วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

 

EP.166 ถ้ำควาย


เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมได้ไปท่องเที่ยวที่เมืองนินห์บิญซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่โซนตอนเหนือค่อนมาทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม โดยผมพักที่นินห์บิญประมาณ 3 คืนซึ่งจากการที่ค้นหาข้อมูลมาก่อนแล้วก็พบว่าที่นินห์บิญจะมีความโดดเด่นในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติโดยเฉพาะพวกภูเขา น้ำตก ลำธารและแม่น้ำซึ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบการผจญภัยแนวธรรมชาติ ที่นี่น่าจะตอบโจทย์พวกคุณได้อย่างแน่นอน

สำหรับที่เที่ยวเด่นๆของที่นินห์บิญก็จะเป็นพวกถ้ำรวมไปถึงการล่องแม่น้ำ แต่ผมมักจะชอบเสาะแสวงหาสถานที่ที่ผู้คนไม่ค่อยรู้จักมากนักซึ่งการมาเที่ยวที่นินห์บิญก็ทำให้ผมได้มาเจอกับ ถ้ำควาย ซึ่งตามภาษาอังกฤษก็เรียกกันตรงตัวว่า Buffalo Cave ซึ่งที่นี่เป็นเหมือนจุดทางผ่านระหว่างที่จะไปสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ แต่เมื่อผ่านมาเจอแล้วผมก็ขอแวะเข้าไปสำรวจบรรยากาศกันสักหน่อยว่าภายในถ้ำควายมีอะไรน่าสนใจบ้าง

โดยบรรยากาศของถ้ำควายต้องถือว่าเป็นถ้ำขนาดเล็กทางเข้าถ้ำมีลักษณะไม่ใหญ่มากนักและทางเดินเข้าไปก็ค่อนข้างเล็กและบางจุดก็แคบ แต่ถึงแม้จะไม่ได้มีจุดเด่นน่าสนใจอะไรแต่ก็มักจะมีนักท่องเที่ยวแวะมาชมอยู่เรื่อยๆเพราะเป็นเสมือนจุดทางผ่านที่จะไปเที่ยวยังสถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองนินห์บิญ ขณะที่บรรยากาศรอบๆผมวาค่อนข้างดีเลยทีเดียวเพราะได้เห็นทั้งวิวภูเขาและยังมีกิจกรรมให้ทำซึ่งจะเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนาทั้งการเพาะปลูกต้นข้าว เลี้ยงเป็ด ขี่ควายซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากตะวันตกชื่นชอบกันอย่างมาก


ถ้ำควายเป็นถ้ำขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเมืองนินห์บิญ
โดยเป็นถ้ำที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่

เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับจุดที่จัดไว้เพื่อการทำกิจกรรม
ซึ่งหลักๆก็คือ การปลูกต้นข้าว เลี้ยงเป็ดและขี่ควาย

ทางเดินเข้าถ้ำควายจะเป็นสะพานไม้ไผ่
โดยปากทางเข้าถ้ำก็ดูค่อนข้างจะเล็ก

บรรยากาศด้านภายในของถ้ำค่อนข้างจะเล็ก
ถ้าจะเดินเข้าไปจนสุดด้านภายในต้องระมัดระวังพอสมควร

เมื่อมาถึงถ้ำควายก็ย่อมมีควายให้ได้ชมกัน
โดยเจ้าตัวนี้ยืนต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณใกล้จุดทางเข้า

ฝูงเป็ดที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้ซึ่งอาชีพหลักของคนที่นี่
ส่วนใหญ่จะทำอาชีพเกษตรกร

ชาวเมืองนินห์บิญนิยมเลี้ยงแพะเช่นเดียวกัน
ซึ่งเฝอแพะเป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดหากมานินห์บิญ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
23 กันยายน 2567

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567

 

EP.165 สำรวจบรรยากาศ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)


มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐและเป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่ 2 ของประเทศไทย นอกจากนั้นยังเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศรวมทังยังเคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางการเมืองของไทยไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รวมไปถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

แม้ว่าผมจะไม่ได้เรียนจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงของสถานศึกษาแห่งนี้เป็นเวลายาวนาน โดยในปัจจุบันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ยังคงเป็นสถานศึกษาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพและในแต่ละปีจะมีคนสอบเข้าแข่งขันเพื่อเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อช่วงประมาณกลางปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปเดินสำรวจบรรยากาศของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ย่านท่าพระจันทร์ซึ่งเป็นการสำรวจบรรยากาศในช่วงเวลาบ่าย 4 โมงซึ่งตอนที่ผมไปดูบรรยากาศก็เป็นช่วงปิดภาคการศึกษาอยู่พอดีนั่นจึงทำให้บรรยากาศอาจดูไม่คึกคักมากเท่าไหร่นัก แต่บริเวณด้านภายในมหาวิทยาลัยก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายจุดเช่นกัน

โดยจุดที่ผมได้ไปเดินดูก็จะมีทั้งหอสมุด โรงอาหาร รวมไปถึงตึกเรียนของคณะรัฐศาสตร์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงอาหาร นอกจากนั้นยังได้ไปเดินดูจุดของสนามกีฬาซึ่งจะเป็นจุดที่ใช้จัดกิจกรรมต่างๆรวมไปถึงจุดของทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะมีเก้าอี้ให้ผู้คนได้มานั่งพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีจุดของลานปรีดี พนมยงค์ซึ่งเป็นรัฐบุรุษอาวุโสของประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นนักกฎหมายและหัวหน้ากลุ่มคณะราษฎรสายพลเรือนซึ่งรูปปั้นของเขาตั้งอยู่อย่างโดดเด่น


ผมใช้ประตูเล็กฝั่งที่อยู่ติดกับท่าพระจันทร์เป็นจุดเข้าออก
ในการเดินสำรวจบรรยากาศของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผมไปในช่วงกลางปีซึ่งเป็นช่วงที่ยังปิดภาคเรียน
ทำให้บรรยากาศอาจดูไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่

ลานปรีดี พนมยงค์จะมีรูปปั้นของ ปรีดี พนมยงค์
ซึ่งเป็นรัฐบุรุษอาวุโสของประเทศไทยตั้งอยู่ตรงกลาง

โรงอาหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มีร้านอาหารขายกันอยู่ไม่มากนัก

ตึกเรียนคณะรัฐศาสตร์ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงอาหาร

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมากมายมานั่งพักผ่อน
บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ซึ่งจะเป็นสถานที่ที่ใช้จัดกิจกรรมต่างๆ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
17 กันยายน 2567

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2567

 

EP.164 หอศิลป์แห่งชาติ
อินโดนีเซีย


งานศิลปะเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดรวมถึงมีสมาธิที่แน่วแน่ที่สำคัญต้องมีใจรักซึ่งถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้ครบทั้งหมดก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันงานศิลปะเป็นงานฝีมือที่ได้รับจากทั่วโลกและมักจะมีการประกวดผลงานรวมไปถึงมีการจัดแสดงผลงานภาพวาดของบรรดาจิตรกรตามหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ต่างๆรวมทั้งยังมีการจัดประมูลภาพวาดอยู่ให้เห็นบ่อยครั้ง

ตอนที่ผมไปเที่ยวที่กรุงจาการ์ตาในประเทศอินโดนีเซีย สถานที่ท่องเที่ยวแรกๆที่ผมได้ไปก็คือ หอศิลป์แห่งชาติอินโดนีเซีย ซึ่งในสมัยที่อินโดนีเซียตกเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานศึกษาและจะรับแต่เฉพาะนักเรียนผิวขาวเชื้อชาติยุโรปเท่านั้น แต่เมื่ออินโดนีเซียได้รับเอกราชก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นหอศิลป์แห่งชาติซึ่งจะเน้นจัดแสดงผลงานที่เกี่ยวกับด้านศิลปะ

หอศิลป์แห่งชาติอินโดนีเซียได้ฤกษ์เปิดเป็นสถาบันทางวัฒนธรรมในสาขาทัศนศิลป์เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 1999 โดยปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานด้านทัศนศิลป์ทั้งภาพวาด ภาพเขียน รวมไปถึงงานจิตรกรรมต่างๆโดยมีผลงานด้านศิลปะจัดแสดงไม่ต่ำกว่า 1,700 ชิ้นซึ่งเป็นผลงานของศิลปินทั้งชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาติซึ่งแม้ว่าผมจะไม่ได้มีความรู้ในด้านงานศิลปะแต่เท่าที่ได้เดินชมก็รู้สึกเพลิดเพลินกับงานศิลปะที่ถูกรังสรรค์มาอย่างยอดเยี่ยม นอกจากนั้นภาพวาดหรืองานจิตรกรรมบางอย่างก็ยังสอดแทรกแนวคิดและไอเดียสุดบรรเจิดของศิลปินลงไปด้วย


อาคารของหอศิลป์แห่งชาติอินโดนีเซียซึ่งจะถูก
จัดแสดงและแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ

ภาพวาดงานศิลปะมีให้ชมกันอย่างมากมาย
โดยแต่ละภาพล้วนแต่มีความสวยงามทั้งนั้น

ทางเดินภายในหอศิลป์ค่อนข้างกว้าง
ทำให้สามารถเดินชมผลงานศิลปะได้แบบเพลิดเพลิน

ผลงานศิลปะมีให้ชมไม่ต่ำกว่า 1,700 ชิ้น
และผลงานก็มาจากศิลปินชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาติ

ผลงานของศิลปินบางรายก็ถูกนำไปประมูลขาย
และนำรายได้ไปช่วยเหลือพวกองค์กรการกุศลต่างๆ

นอกจากภาพวาดแล้วก็ยังมีงานศิลป์ในแขนงอื่นๆให้ได้ชม
ซึ่งก็มีทั้งรูปปั้นและพวกงานประติมากรรมอีกมากมาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
9 กันยายน 2567

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567

 

EP.163 ยอดเขาบูกิต ลารุต


ยุคสมัยปัจจุบันเริ่มมีผู้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้นและนั่นจึงทำให้การออกกำลังกายได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งในช่วงเช้าๆกับช่วงเย็นจะพบเห็นบรรยากาศของผู้คนที่มาออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมากทั้งตามสวนสาธารณะ ฟิตเนส หรือบริเวณริมทางเท้าก็จะเป็นจุดที่เจอคนมาวิ่งออกกำลังกายด้วยเช่นกัน ขณะที่ในสังคมชนบทที่มีภูเขาป่าไม้และธรรมชาติก็จะมีผู้คนไปออกกำลังกายเช่นขึ้นและการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมในต่างจังหวัดก็จะเป็นการเดินหรือวิ่งขึ้นเขา

สำหรับในประเทศมาเลเซียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดเขาป่าไม้ธรรมชาติอยู่พอสมควร โดยที่ในเมืองไทปิงก็เป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาและมีธรรมชาติอันสวยงาม โดยหนึ่งในสถานที่ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองไทปิงก็คือ ยอดเขาบูกิต ลารุตหรือในภาษาอังกฤษจะถูกเรียกกันว่า เนินเขาแม็กซ์เวลล์ โดยยอดเขาแห่งนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 1,250 เมตรและมักจะมีพื้นที่ที่ค่อนข้างชุ่มฉ่ำนั่นก็เพราะว่าเมืองไทปิงมีฝนตกค่อนข้างจะชุก

ผมได้มีโอกาสเดินขึ้นยอดเขาบูกิต ลารุตอยู่ประมาณ 2 ครั้งแต่ก็ไม่เคยเดินขึ้นไปถึงยอดเขาด้านบนสุดเสียทีเนื่องจากการที่จะเดินขึ้นไปพิชิตยอดเขาบูกิต ลารุตต้องใช้เวลาในการเดินประมาณ 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพราะจากจุดเริ่มต้นไปยังยอดเขาด้านบนสุดจะมีระยะทาง 14 กิโลเมตร แต่ถึงแม้ทางเดินขึ้นไปจะค่อนข้างไกลและทั้งสูงและบางจุดก็มีความชันแต่ก็ยังมีหลายคนที่ต้องการเดินพิชิตขึ้นไปสู่ยอดเขาด้านบนสุดให้ได้ เนื่องจากบริเวณจุดด้านบนจะมีบรรยากาศที่สวยงามเนื่องจากในอดีตได้มีกลุ่มชาวอังกฤษขึ้นไปสร้างที่พักตากอากาศเอาไว้ในสมัยที่อังกฤษยังเป็นเจ้าอาณานิคมของมาเลเซีย

ส่วนในปัจจุบันยอดเขาบูกิต ลารุตกลายเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและเป็นจุดยอดนิยมที่ผู้คนท้องถิ่นมักจะมาออกกำลังกายซึ่งส่วนมากก็คือ การเดินขึ้นสู่ยอดเขา แต่ก็มีผู้คนไม่มากนักที่จะเดินไปจนถึงยอดด้านบนสุดแต่ถึงกระนั้นก็มีผู้ที่สามารถเดินพิชิตยอดเขาบูกิต ลารุตได้มาหลายคนแล้ว ส่วนผมเคยมีความคิดที่จะเดินขึ้นไปจนถึงยอดด้านบนสุดเหมือนกัน แต่เมื่อเดินไปได้สักพักก็ต้องขอยอมแพ้เพราะเส้นทางค่อนข้างไกลรวมทั้งยังมีอุปสรรคจากสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาซึ่งเป็นเรื่องที่จะเจอกันได้เป็นปกติเมื่อมาที่ยอดเขาบูกิต ลารุต


แผนที่เส้นทางการเดินขึ้นสู่ยอดเขาบูกิต ลารุต
ซึ่งระหว่างทางสามารถพบเจอกับนกหลากหลายสายพันธุ์

จุดสตาร์ทอยู่ที่ตรงนี้ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนมากมาย
มาเดินพิชิตยอดเขาแต่ส่วนมากจะเดินเอาแค่เท่าที่ไหวมากกว่า

ประวัติของยอดเขาบูกิต ลารุตซึ่งในอดีตได้มีการ
สร้างบ้านพักตากอากาศไว้บริเวณจุดด้านบนของยอดเขา

ระหว่างทางที่เดินขึ้นยอดเขาก็จะเจอกับ
เส้นทางทั้งทางตรงและทางโค้งส่วนบางจุดก็มีความชัน

ทางเดินลัดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งช่วยร่นระยะทางได้พอสมควร

ผมลองขึ้นไปสำรวจจุดทางลัดขึ้นเขาก็พบว่า
ต้องมีความชำนาญพอสมควรเพราะเส้นทางค่อนข้างอันตราย

ผมเดินมาได้เกือบ 1 ชั่วโมงสุดท้ายก็ต้องขอยอมแพ้
เพราะถ้าจะพิชิตยอดเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
3 กันยายน 2567