วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567

 

EP.156 สะพานคนเดินเหงียนวันทรอย


เมืองดานังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของประเทศเวียดนาม นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนรู้จักเมืองดานังกันเป็นอย่างดีครับ เพราะที่นี่มีจุดท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง บาน่าฮิลล์ ขณะที่ในตัวเมืองดานังก็มีจุดน่าสนใจอย่าง สะพานมังกร ที่จะมีการแสดงมังกรพ่นไฟและพ่นน้ำในช่วงสุดสัปดาห์และบริเวณจุดใกล้ๆกับสะพานมังกรก็ยังมีสะพานอีก 2 แห่งซึ่งเป็นสะพานที่เอาไว้ใช้ข้ามแม่น้ำหานเฉกเช่นเดียวกับสะพานมังกร โดย 2 สะพานดังกล่าวก็คือ สะพานเจิ่นถิหลีและสะพานเหงียนวันทรอย

สำหรับสะพานเหงียนวันทรอยเป็นสะพานสำหรับให้คนเดินโดยเฉพาะซึ่งจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำหานและจะไม่มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์มาวิ่งบนสะพานได้ โดยสะพานเหงียนวันทรอยถูกสร้างโดยกลุ่มชาวอเมริกันในช่วงปี 2508 ซึ่งเป็นในยุคของสงครามเวียดนามโดยในสมัยก่อนสะพานถูกใช้เพื่อให้รถยนต์ลำเลียงอาวุธในการเดินทางข้ามแม่น้ำหานจนกระทั่งเมื่อสงครามยุติลงสะพานก็มาอยู่ในความดูแลของทางการเวียดนามและในช่วงปี 2556 ได้มีการปรับปรุงสะพานให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น นอกจากนั้นยังได้มีการกำหนดให้สะพานเหงียนวันทรอยกลายเป็นสะพานสำหรับคนเดินเพียงอย่างเดียว

ปัจจุบันสะพานเหงียนวันทรอยนอกจากจะเป็นสะพานสำหรับคนเดินข้ามแม่น้ำหานแล้วยังเป็นจุดที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปและออกกำลังกายโดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นที่จะมีผู้คนออกมาทำกิจกรรมต่างๆทั้งการวิ่งออกกำลังกาย ขี่จักรยาน โดยที่ผมได้ไปสำรวจบรรยากาศของสะพานเหงียนวันทรอยในช่วงราวๆ 5 โมงเย็นก็พบว่าบรรยากาศบนสะพานค่อนข้างจะโอเคเลยทีเดียว เนื่องจากไม่มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์มาวิ่งให้น่ารำคาญ ทำให้สามารถเดินชมวิวบรรยากาศของแม่น้ำหานได้แบบชิวๆรวมทั้งยังสามารถเห็นวิวของสะพานเจิ่นถิหลีซึ่งเป็นสะพานคู่ขนานที่อยู่ใกล้ๆกัน


สะพานเหงียนวันทรอยเป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำหาน
โดยตั้งอยู่ในเมืองดานังของประเทศเวียดนาม

สะพานถูกสร้างโดยชาวอเมริกันในช่วงยุคสงครามเวียดนาม

ปัจจุบันเป็นสะพานที่เอาไว้ให้คนเดินเท้าเพียงอย่างเดียว
โดยยานพาหนะมีแค่จักรยานที่สามารถข้ามผ่านได้เท่านั้น

ใกล้ๆกันมีสวนสาธารณะขนาดย่อมๆ
โดยด้านล่างจะเป็นลานกว้างให้ผู้คนได้มาทำกิจกรรมต่างๆ

ผมเดินชมวิวบรรยากาศบนสะพานเหงียนวันทรอย
และก็ไม่พลาดที่จะถ่ายภาพของแม่น้ำหาน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
30 มิถุนายน 2567

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567

 

EP.155 ตรอกคอนคูบายน์


เมืองอิโปห์ เป็นเมืองหลวงของรัฐเปรักซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยจากคำบอกเล่าของคนที่เคยไปเที่ยวเมืองอิโปห์หลายคนมักจะบอกกันว่ามีบรรยากาศคล้ายๆกับที่ ปีนัง เพียงแต่ความโด่งดังอาจจะไม่ได้ดังเท่ากับที่ปีนัง โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองอิโปห์เป็นครั้งแรกซึ่งผมก็อยากจะไปเห็นกับตาของตนเองว่าที่อิโปห์จะคล้ายกับที่ปีนังเหมือนอย่างที่หลายคนร่ำลือกันเอาไว้หรือเปล่า

โดยจากการที่ผมได้ไปเที่ยวและพักอยู่ที่เมืองอิโปห์ประมาณ 2-3 วันก็สังเกตุได้ว่าอิโปห์ไม่ได้ถึงกับคล้ายกับที่ปีนังไปเสียทั้งหมด สิ่งที่อาจจะดูคล้ายก็มีเพียงแค่ภาพสตรีทอาร์ตที่อยู่บนกำแพงแต่ก็ไม่ได้มีคนมาถ่ายรูปกันมากมายเท่าไหร่ ส่วนจุดอื่นๆที่น่าสนใจของเมืองอิโปห์ก็มีอยู่ไม่น้อย โดยหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่ผู้คนต้องไม่พลาดหากมาเที่ยวที่เมืองอิโปห์ก็คือ ตรอกคอนคูบายน์ ซึ่งเปรียบเสมือนจุดเช็คอินยอดนิยมของเมืองกันเลยทีเดียว

สำหรับตรอกคอนคูบายน์ในสมัยอดีตเป็นโซนที่มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะในยุคก่อนบริเวณตรอกคอนคูบายน์เคยเป็นโซนที่พวกบรรดาเจ้าสัวเชื้อสายจีนใช้เป็นจุดสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่บรรดาเหล่าเมียน้อยและเมียเก็บซึ่งเมื่อมีเหล่าบรรดาเมียน้อยมาอยู่ในโซนเดียวกัน ทำให้พื้นที่ของตรอกคอนคูบายน์กลายเป็นแหล่งค้าประเวณีหรือ ซ่อง ที่มีชื่อเสียงของเมืองอิโปห์และไม่ได้มีเฉพาะการค้าบริการทางเพศเท่านั้น แต่พวกอบายมุขต่างๆก็ถูกค้าขายกันอย่างเสรีในพื้นที่นี้ไม่ว่าจะเป็นพวกฝิ่นรวมไปถึงแอลกอฮอลล์

แต่ในภายหลังพื้นที่ของตรอกคอนคูบายน์ก็ถูกปราบปรามอย่างหนักและในที่สุดพื้นที่ที่เคยเป็นย่านโคมแดงและเป็นแหล่งรวมอบายมุขก็ค่อยๆเลือนหายไปตามกาลเวลา ก่อนที่ทางภาครัฐจะทำการปรับปรุงพื้นที่เสียใหม่และกลายมาเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองอิโปห์ โดยในปัจจุบันตรอกคอนคูบายน์กลายเป็นโซนที่มีการขายสินค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นของกินและของใช้ต่างๆซึ่งมีอยู่อย่างมากมาย โดยถึงแม้พื้นที่จะดูค่อนข้างเล็กแต่ในทุกๆวันก็จะมีนักท่องเที่ยวมาเดินเที่ยวชมและซื้อของกันอย่างมากมาย ทำให้ภาพลักษณ์ของตรอกคอนคูบายน์ที่เคยเป็นแหล่งอบายมุขก็ถูกลบทิ้งและกลายเป็นจุดท่องเที่ยวชื่อดังที่เต็มไปด้วยความสดใสและบรรยากาศที่ดูคึกคัก


ตรอกคอนคูบายน์เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองอิโปห์
ซึ่งบรรยากาศจะเป็นตรอกเล็กๆแต่มีผู้คนมาเดินอย่างมากมาย

ประวัติของตรอกคอนคูบายน์ซึ่งในสมัยอดีตเคยเป็น
แหล่งอบายมุขที่มีการค้าฝิ่นแอลกอฮอลล์รวมไปถึงการค้าประเวณี

ปัจจุบันภาพลักษณ์ที่เคยไม่ดีถูกลบทิ้งไปหมดแล้ว
โดยถูกแทนที่ด้วยการขายของกินและของใช้แบบทั่วๆไป

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมาเดินเที่ยวที่ตรอกคอนคูบายน์
กันพอสมควรโดยจะคึกคักอย่างมากในช่วงวันเสาร์อาทิตย์

พวกเครื่องประดับต่างๆที่ขายกันในตรอกคอนคูบายน์
มีราคาที่ไม่สูงมากนัก

ขนมหวานของทางมาเลเซีย โดยจากที่ผมสังเกตุดู
ก็เห็นว่าน่าจะเป็นพวกลอดช่อง

ตรอกคอนคูบายน์ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินที่สำคัญ
โดยถ้าหากมาเที่ยวที่เมืองอิโปห์ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาเดินชม


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
23 มิถุนายน 2567

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2567

 

EP.154 มัสยิดกาปิตัน เคลิง


ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนั่นจึงทำให้สามารถพบเห็น มัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาได้อยู่ทั่วทุกประเทศ โดยผมเดินทางไปมาเลเซียทีไรก็มักจะแวะเข้าไปชมมัสยิดอยู่เสมอซึ่งถึงแม้ผมจะเป็นคนศาสนาพุทธ แต่ก็สามารถเข้าชมบรรยากาศของมัสยิดได้โดยไม่มีปัญหา โดยหนึ่งในมัสยิดที่ผมได้เข้าไปชมบรรยากาศด้านภายในมาก็คือ มัสยิดกาปิตัน เคลิง ที่ตั้งอยู่ในเมืองจอร์จทาวน์บนเกาะปีนัง

มัสยิดกาปิตัน เคลิง ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยผู้สร้างก็คือกลุ่มพ่อค้าชาวอินเดียที่นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนั้นมัสยิดกาปิตัน เคลิงยังถือว่าเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะปีนังอีกด้วย โดยคำว่ากาปิตันมาจากกลุ่มชุมชนชาวอินเดีย ส่วนคำว่าเคลิงในปัจจุบันถือว่าเป็นคำหยาบซึ่งเป็นคำเรียกชาวอินเดียในมาเลเซียซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถานะทางสังคมต่ำที่สุด

โดยบรรยากาศจากที่ผมไปได้ไปสำรวจก็พบว่าสถาปัตยกรรมก็จะถูกสร้างตามความเชื่อของหลักศาสนาอิสลาม ด้านภายในมีพื้นหินอ่อนสีขาวและมีเพดานสูง นอกจากนั้นยังมีบรรดาเด็กๆที่มาเรียนศาสนาและศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่านโดยมีครูสอนศาสนามาคอยดูแลอยู่ไม่ห่างรวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แวะเวียนเข้ามาชมบรรยากาศของมัสยิดกาปิตัน เคลิงกันอย่างต่อเนื่องซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนมาแวะชมกันอย่างมากมาย เพราะเปิดให้เข้าชมฟรีแถมยังมีบริการไกด์พูดภาษาอังกฤษที่คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับมัสยิด


มัสยิดกาปิตัน เคลิง ตั้งอยู่ในเมืองจอร์จทาวน์ของเกาะปีนัง
โดยเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของปีนัง

โดยมัสยิดถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มพ่อค้าชาวอินเดีย
ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามและสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19

ประวัติของมัสยิดกาปิตัน เคลิงจะมีให้อ่านอยู่
บริเวณประตูทางเข้าออก

เด็กๆมานั่งเรียนศาสนารวมทั้งมาศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่าน

บ่อน้ำประจำมัสยิดซึ่งผมสังเกตุว่าจะเป็นจุดที่
ชาวมุสลิมจะมาใช้ชำระร่างกายทั้งมือและเท้า

บรรยากาศด้านภายในของมัสยิดซึ่งอนุญาตให้ถ่ายรูปได้
แต่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกวีดีโอ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
17 มิถุนายน 2567

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2567

 

EP.153 สถานีรถไฟบันดุง


ผมไปเที่ยวอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตอนเดือนมีนาคมของปี 2023 โดยผมไปเที่ยวยังเกาะชวาซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่าง จาการ์ตา โดยที่เกาะชวาก็ยังมีเมืองสำคัญต่างๆทั้งบันดุง ยอร์กยาการ์ตาไปจนถึงสุราบายา โดยผมได้เที่ยวอยู่ประมาณ 3 เมืองคือ จาการ์ตา บันดุงและยอร์กยาการ์ตาซึ่งการเดินทางระหว่างเมืองที่ผมเลือกใช้ก็คือการนั่งรถไฟ โดยที่ทริปการเดินทางด้วยรถไฟจากจาการ์ตาไปยังบันดุงยังเป็นการนั่งรถไฟของอินโดนีเซียครั้งแรกของตัวผมอีกด้วย

การเดินทางมาที่เมืองบันดุงถือว่าดูมีความคึกคักไม่น้อย เพราะที่นี่คือหนึ่งในเมืองใหญ่ของอินโดนีเซีย เอาเฉพาะแค่สถานีรถไฟก็ถือว่ามีความคึกคักอยู่ไม่น้อย โดยจากการที่ผมได้สำรวจบรรยากาศของสถานีรถไฟในเมืองบันดุงก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟขนาดใหญ่และมีผู้โดยสารมาใช้บริการในแต่ละวันกันพอสมควร โดยที่ตัวสถานีในปัจจุบันได้การการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดคโค ส่วนของรางรถไฟมีทั้งสิ้น 10 รางโดยเป็นรางรถไฟหลัก 6 ราง ส่วนอีก 4 รางเอาไว้ใชในการสับเปลี่ยนขบวนรถไฟ

นอกจากนั้นแล้วตามสถานีรถไฟในประเทศอินโดนีเซียมักจะมีจุดสะพานลอยเชื่อมต่อระหว่างอาคารสถานีกับจุดของชานชาลาซึ่งผมเดินสำรวจบรรยากาศก็พบว่าสถานีรถไฟบันดุงน่าจะเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่มีความสำคัญพอสมควรของอินโดนีเซีย โดยในปัจจุบันสถานีบันดุงก็ยังอยู่ในเส้นทางรถไฟสายสำคัญที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา โดยที่มีเส้นทางไปยังหลากหลายสถานี ส่วนจุดอื่นๆภายในสถานีเท่าที่ผมได้เห็นมาก็จะมีทั้งร้านค้า มินิมาร์ท จุดฝากสัมภาระรวมไปถึงห้องละหมาดสำหรับบรรดาชาวมุสลิม


สถานีรถไฟบันดุงเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
ชวาตะวันตกซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บนเกาะชวา

รางรถไฟด้านหน้าสถานี โดยที่ตั้งของสถานีบันดุง
จะอยู่จุดพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งเดินทางค่อนข้างง่าย

ผู้โดยสารที่รอเดินทางซึ่งช่วงที่ผมไปเก็บบรรยากาศ
เป็นช่วงที่ยังไม่มีรถไฟมาเข้าจอด ทำให้มีผู้คนไม่มากนัก

จะเดินไปที่ชานชาลาต้องเป็นเฉพาะผู้โดยสารเท่านั้น
ถ้าใครไม่มีตั๋วไม่สามารถเดินไปยังจุดของชานชาลาได้

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารซึ่งมีทั้งแบบรายวันและล่วงหน้า

ร้านค้าที่ตั้งอยู่ภายในสถานี นอกจากนั้นก็ยังมีทั้ง
ร้านกาแฟรวมไปถึงร้านขายขนมปัง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
13 มิถุนายน 2567

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2567

 

EP.152 รถโดยสารระหว่างประเทศ
มุกดาหาร - สะหวันนะเขต


การเดินทางจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยรถบัสโดยสารถือว่าเป็นวิธีการเดินทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางประเภทแบกเป้เที่ยว เพราะถึงแม้จะใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าการนั่งเครื่องบิน แต่การเดินทางด้วยรถบัสถือว่าได้สร้างประสบการณ์การเดินทางให้แก่กลุ่มแบ็คแพคเกอร์เป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางในความหมายของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ไม่ได้มีแค่ไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่เรื่องราวระหว่างทางหรือระหว่างการเดินทางก็ได้สร้างประสบการณ์ให้แก่นักเดินทางประเภทแบกเป้เที่ยวได้เป็นอย่างมาก

สำหรับหนึ่งในเส้นทางของรถบัสโดยสารระหว่างประเทศจากไทยไปยังประเทศลาวก็คือ เส้นทางมุกดาหาร - สะหวันนะเขต โดยเป็นการเดินทางในระยะทางที่ไม่ไกลมากนักซึ่งการเดินทางจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่อาจจะมีเลทนิดหน่อยจากการต้องผ่านขั้นตอนของด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยรถบัสโดยสารในเส้นทางนี้จะมีให้บริการอยู่ทุกวัน วันนึงก็มีวิ่งอยู่หลายรอบซึ่งรถบัสรอบแรกก็วิ่งกันตั้งแต่รอบเช้าและรอบสุดท้ายก็ประมาณช่วงหัวค่ำ ส่วนอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ 50 บาทต่อคน

ส่วนบรรยากาศระหว่างการเดินทาง ผมสังเกตุว่ารถบัสโดยสารระหว่างประเทศในเส้นทางมุกดาหารไปยังสะหวันนะเขตในแต่ละวันจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการอย่างมากมายซึ่งเมื่อขึ้นไปบนรถก็จะอยู่ที่ความว่องไวของผู้โดยสารแต่ละคน ใครขึ้นรถได้ก่อนก็จะได้นั่งส่วนพวกที่ขึ้นมาทีหลังก็ต้องยืนเอาเพราะไม่มีที่นั่งว่างเหลืออยุ่แล้ว โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนลาวมากกว่าคนไทย ส่วนนอกนั้นก็มีจะชาวต่างชาติปะปนมาบ้าง โดยรถบัสจะวิ่งผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งไทยและลาวและวิ่งผ่านสะพานมิตรภาพซึ่งจะเห็นวิวบรรยากาศของแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน ส่วนรอบที่ผมเดินทางออกจาสถานีขนส่งมุกดาหารคือตอน 7 โมงเช้าและเดินทางถึงสถานีขนส่งสะหวันนะเขตตอนประมาณ 8 โมง 20 นาที


รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ (ไทย - ลาว)
คันนี้เป็นเส้นทางจากมุกดาหาร - สะหวันนะเขต

รถบัสมีวิ่งให้บริการทุกวัน วันละประมาณ 14 รอบ
โดยรอบแรกตอน 06.15 น. ส่วนรอบสุดท้ายตอน 19.00 น.

บรรยากาศบนรถบัส สังเกตุได้ว่าจะเนืองแน่นไปด้วย
ผู้โดยสารซึ่งมีทั้งคนไทย คนลาวและผู้โดยสารชาติอื่นๆ

รถบัสโดยสารจะจอดให้ผู้โดยสารลงไปผ่านขั้นตอน
การตรวจคนเข้าเมืองของทั้ง 2 ประเทศ

ผมเดินทางมาถึงสถานีขนส่งสะหวันนะเขตในประเทศลาว
ตอนประมาณ 8 โมงกว่าๆ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
7 มิถุนายน 2567