห็นถึงอารยธรรมในยุคต่างๆไล่มาตั้งแต่ยุคหิน ยุคเหล็ก อาณาจักรกรีกและโรมัน จักรวรรดิไบแซนไทน์ ศาสนาอิสลาม ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ไปจนถึงวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

ปัจจุบันหอนาฬิกาอนุสรณ์เบิร์ชกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองอิโปห์ เวลาใครมาเที่ยวที่อิโปห์ก็ต้องมาถ่ายรูปกับจุดของหอนาฬิกา นอกจากนั้นยังใช้เป็นสถานที่ในการมาถ่ายภาพหมู่รวมไปถึงภาพพรีเวดดิิ้ง ส่วนบรรยากาศรอบๆตัวหอนาฬิกาจะมีจุดของศูนย์อาหารฮาลาล มัสยิดซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม รวมทั้งยังมีภาพสตรีทอาร์ตแบบเก๋ๆให้ได้เดินชมกัน


หอนาฬิกาเมืองอิโปห์เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองอิโปห์
และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า หอนาฬิกาอนุสรณ์เบิร์ช

แผงทั้งสี่ของตัวหอนาฬิกาจะเป็นการนำเสนอภาพของ
ยุคสมัยต่างๆซึ่งมีอยู่หลากหลายยุค

ในแต่ละวันจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายภาพคู่กับหอนาฬิกา
หรือไม่ก็จะมาถ่ายภาพประเภทพรีเวดดิ้ง

ศูนย์อาหารที่ตั้งอยู่ในภายในพื้นที่ของหอนาฬิกา
แต่จะเปิดขายเพียงแค่บางร้านเท่านั้น

ใกล้ๆกันจะมีภาพงานศิลปะรวมถึงสตรีทอาร์ตให้ได้ชมกัน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
22 พฤษภาคม 2568

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

 

EP.198 ท่ารถเมล์ปาซาร์ เซนี


สถานีรถไฟฟ้า Pasar Seni  (ปาซาร์ เซนี) เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของประเทศมาเลเซีย โดยเป็นสถานีที่จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการกันค่อนข้างมาก เนื่องจากว่าตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและย่านธุรกิจของกรุงกัวลาลัมเปอร์ นอกจากนั้นก็ยังอยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง ตลาดกลาง รวมไปถึง พิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์

นอกจากนั้นเมื่อลงจากสถานีรถไฟฟ้าแล้วก็จะเจอกับจุดของท่ารถเมล์ซึ่งจะเป็นจุดที่จะมีรถเมล์โดยสารสาธารณะมาเข้าจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร โดยที่รถเมล์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีความแตกต่างจากบ้านเราอย่างชัดเจนทั้งการไม่มีกระเป๋ารถเมล์เดินเก็บเงินและการใช้บริการก็ไม่สามารถใช้จ่ายด้วยเงินสดได้ การจะขึ้นรถเมล์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ต้องซื้อบัตรโดยสารแล้วใช้วิธีการแตะบัตรกับจุดชำระเงินซึ่งจะตั้งอยู่ตรงประตูหน้าของรถ

ส่วนบรรยากาศของท่ารถเมล์ปาซาร์เซนีก็ค่อนข้างจะกว้างอยู่พอควร เพราะจะมีจุดของชานชาลาหลายจุดไว้ให้ผู้โดยสารไปได้นั่งรอรถเมล์ โดยรถเมล์ที่มาเข้าจอดก็จะมีอยู่หลายสายและมีป้ายข้อมูลของสายรถเมล์ต่างๆระบุไว้ค่อนข้างจะชัดเจน นอกจากนั้นแล้วการที่ท่ารถเมล์อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าก็ทำให้เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สัญจรไปมา เพราะว่าเป็นจุดเชื่อมต่อกันระหว่างรถเมล์สาธารณะที่วิ่งบนท้องถนนกับรถไฟฟ้าซึ่งวิ่งในระบบรางซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่หลากหลายภายในกรุงกัวลาลัมเปอร์


ท่ารถเมล์ปาซาร์เซนี ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
โดยเป็นจุดที่จะมีรถเมล์มาเข้าจอดรับส่งผู้โดยสารในทุกๆวัน

รถเมล์ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์จะเขียนด้านข้างตัวรถว่า GOKL

บรรยากาศของท่ารถเมล์ปาซาร์เซนีค่อนข้างจะกว้าง
และมีจุดของชานชาลาอยู่หลายจุดด้วยกัน

มีชานชาลาอยู่ทั้งสิ้น 6 จุดนอกจากนั้นยังมีป้ายบอก
ข้อมูลเส้นทางการเดินรถที่ค่อนข้างจะชัดเจน

ท่ารถเมล์จะตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าปาซาร์เซนี
เรียกได้ว่าเดินลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าก็จะเจอทันที


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
15 พฤษภาคม 2568

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

 

EP.197 สะพานรถไฟข้ามคลองชักพระ


วิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยมีความผูกพันกับแม่น้ำมาเป็นเวลานานโดยเฉพาะในเรื่องการการสัญจรซึ่งในอดีตมักจะใช้การเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก ทำให้พวกแม่น้ำหรือสายน้ำมักจะเป็นจุดสัญจรยอดนิยมของคนในสมัยอดีต ส่วนในยุคปัจจุบันแม้ว่าแม่น้ำจะถูกลดความสำคัญในเรื่องการสัญจรลงไป แต่ประโยชน์ในด้านอื่นๆของแม่น้ำลำคลองก็ยังคงมีความสำคัญอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับการเดินทางด้วยเรือที่ล่องอยู่ในแม่น้ำในสมัยปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นเช่นเดิม โดยหนึ่งจุดหลักของกรุงเทพมหานครที่มีการสัญจรทางแม่น้ำก็คือ ย่านตลิ่งชัน โดยเฉพาะในจุดของตลาดน้ำตลิ่งชัน เพราะที่นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกจุดหนึ่งของกรุงเทพฯโดยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวก็มักจะมาซื้อของกินซึ่งมีขายอย่างมากมาย นอกจากนั้นยังมีจุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ดูสะดุดตาเป็นอย่างมากและนักท่องเที่ยวก็มักจะมาถ่ายรูปกันอย่างมากมายก็คือ สะพานรถไฟ

สำหรับสะพานรถไฟที่อยู่ติดกับตลาดน้ำตลิ่งชันเป็นสะพานที่มีไว้ให้รถไฟใช้สัญจรผ่านข้ามคลองชักพระซึ่งในทุกวันจะมีรถไฟหลายขบวนวิ่งบนสะพานแห่งนี้เพื่อข้ามคลองชักพระทั้งรถไฟที่ออกต่างจังหวัดรวมไปถึงรถไฟที่วิ่งกลับเข้าสู่สถานีธนบุรี โดยที่เมื่อใดรถไฟวิ่งผ่านโดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ตลาดน้ำเปิดขายของก็มักจะเห็นนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปหรือในช่วงที่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านก็จะมีผู้คนไปเดินบนสะพานรถไฟ บางคนก็ไปถ่ายรูปหรือบางคนก็ขึ้นไปชมวิวบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเวลาเย็น


สะพานรถไฟข้ามคลองชักพระตั้งอยู่ติดกับตลาดน้ำตลิ่งชัน
และเป็นจุดที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้พอสมควร

ประโชน์ของสะพานแห่งนี้ก็คือเป็นจุดที่รถไฟ
จะใช้สัญจรเพื่อวิ่งข้ามคลองชักพระ

บนสะพานรถไฟข้ามคลองชักพระจะมีทางเดินเล็กๆ
เพื่อให้คนเดินเท้าได้ผ่านสัญจรไปมา

คลองชักพระเป็นคลองสายสำคัญในพื้นที่เขตตลิ่งชัน
ซึ่งในปัจจุบันยังมีภาพของเรือที่แล่นผ่านไปมาให้เห็นกัน

สะพานตรงถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชันตั้งอยู่คู่ขนานกับ
สะพานรถไฟ โดยเป็นจุดที่รถยนต์จะใช้สัญจรข้ามคลองชักพระ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
9 พฤษภาคม 2568

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2568

 

EP.196 ตลาดท้องถิ่นเมืองเปลกู


ผมไปเที่ยวเวียดนามแทบทุกปีซึ่งถ้านับตั้งแต่เป็นแบ็คแพคเกอร์มาตั้งแต่ปี 2017 ผมไม่ได้เที่ยวเวียดนามเพียงแค่ในช่วงยุคโควิดคือช่วงปี 2020 และ 2021 เท่านั้นซึ่งการที่ผมไปเวียดนามบ่อยๆนั่นก็เพราะว่าเวียดนามมีเสน่ห์ที่ทำให้ผมประทับใจจนต้องไปเยี่ยมเยือนในทุกๆปี โดยเสน่ห์ดังกล่าวก็คือ ความเป็นท้องถิ่น ซึ่งการจะไปค้นหาความเป็นท้องถิ่นดูบ้านๆก็คือการไปเดินเที่ยวชมตลาดนั่นเอง

สำหรับตลาดที่ผมไปเที่ยวชมในเวียดนาม ผมมักจะชอบไปในเมืองที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวซึ่งถึงแม้ว่าในเมืองใหญ่อย่าง ฮานอย / โฮจิมินห์ซิตี้ ไปจนถึงดานังต่างก็มีตลาดไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ แต่พวกตลาดในเมืองใหญ่มักจะเป็นตลาดที่เน้นขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทำให้มนต์เสน่ห์ความเป็นท้องถิ่นหายไปแทบจะหมดสิ้น โดยตลาดท้องถิ่นที่จะเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านก็มักจะอยู่ในเมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว

ผมได้ไปเที่ยวที่เมืองเปลกูซึ่งไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักของเวียดนาม แม้ว่าจะอยู่พักเพียงแค่คืนเดียว แต่ผมก็ยังมีโอกาสได้ไปเดินดูตลาดท้องถิ่นของที่เมืองเปลกูมาเช่นกัน สำหรับตลาดเมืองเปลกูก็ดูไม่ต่างจากตลาดท้องถิ่นในที่อื่นๆของเวียดนาม สินค้าที่ขายก็มีหลากหลายทั้งพวกเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ ของที่ใช้ประกอบอาหาร เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย รวมไปถึงสินค้าจิปาถะอื่นๆ

ผมไปเดินเที่ยวชมตลาดเมืองเปลกูตอนช่วงสายๆก็ยังได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นทั้งพ่อค้าแม่ค้าและกลุ่มลูกค้าซึ่งบรรยากาศการซื้อขายมีความคึกคักอย่างมาก นอกจากนั้นยังได้เห็นพวกเทศกิจที่มาทำการไล่พวกที่ขายของโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตซึ่งก็มีพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มหนึ่งได้ทำการขนของเพื่อหนีกลุ่มเทศกิจ ส่วนบรรยากาศส่วนอื่นๆผมว่าก็ไม่ต่างจากตลาดท้องถิ่นของเมืองไทยเท่าไหร่นัก แต่เท่าที่ได้เห็นมาผมว่าพ่อค้าแม่ค้าของที่เมืองเปลกูดูจะมีความเป็นกันเอง แม้พวกเขาจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่เมื่อผมเดินถ่ายวีดีโอไปก็มักจะได้เห็นรอยยิ้มและการทักทายจากพวกเขาอยู่เสมอ


ผมได้ไปเดินเที่ยวชมตลาดท้องถิ่นเมืองเปลกู
เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ของที่ขายภายในตลาดมีขายกันหลายอย่าง

โซนขายพวกเนื้อสัตว์จะตั้งอยู่ภายในอาคาร

เป็ดและไก่เป็นๆถูกนำมาจำหน่ายขายให้แก่ลูกค้า
ซึ่งนี่เป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปตามตลาดท้องถิ่นของเวียดนาม

ผมเดินดูบรรยากาศของตลาดเมืองเปลกูในหลายโซน
ซึ่งได้เห็นเสน่ห์ของความเป็นท้องถิ่นซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบ

ตลาดมีทั้งโซนที่ขายกันด้านนอกรวมถึงโซนที่ขายกัน
ในอาคารซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้า


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
26 เมษายน 2568