วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567

 

EP.134 สำรวจบรรยากาศย่านมากาติ


ชาวฟิลิปปินส์มักจะมีความภาคภูมิใจที่พร้อมจะนำเสนอต่อชาวโลกอยู่หลายเรื่อง แต่ถ้าเป็นจุดขายเด่นๆที่บรรดาชาวฟิลิปปินส์พร้อมจะโปรโมทก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของนางงาม รวมถึงเรื่องความโดดเด่นในทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ความเก่งกาจในกีฬาบาสเกตบอลและอีกหนึ่งประเด็นหลักที่ชาวฟิลิปปินส์ภาคภูมิใจกันเป็นอย่างมากก็คือ ย่านมากาติ ซึ่งเป็นพื้นที่โซนนึงซึ่งตั้งอยู่ในกรุงมะนิลาเมืองหลวงประเทศ

ย่านมากาติ ถ้าพูดให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ ย่านเศรษฐกิจและย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงมะนิลา ถ้าให้เปรียบเทียบกับกรุงเทพมหานครบ้านเราก็คงจะเป็นประมาณย่านสีลม โดยพื้นที่ย่านมากาติจากที่ผมได้ลงสำรวจพื้นที่ด้วยตนเองก็พบว่าเป็นจุดที่จะเต็มไปด้วยตึกอาคารต่างๆมากมายซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของธุรกิจและสถาบันการเงิน นอกจากนั้นก็จะมีทั้งโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ร้านอาหารระดับหรูตั้งเรียงรายกันให้เห็น

ส่วนจุดของทางเดินเท้าก็มีความเป็นระเบียบสวยงาม โดยที่ไม่มีรถเข็นขายของมาตั้งให้เกะกะไม่มีมอเตอร์ไซค์มาวิ่งบนทางเท้า ทำให้คนเดินเท้าสามารถเดินได้แบบสะดวกสบายส่วนการข้ามถนนของบริเวณย่านมากาติก็จะมีการใช้อุโมงค์ทางคนเดินลอดแทนการสร้างสะพานลอยหรือจุดของทางม้าลายซึ่งเป็นการลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนการจราจรบนย่านมากาติก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆในมะนิลามากนัก เพราะมีรถยนต์สัญจรผ่านเป็นจำนวนมากและมีปัญหารถติด แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือพวกรถสองแถวโดยสารอย่าง จี๊บนีย์ มีให้เห็นกันค่อนข้างน้อย

โดยผมใช้เวลาในการเดินสำรวจย่านมากาติราวๆ 2 ชั่วโมงซึ่งผมเองก็ไม่แปลกใจว่าทำไมคนฟิลิปปินส์ถึงภูมิใจกับ ย่านมากาติ กันนักหนา เพราะด้วยพื้นที่และบรรยากาศที่ดูหรูหราทันสมัยซึ่งถ้ามองเผินๆก็เหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ชาวฟิลิปปินส์พร้อมใจที่จะนำเสนอพื้นที่ย่านมากาติออกสู่สายตาชาวโลก แม้ว่าตามข้อเท็จจริงแล้วพื้นที่ย่านมากาติก็เป็นเพียงแค่พื้นที่โซนเดียวของกรุงมะนิลาที่ดูเจริญและเป็นระเบียบสวยงามซึ่งแตกต่างจากพื้นที่โซนอื่นๆซึ่งยังคงมีปัญหาอยู่อย่างมากมาย


ย่านมากาติ เปรียบได้ดั่งตู้โชว์ของกรุงมะนิลา
ซึ่งชาวฟิลิปปินส์มีความภาคภูมิใจกับพื้นที่โซนนี้กันเป็นอย่างมาก

พื้นที่ย่านมากาติจะดูเป็นระเบียบสวยงาม
โดยจะเป็นที่ตั้งของตึกอาคารและสำนักงานต่างๆมากมาย

จุดของทางเท้าจะมีความสวยงามและเป็นระเบียบ
โดยไม่มีมอเตอร์ไซค์มาวิ่งหรือแม่ค้านำรถเข็นมาตั้งให้เกะกะ

ป้ายบอกพิกัดและสถานที่ต่างๆในพื้นที่ย่านมากาติ

อุโมงค์ทางคนเดินลอดเป็นจุดที่ผู้คน
ใช้ข้ามถนนในพื้นที่ย่านมากาติ

เมื่อมีอุโมงค์ทางคนเดินลอดก็ไม่จำเป็นต้องมีสะพานลอย
หรือแม้กระทั่งทางม้าลาย

ลานสาธารณะย่านมากาติจะเป็นจุดที่ผู้คนมักจะมานั่งพักผ่อน
ซึ่งมีทั้งพนักงานบริษัทรวมถึงประชาชนทั่วไป

รถสองแถวจี๊บนีย์มีให้เห็นน้อยลงในย่านมากาติ
และจะเห็นพวกรถหรูจากต่างประเทศได้มากขึ้น


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
27 มกราคม 2567

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2567

 

EP.133 ท่าเรือเมืองห้วยทราย


เมืองห้วยทรายเป็นเมืองเอกของแขวงบ่อแก้วซึ่งตั้งอยู่ทางโซนตอนเหนือของประเทศลาว ผมเพิ่งมีโอกาสได้แวะไปพักที่เมืองห้วยทรายเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้เอง โดยผมได้พักที่ห้วยทราย 2 คืนก่อนที่จะเดินทางเพื่อไปยังประเทศเวียดนามซึ่งขณะที่พักในเมืองห้วยทราย ผมก็ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากเพราะเอาจริงๆแล้วตัวเมืองห้วยทรายก็ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอะไรให้ทำมากนัก ดังนั้นช่วงเวลาที่อยู่ในห้วยทรายผมจึงตัดสินใจที่จะเดินสำรวจเมืองเสียมากกว่า

สำหรับในตัวเมืองห้วยทรายก็จะมีที่พักอยู่มากมายทั้งแนวโฮสเทลหรือแม้กระทั่งเกสต์เฮาส์ โดยที่เมืองห้วยทรายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักกันเยอะ เนื่องจากว่าห้วยทรายตั้งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับอำเภอเชียงของในจังหวัดเชียงรายนั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะมาแวะพักสัก 1-2 คืนก่อนที่จะเดินทางข้ามไปเที่ยวต่อในประเทศไทยซึ่งการเดินทางยอดนิยมระหว่างฝั่งห้วยทรายกับฝั่งเชียงของก็คงหนีไม่พ้นการนั่งเรือโดยสารข้ามฟากแม่น้ำโขง

สำหรับจุดของเรือข้ามฟากจะมีให้บริการอยู่บริเวณท่าเรือของเมืองห้วยทราย โดยที่บริเวณจุดนี้จะมีความคึกคักในทุกๆวันเนื่องจากมีผู้ที่เดินทางไปมาระหว่างฝั่งห้วยทรายกับฝั่งเชียงของกันอยู่ตลอดและการนั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำโขงก็ใช้เวลาไม่นานนัก โดยคนลาวฝั่งห้วยทรายส่วนใหญ่มักจะนิยมข้ามไปซื้อสินค้าจากฝั่งไทยแล้วนำกลับมาขายยังฝั่งลาว

ส่วนในรายของบรรดาของนักท่องเที่ยวที่เป็นสายแบกเป้เที่ยวก็นิยมการเดินทางด้วยวิธีนี้เช่นกัน โดยนอกจากที่จะมีเรือข้ามฟากระหว่างฝั่งห้วยทรายกับฝั่งเชียงของแล้วก็ยังมีเรือโดยสารที่ให้บริการไปยังเมืองหลวงพระบางซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของลาว โดยเรือที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือประเภทเรือช้าที่จะให้บริการล่องเรือจากห้วยทรายก่อนที่จะไปพักค้างคืนที่ปากแบ่ง 1 คืนก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่หลวงพระบาง 


ท่าเรือเมืองห้วยทรายเป็นจุดสัญจรที่สำคัญ
โดยมีเรือให้บริการข้ามฟากระหว่างฝั่งลาวและฝั่งไทย

ป้ายสำหรับขายตั๋วโดยสารสำหรับเรือข้ามฟากแม่น้ำโขง
เส้นทางจากห้วยทรายฝั่งลาวไปยังเชียงของในฝั่งไทย

จุดให้บริการรับฝากรถยนต์ซึ่งในแต่ละวัน
จะมีคนลาวมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ผมไม่ได้ใช้บริการจึงไม่ทราบราคาค่าโดยสาร

เรือช้า เป็นเรือที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเป็นอย่างมาก
โดยมีจุดหมายปลายทางก็คือ หลวงพระบาง

บริเวณรอบๆท่าเรือก็จะมีรถรับจ้างจอดให้บริการ

นอกจากนั้นก็จะมีทั้งโรงแรมที่พักรวมไปถึงร้านอาหาร
เพราะท่าเรือเมืองห้วยทรายเป็นจุดสัญจรยอดนิยม


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
19 มกราคม 2567

วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2567

 

EP.132 การทำบุญริมแม่น้ำจตุมุข


ปีใหม่ 2567 หรือ 2024 ก็ผ่านพ้นกันมาได้หลายวันแล้วนะครับ ท่านผู้อ่านหลายๆท่านก็คงถือโอกาสได้ไปทำบุญไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีตั้งแต่ช่วงเปิดศักราชใหม่ ส่วนผมช่วงหลังๆไม่ค่อยได้ทำบุญเข้าวัดมากนักแต่จะเน้นการบริจาคให้แก่องค์กรการกุศลหรือทำบุญกับคนด้อยโอกาสเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องการเข้าวัดทำบุญก็ยังคงเป็นวิธีการทำบุญยอดนิยมของบรรดาชาวไทยและชาวพุทธอยู่เช่นเดิม

สำหรับในประเทศกัมพูชาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธซึ่งวิธีการทำบุญของชาวเขมรก็ดูไม่แตกต่างจากการทำบุญของคนไทยเท่าไหร่ โดยในกรุงพนมเปญเมืองหลวงของกัมพูชาก็มีจุดให้ทำบุญอยู่อย่างมากมายโดยหนึ่งในนั้นก็คือบริเวณริมแม่น้ำจตุมุขซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแลนด์มาร์กของกรุงพนมเปญซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนมานั่งพักผ่อนเดินผ่านสัญจรกันบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก

จุดของริมแม่น้ำจตุมุขนอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแล้วยังมีจุดไว้สำหรับการทำบุญอีกด้วย โดยลักษณะจะดูเหมือนโบสถ์ขนาดเล็กที่ภายในจะประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บรรดาชาวเขมรให้ความเคารพนับถือซึ่งบริเวณรอบๆโบสถ์จะมีวงปี่พาทย์ของทางเขมรคอยบรรเลงเพลง นอกจากนั้นก็จะมีแม่ค้าขายของที่ใช้ในการกราบไหว้ไม่ว่าจะป็นดอกไม้ ธูปเทียนบูชาต่างๆและถ้ามองไปยังฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นจุดของพระบรมมหาราชวังของกรุงพนมเปญซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนชาวเขมรจำนวนมากแวะเวียนมากราบไหว้ทำบุญกันอยู่ตลอด


โบสถ์เล็กๆใกล้กับแม่น้ำจตุมุขเป็นจุดที่จะมีชาวเขมร
แวะเวียนมาทำบุญกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันอยู่ตลอด

ภายในโบสถ์จะมีการประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตามความเชื่อของชาวเขมร

ศาลาริมแม่น้ำจตุมุขเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คน
มักจะแวะมาถ่ายรูปกันโดยเฉพาะในช่วงเวลายามค่ำคืน

วงดนตรีปี่พาทย์ของเขมรกำลังบรรเลงดนตรี
โดยเท่าที่ผมเห็นจะมีแสดงเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมาทำบุญเป็นจำนวนมาก
ส่วนรอบๆโบสถ์ก็จะมีแม่ค้านำดอกไม้ธูปเทียนมาจำหน่าย

แม่ค้าบางรายก็มีการนำกรงนกมาวางเอาไว้
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้คนได้มาทำบุญด้วยการปล่อยนกออกจากกรง

บรรยากาศริมแม่น้ำจตุมุขในกรุงพนมเปญถือว่าคึกคัก
เพราะในทุกๆวันจะมีผู้คนมาทำบุญและนั่งพักผ่อนกันพอสมควร


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
11 มกราคม 2567

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567

 

EP.131 สวัสดีปีใหม่ 2567


สวัสดีปีใหม่ครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน ในเมื่อวันเวลาบนปฏิทินเดินทางมาถึงวันที่ 1 มกราคมสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัตินั่นก็คือการกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ สำหรับปีใหม่นี้ก็ตรงกับช่วงปีพุทธศักราช 2567 หรือถ้าเป็นปีแบบสากลก็คือปี 2024 โดยปีนักษัตรในปีนี้ก็ตรงกับปีมังกรซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของชาวจีนและได้รับการเคารพจากชาวจีนเป็นอย่างมาก

การเริ่มต้อนรับศักราชใหม่ก็เหมือนกับการได้เริ่มตั้งเป้าหมายว่าจะทำสิ่งใดให้บรรลุเป้าหมายในปีนี้ สำหรับผมแล้วเป้าหมายต่างๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก สิ่งที่ผมคาดหวังไว้ก็เพียงแต่การที่ได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงซึ่งจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในชีวิตของมนุษย์ เพราะเมื่อคนเรามีสุขภาพที่ดีก็ย่อมสามารถไปทำสิ่งต่างๆที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้เกิดผลสำเร็จนั่นเอง

สำหรับในปี 2567 ผมยังคงเดินหน้าเดินทางท่องเที่ยวและเก็บเรื่องราวการเดินทางมากฝากท่านผู้อ่านและผู้ติดตามทุกท่านอยู่เช่นเดิมและผมวางเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเที่ยวประเทศที่ยังไม่เคยไปเพิ่มให้ได้อีกอย่างน้อย 2 ประเทศ สุดท้ายนี้ผมก็ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไปตลอดไม่ว่าจะปีนี้หรือปีไหนๆก็ตามและขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่คอยติดตามสนับสนุนกันมาตลอด เพราะการสนับสนุนจากพวกท่านก็เปรียบเสมือนกำลังใจที่ดีเยี่ยมที่ทำให้ผมเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีวันท้อถอย ขอขอบคุณทุกๆการสนับสนุนจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
1 มกราคม 2567