วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

 

EP.146 ห้างสรรพสินค้า (เกือบ) ร้าง
ที่เมืองสุไหงเปตานี


เมืองสุไหงเปตานีเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐเคดาห์ของประเทศมาเลเซีย โดยเป็นเมืองที่ไม่ค่อยที่จะคุ้นหูทั้งชาวไทยรวมไปถึงผู้คนจากชาติอื่นๆทั่วโลก เพราะสุไหงเปตานีไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวของมาเลเซียนั่นจึงทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่สำหรับผมแล้วการได้ไปเยือนเมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวคือสิ่งที่ผมมักจะทำเป็นประจำเวลาได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมก็ได้แวะไปเที่ยวที่สุไหงเปตานีมาเช่นกัน

ผมพักที่สุไหงเปตานี 1 คืนซึ่งช่วงระยะเวลาสั้นๆผมก็พยายามหาโอกาสสำรวจเมืองสุไหงเปตานีให้ได้มากที่สุด โดยหนึ่งในจุดที่ผมได้ไปเดินสำรวจก็คือ ห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า SP Plaza ซึ่งเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยจากการที่ผมได้เดินสำรวจดูก็พบว่าบรรยากาศของห้าง SP Plaza ค่อนข้างที่จะดูเงียบเหงาและวังเวงแบบสุดๆซึ่งดูไม่ต่างอะไรจากห้างร้าง เพราะแทบไม่มีผู้คนมาเดินซึ่งสิ่งที่ทำให้ยังดูแตกต่างจากห้างที่ร้างไปแล้วคือการที่ห้าง SP Plaza ยังคงเปิดดำเนินการเป็นปกติ

ส่วนบรรยากาศภายในห้างก็ต้องยอมรับว่าเงียบเหงาเป็นอย่างมาก แต่ถึงแทบจะไม่มีคนมาเดินก็ยังมีพวกร้านค้าเปิดขายอยู่เป็นบางร้านซึ่งก็จะเป็นพวกร้านขายเสื้อผ้าและร้านขายรองเท้า ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้ห้างแห่งนี้กลายเป็นห้างที่เกือบจะร้างนั่นก็เป็นเพราะว่าที่เมืองสุไหงเปตานีได้มีการสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้าง SP Plaza มากนักนั่นทำให้ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างย้ายกันไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ซึ่งใหญ่กว่าและทันสมัยมากกว่า นอกจากนั้นยังมีเรื่องของเศรษฐกิจของมาเลเซียที่มีปัญหา ทำให้ทั้งผู้ค้าและผู้บริโภคต่างก็ไม่มีทุนทรัพย์ที่มากพอในการที่จะมาค้าขายหรือจับจ่ายซื้อสินค้า


ห้างสรรพสินค้า SP Plaza ตั้งอยู่ในเมืองสุไหงเปตานี
โดยเคยเป็นห้างใหญ่ที่สุดของเมือง

ห้างจะมีทั้งหมด 4 ชั้นซึ่งสภาพปัจจุบันกลายเป็นห้างเกือบร้าง

ผมเดินสำรวจบรรยากาศภายในห้างก็พบว่า
ร้านค้าแต่ละร้านมีการปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก

แต่ละชั้นบรรยากาศก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดทุกชั้น

บรรยากาศสุดเงียบเหงาและวังเวงซึ่งระหว่างที่ผม
เดินสำรวจก็แทบจะไม่เจอผู้คนมาเดินซื้อของเลย

ห้าง SP Plaza กลายเป็นห้างที่เกือบร้างเพราะถูกทดแทน
ด้วยห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก

แต่ก็ยังมีร้านค้าบางร้านที่ยังคงเปิดขายของเป็นปกติ
ซึ่งจะเป็นพวกร้านขายเสื้อผ้าและร้านขายรองเท้า


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
29 เมษายน 2567

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567

 

EP.145 ร้านกาแฟไฮแลนด์


อเมซอน คือ ชื่อร้านขายกาแฟและเครื่องดื่มชื่อดังของเมืองไทยและเป็นแบรนด์ที่คนไทยสร้างคนไทยทำซึ่งในปัจจุบันร้านอเมซอนก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมากและได้มีร้านอเมซอนหลากหลายสาขาตั้งอยู่ทั้งตามห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงในปั๊มน้ำมัน ปตท. โดยผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบทานเครื่องดื่มของร้านอเมซอนแม้ว่าอาจจะไม่บ่อยนักแต่เมื่อมีโอกาสก้มักแวะเข้าไปสั่งเครื่องดื่มและขนมปังทานอยู่เรื่อยๆ

เมืองไทยของเรามีร้านอเมซอนที่เป็นร้านขายกาแฟและเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียง ขณะที่ในประเทศเวียดนามก็มีร้านกาแฟและเครื่องดื่มที่เป็นแบรนด์เวียดนามแท้ๆซึ่งก็คือ ร้านไฮแลนด์คอฟฟี่ ตอนผมไปเที่ยวเวียดนามผมก็มักจะแวะเข้าไปนั่งสั่งเครื่องดื่มทานอยู่เสมอทั้งนี้ก็อยากรู้ว่าเมนูต่างๆและรสชาติจะสู้กับทางอเมซอนของบ้านเราได้หรือเปล่า

สำหรับประวัติของกาแฟไฮแลนด์นั้นถูกก่อตั้งครั้งแรกในปี 1999 โดยนักธุรกิจลูกครึ่งเวียดนาม - อเมริกัน โดยช่วงแรกนั้นเป็นแค่การจำหน่ายกาแฟบรรจุกล่องเพื่อขายตามซุปเปอร์มาร์เกต แต่ต่อมาเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นก็ได้มีการเปิดสาขาแรกที่นครโฮจิมินห์เมื่อปี 2002 และในปี 2009 ก็ได้มีการขยายสาขาไปยัง 6 เมืองใหญ่ของเวียดนามและมีสาขาไม่ต่ำกว่า 80 สาขา

ปัจจุบันร้านกาแฟไฮแลนด์มีสาขาอยู่มากมายไปทั่วทั้งประเทศเวียดนาม โดยนอกจากพวกเมนูกาแฟแล้วก็ยังเมนูน้ำปั่นซึ่งมีอยู่หลากหลายเมนู นอกจากนั้นยังมีขนมปังที่เอาไว้ทานคู่กับเครื่องดื่มและยังได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งเมล็ดกาแฟคั่วบดและสินค้าของที่ระลึกทั้งกระติกน้ำ แก้วน้ำและอื่นๆอีกมากมาย ส่นราคาเท่าที่ผมลองคำนวณเป็นเงินไทยก็พบว่าไม่ค่อยต่างจากราคาที่ขายในร้านอเมซอนมากนัก ส่วนเรื่องรสชาติคงแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล โดยร้านกาแฟไฮแลนด์ที่ผมได้ไปเก็บภาพบรรยากาศมาก็เป็นสาขาที่อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟในกรุงฮานอย


ไฮแลนด์คอฟฟี่ เป็นร้านกาแฟชื่อดังสัญชาติเวียดนาม
โดยก่อตั้งครั้งแรกในปี 1999

จุดสั่งเครื่องดื่มซึ่งผมสังเกตุมีเมนูให้เลือกค่อนข้างเยอะ
ไม่ต่างจากร้านกาแฟอเมซอนในบ้านเรา

ขนมปังหลากหลายไว้ทานคู่กับพวกกาแฟและเครื่องดื่ม

สินค้าต่างๆที่มีจำหน่ายภายในร้านซึ่งจะมีทั้ง
กระติกน้ำ แก้วน้ำ เมล็ดกาแฟคั่วบด

บรรยากาศภายในร้านกาแฟไฮแลนด์
โดยสาขานี้อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟในกรุงฮานอย

ผมลองสั่งมา 1 เมนูซึ่งก็คือคุ้กกี้แอนด์ครีมปั่น
ราคาแก้วนึงก็ไม่ต่างจากร้านอเมซอนบ้านเรา


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 เมษายน 2567

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567

 

EP.144 ศูนย์อาหารที่
สนามบินสุวรรณภูมิ


สวัสดีวันสงกรานต์ครับผู้อ่านทุกๆท่าน วันเวลาก็ช่างผ่านไปเร็วไวเสียจริงๆจากปีใหม่เผลอแปปเดียวก็เข้าสู่เทศกาลสาดน้ำสงกรานต์กันอีกแล้ว โดยสงกรานต์ปีนี้ผมก็ไม่ได้เดินทางไปไหนแต่สำหรับท่านใดที่เดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวก็ขอให้เดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพและมีความสุขกับช่วงหยุดยาวก่อนที่จะกลับมาสู้งานกันใหม่ในกรุงเทพมหานคร

สำหรับในบทความนี้ผมก็จะเขียนเรื่องราวที่อิงกับการเดินทางสักหน่อยครับ แม้อาจจะไม่ใช่เรื่องราวของการแนะนำการเดินทางแต่ในบทความนี้ผมจะมาเขียนถึงศูนย์อาหารซึ่งตั้งอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งแน่นอนครับว่าสนามบินสุวรรณภูมิเปรียบดั่งประตูของเมืองไทยที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ โดยในแต่ละวันจะมีไฟลท์ของหลายสายการบินมาที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งนั่นก็หมายความว่าในทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินกันให้ขวักไขว่เต็มไปหมด

ผู้โดยสารที่เดินทางมาที่สุวรรณภูมิก็มีหลายคนที่มักจะหาอะไรทานแต่อย่างที่เราทราบกันดีครับว่าของกินในสนามบินทุกแห่งหนมักจะมีราคาแพงคูณเพิ่มไปอีกหลายเท่าจากร้านภายนอกซึ่งการที่จะให้ผู้โดยสารไปหาอะไรทานข้างนอกสนามบินก็อาจจะดูไม่สะดวกนักซึ่งเรื่องนี้ทางสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้มีการทำจุดของศูนย์อาหารซึ่งอยู่ภายในสนามบินขึ้นมาซึ่งมีชื่อว่า เมจิกฟู้ดพอยท์

สำหรับศูนย์อาหารเมจิกฟู้ดพอยท์ก็ตั้งอยู่บริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ตรงประตู 8 ซึ่งจุดนี้จะเป็นศูนย์รวมอาหารซึ่งมีค่อนข้างหลากหลายและมักจะมีผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะมานั่งทานกันค่อนข้างพอสมควร เนื่องจากว่าเป็นศูนย์อาหารที่มีราคาย่อมเยาว์ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยที่เมนูของอาหารจะเริ่มต้นที่จานละ 50 บาทซึ่งราคาก็ไม่แตกต่างจากร้านอาหารภายนอกมากนักและอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เป็นสิ่งดึงดูดผู้คนนอกจากราคาแล้วก็คือเรื่องของรสชาติ โดยเฉพาะร้านข้าวมันไก่ที่หลายคนยกย่องให้ว่ามีความอร่อยและถูกปากยิ่งนัก


เมจิกฟู้ดพอยท์ คือ ชื่อของศูนย์อาหารที่สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยตั้งอยู่ที่อาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 8

จุดรับแลกคูปองตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณทางเข้าออก

อาหารมีค่อนข้างหลากหลายซึ่งราคาก็ย่อมเยาว์
โดยจะเริ่มต้นที่จานละ 50 บาท

เมนูอาหารมีทั้งอาหารไทยและอาหารจากต่างประเทศ

จุดขายเครื่องดื่มซึ่งมีน้ำเปล่า น้ำอัดลม
รวมไปถึงน้ำผลไม้ปั่น

ในทุกๆวันจะมีผู้คนมานั่งรับประทานอาหาร
ที่เมจิกฟู้ดพอยท์กันเป็นจำนวนมาก


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
12 เมษายน 2567

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567

 

EP.143 แพขนานยนต์ข้ามฟาก
ปีนัง - บัตเตอร์เวิร์ธ


การเดินทางไปยังเกาะปีนังของประเทศมาเลเซียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการนั่งเรือหรือจะเรียกว่าแพขนานยนต์ก็ได้ สาเหตุก็เพราะว่าการเดินทางด้วยวิธีนี้เป็นการเดินทางที่มีราคาถูกที่สุด โดยผมได้ใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฟากจากฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธไปยังฝั่งปีนังและเที่ยวจากปีนังกลับไปที่บัตเตอร์เวิร์ธ โดยในบทความนี้ผมจะเน้นเขียนเกี่ยวกับการเดินทางจากฝั่งปีนังมายังฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธ

สำหรับการเดินทางด้วยแพขนานยนต์จากฝั่งปีนังมายังฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธจะมีราคาค่าโดยสารเพียงแค่ 2 ริงกิตหรือประมาณ 14 บาทแต่การจ่ายเงินจะไม่สามารถจ่ายด้วยเงินสดได้โดยจะต้องจ่ายผ่านแอพหรือไม่ก็บัตรเดบิตเท่านั้น ส่วนรอบการเดินทางจะมีให้บริการอยู่หลายรอบ โดยที่รอบแรกจะเริ่มให้บริการประมาณช่วงเช้า 7 โมงกว่า ขณะที่ในรอบสุดท้ายก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่า

ผมเลือกเดินทางในช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมงก็สังเกตุเห็นว่าแม้จะเป็นการเดินทางในช่วงวันธรรมดาแต่ก็มีผู้โดยสารมาใช้บริการกันอย่างมากมาย เพราะแพขนานยนต์นี้สามารถรองรับได้ทั้งคนเดินเท้ารวมไปถึงมอเตอร์ไซค์ซึ่งจะมีการแบ่งจุดกันอย่างชัดเจน โดยด้านในจะเป็นห้องแอร์ปรับอากาศซึ่งห้องนี้จัดไว้เฉพาะคนเดินเท้าเท่านั้น ส่วนผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็จะต้องจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านนอกแต่ถ้าใครอยากจะเข้ามานั่งด้านในก็สามารถทำได้เช่นกัน

ส่วนเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็ไม่นานนัก โดยเมื่อแพขนานยนต์จอดเทียบท่าถึงฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธเรียบร้อยก็จะเห็นว่ามีผู้โดยสารอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังรอขึ้นแพขนานยนต์เพื่อจะข้ามไปยังฝั่งปีนัง โดยเมื่อผมเดินทางมาถึงฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธผมก็ได้สำรวจบรรยากาศซึ่งก็ได้เดินเข้าไปที่ปีนังเซ็นทรัลซึ่งก็เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงได้เดินไปที่จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารของที่สถานีบัตเตอร์เวิร์ธซึ่งจุดนี้ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วเดินทางไปยังสถานีต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็น ปาดังเบซาร์ อลอสตาร์รวมไปถึงสุไหงเปตานี


ทางเดินที่เกาะปีนังซึ่งเป็นจุดที่จะไปขึ้นแพขนานยนต์ข้ามฟาก
เพื่อไปยังฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธ

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารที่ฝั่งเกาะปีนัง
โดยไม่รับเป็นเงินสดซึ่งต้องจ่ายผ่านแอพหรือบัตรเดบิตเท่านั้น

จุดที่นั่งรอของผู้โดยสาร

แพขนานยนต์ข้ามฟากจากฝั่งปีนังไปยังฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธ
จะให้บริการทั้งคนเดินเท้าและผู้ที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์

จุดที่นั่งของผู้โดยสารภายในแพขนานยนต์
ซึ่งด้านภายในจะเป็นห้องแอร์ปรับอากาศ

ผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซค์จะต้องจอดรถตรงด้านนอก

บรรยากาศระหว่างทางที่อยู่บนแพขนานยนต์

เมื่อแพขนานยนต์จอดเทียบท่าที่ฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธ
ผมก็ได้เดินสำรวจบรรยากาศที่ห้างปีนัง เซ็นทรัล

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารที่สถานีบัตเตอร์เวิร์ธ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
4 เมษายน 2567