วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2566

 

EP.130 สะพานมังกรยามค่ำคืน


ผมได้แวะไปเที่ยวที่เมืองดานังของประเทศเวียดนามในช่วงปลายปีซึ่งตรงกับช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยอากาศที่ดานังรวมถึงตอนกลางของเวียดนามในช่วงปลายปีไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ครับเพราะตอนผมไปก็เจอฝนตกที่ดานังเกือบตลอด แต่ถึงแม้ช่วงปลายปีจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของที่เมืองดานังแต่ถึงกระนั้นก็มีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวที่ดานังกันอยู่พอสมควรโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้

สำหรับเมืองดานังถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของเวียดนามไม่แพ้ฮานอย ซาปาหรือที่โฮจิมินห์ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางบินระหว่างประเทศอยู่มากมายทำให้ที่ดานังมีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนกันอยู่ตลอด ส่วนแลนด์มาร์กเด่นๆก็คงหนีไม่พ้นสะพานมังกรครับซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์ประจำเมืองและนักท่องเที่ยวที่แวะมาดานังก็ล้วนแต่มาเที่ยวชมบรรยากาศของสะพานมังกรกันแทบทั้งนั้น

แม้ว่าผมจะเป็นคนที่ไม่ชอบการไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องแอนตี้ไปเสียทั้งหมดซึ่งช่วงที่อยู่ดานัง ผมก็มีโอกาสแวะไปเที่ยวชมและเก็บบรรยากาศของสะพานมังกรมาเช่นกัน โดยที่ผมเลือกไปในช่วงกลางคืนซึ่งจะมีความสวยงามจากแสงสีที่เปิดจนดูสวยงาม แต่ถ้ามาในวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์จะมีการแสดงมังกรพ่นน้ำให้ได้ชมกันด้วย ส่วนบรรยากาศในทุกค่ำคืนก็จะมีการสัญจรของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์กันอยู่ตลอด ขณะเดียวกันก็ยังมีบรรดาผู้คนทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างชาติแวะมาเดินชมบรรยากาศแลถะถ่ายรูปสะพานมังกรกันอย่างมากมายในทุกๆค่ำคืน


สะพานมังกรเป็นสะพานที่เปิดใช้งานครั้งแรกตอนปี 2013
และเป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำหาน

ช่วงค่ำคืนจะมีการเปิดไฟแสงสีสวยงาม
และเป็นช่วงที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างมากมาย

อีกหนึ่งจุดที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูป เพราะได้เห็นบรรยากาศทั้ง
สะพานมังกรรวมไปถึงแม่น้ำหาน

แม่น้ำหานยามค่ำคืนซึ่งถูกรายล้อมไปด้วย
ตึกอาคารต่างๆซึ่งมีการเปิดไฟสีสันสวยงาม

ทางเดินบริเวณริมแม่น้ำหานจะคราคร่ำไปด้วยผู้คน

สะพานมังกรจะเปิดไฟสีสันสวยงามในทุกค่ำคืน
แต่ในคืนวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์จะมีการแสดงมังกรพ่นน้ำให้ได้ชมกัน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
29 ธันวาคม 2566

วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2566

 

EP.129 รถไฟตู้นอนเวียดนาม


ผมชอบการเดินทางและมักชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟซึ่งการนั่งรถไฟถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทาง โดยผมมีประสบการณ์การนั่งรถไฟทั้งในไทยรวมถึงในต่างแดน สำหรับการนั่งรถไฟในต่างแดนก็จะเป็นการนั่งรถไฟในประเทศเพื่อนบ้านของไทยทั้งกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย พม่ารวมไปถึงอินโดนีเซีย ซึ่งในประเทศเวียดนามผมมีประสบการณ์ใช้บริการรถไฟตู้นอนของเวียดนามมาประมาณ 2 ครั้ง

ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนปี 2018 เป็นการเดินทางสุดทรหดโดยเริ่มเส้นทางจากโฮจิมินห์ไปฮานอย ขณะที่การเดินทางครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปี 2023 หรือเมื่อเดือนที่แล้ว โดยผมก็ใช้บริการรถไฟตู้นอนอีกเช่นเคยโดยมีเส้นทางเริ่มต้นจากโฮจิมินห์ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไปยังจุดหมายปลายทาง คือ ด่งเฮ้ย ที่อยู่ทางตอนกลางของประเทศ

สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟตู้นอนของเวียดนามในเส้นทาง โฮจิมินห์ - ด่งเฮ้ย ผมเลือกเดินทางไปกับตู้นอนชั้นที่สบายที่สุดและมีราคาแพงที่สุด โดยผมเดินทางไปกับรถไฟขบวน SE4 และเลือกนอนเตียงล่างซึ่งราคาค่าโดยสารตีเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 1900 กว่าบาท ส่วนเวลาเดินทางจากต้นทางไปถึงปลายทางจะใช้เวลาทั้งหมด 24 ชั่วโมงหรือประมาณ 1 วันเต็มๆแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับตัวผม เนื่องจากผมเคยนั่งรถไฟในเส้นทางที่ไกลกว่านี้มาแล้ว

โดยการเดินทางเริ่มต้นจากสถานีรถไฟไซ่ง่อนในนครโฮจิมินห์ซึ่งรถไฟเริ่มออกเดินทางตอน 1 ทุ่มตรง ส่วนบรรยากาศบนรถไฟเท่าที่ผมได้สำรวจจนทั่วถ้าเริ่มจากจุดตู้นอนของผมก็จะประกอบไปด้วย 4 เตียงนอนแบ่งเป็นชั้นบนและชั้นล่างอย่างละ 2 เตียง มีจุดไว้สำหรับเปิดปิดไฟ นอกจากนั้นยังมีโต๊ะไว้สำหรับทานอาหารและเครื่องดื่มซึ่งจะตั้งอยู่ตรงหัวเตียงนอนชั้นล่างซึ่งการนอนเตียงล่างสบายที่สุดแต่ราคาก็สูงที่สุดเช่นกัน

ขณะที่ส่วนอื่นๆของรถไฟตู้นอนเวียดนามก็จะมีจุดของห้องน้ำรวมไปถึงอ่างล้างหน้าและล้างมือ มีจุดของตู้น้ำไว้ให้บริการซึ่งมีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น นอกจากนั้นก็จะมีตู้นอนที่ราคาถูกลงซึ่งก็เป็นตู้นอนที่มี 6 เตียงนอนและแบ่งออกเป็น 3 ชั้นรวมไปถึงตู้ที่เป็นเบาะนั่งซึ่งราคาถูกที่สุดในขบวนรถไฟ SE4 ขณะที่เรื่องของกินก็ดูจะแตกต่างจากรถไฟของเมืองไทยพอสมควรเพราะว่าจะไม่มีการให้พ่อค้าแม่ค้านำของกินนำขึ้นมาขายให้แก่ผู้โดยสาร แต่จะให้พนักงานบนรถไฟเดินเข็นรถที่มีของกินขายให้แก่ผู้โดยสารไปตลอดทั้งขบวนรถ โดยผมนั่งๆนอนๆอยู่บนรถไฟไปประมาณ 25 ชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟเมืองด่งเฮ้ยในช่วงเวลา 2 ทุ่ม


ผมนั่งรถไฟเวียดนามขบวน SE4 โดยนั่งเริ่มต้นจาก
สถานีไซ่ง่อนไปยังจุดหมายปลายทางที่สถานีด่งเฮ้ย

ผมได้เดินทางไปกับตู้นอนและนอนเตียงล่าง
ซึ่งมีราคาแพงสุดตีเป็นเงินไทยก็ 1900 กว่าบาท

พื้นที่ทางเดินของตู้นอนบนรถไฟขบวน SE4

อ่างล้างหน้าและล้างมือบนขบวนรถไฟ SE4

จุดให้บริการน้ำร้อนซึ่งเหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการ
ทานกาแฟหรือต้มพวกมาม่าคัพ

ของกินบนรถไฟของเวียดนามซึ่งจะแตกต่างจากเมืองไทย
โดยที่นี่จะให้พนักงานเดินเข็นรถมาขายให้แก่ผู้โดยสาร

ตู้นอนรถไฟที่มี 6 เตียงแบ่งเป็นเตียงละ 3 ชั้น
จะมีราคาที่ถูกลงมาแต่การนอนจะอึดอัดกว่าตู้นอนที่มี 4 เตียง

ตู้นี้คือตู้สำหรับนั่งเท่านั้นซึ่งมีราคาถูกที่สุด

วิวบรรยากาศระหว่างทางซึ่งจะมีสลับกันไป
ทั้งวิวของย่านชุมชนและบรรยากาศของท้องทุ่งนา

ผมเดินทางมาถึงสถานีรถไฟเมืองด่งเฮ้ยตอน 2 ทุ่มกว่า
ใช้เวลาการเดินทางทั้งสิ้น 25 ชั่วโมง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
20 ธันวาคม 2566

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2566

 

EP.128 สตรีทฟู้ดอินโดนีเซีย


ผมไปเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซียมาเมื่อตอนเดือนมีนาคมซึ่งเป็นการไปเยือนเป็นครั้งแรกในชีวิตซึ่งด้วยความที่ไม่ได้มีการวางแผนอะไรมากมาย ทำให้ช่วงที่ผมไปอินโดนีเซียดันตรงกับช่วงโลว์ซีซั่นซึ่งสภาพอากาศก็ดูไม่เป็นใจเท่าที่ควรนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมเป็นคนที่ไม่ได้เน้นการไปท่องเที่ยวตามแลนด์มาร์กหรือสถานที่ท่องเที่ยวดังๆสักเท่าไหร่นั่นจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมในการสำรวจประเทศอินโดนีเซีย

โดยช่วงที่ไปอินโดผมเลือกท่องเที่ยวบนเกาะชวาซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างจาการ์ตา โดยผมได้ไปทั้งที่จาการ์ตา บันดุงและยอกยาการ์ตา ซึ่งที่เมืองยอกยาการ์ตาผมเจอฝนตกอยู่เกือบทุกวันแต่ถึงแม้ฝนจะเป็นอุปสรรคแต่ก็ไม่สามารถมาหยุดยั้งนักเดินทางอย่างผมได้ โดยสิ่งผมได้ทำตอนที่อยู่เที่ยวในเมืองยอกยาการ์ตาก็คือ การสำรวจบรรยากาศและชมวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นซึ่งจุดที่จะทำให้พบกับบรรยากาศท้องถิ่นได้ง่ายที่สุดก็คือ จุดของสวนสาธารณะอาลุน อาลุน คิดุล ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่จะมีผู้คนท้องถิ่นออกมาทำกิจกรรมกันตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงช่วงค่ำ

การที่มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่เยอะทำให้สามารถพบเห็นกิจกรรมที่หลากหลายทั้งการมานั่งพักผ่อนพูดคุยกัน การมีภาพวาดวางขายเพื่อให้ผู้คนได้มาวาดภาพระบายสีและอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ อาหารการกินซึ่งจะเป็นอาหารแนวสตรีทฟู้ดของทางอินโดและด้วยความที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศมุสลิมนั่นทำให้ไม่มีเมนูที่ทำจากเนื้อหมูซึ่งจากการที่ผมได้เดินสังเกตุดูจนทั่วก็พบเมนูสตรีทฟู้ดของอินโดมีความหลากหลาย แต่เมนูที่มีมากที่สุดคงหนีไม่พ้นพวกของทอดอย่างเช่นลูกชิ้น ไส้กรอกซึ่งจะทำมาจากไก่ ปลาและเนื้อรวมไปถึงเมนูของหวานต่างๆที่มีให้เลือกซื้อทานอีกมากมาย


ผมเดินสำรวจเมนูสตรีทฟู้ดของอินโดนีเซีย
ที่เมืองยอกยาการ์ตาที่ตั้งอยู่บนเกาะชวา

เมนูพวกของทอดปิ้งย่างได้รับความนิยมอย่างมาก
และมีขายเรียงรายกันอยู่หลายร้าน

ร้านรถเข็นตั้งอยู่อย่างเรียงรายซึ่งมีเมนูหลากหลาย
ทั้งที่เป็นอาหารและพวกเมนูเครื่องดื่ม

ตั้งแต่ช่วงเย็นจะมีผู้คนมากมายมาเดินซื้อของกิน
ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นจุดของสวนสาธารณะประจำเมือง

สวนสาธารณะของเมืองยอกยาการ์ตาที่ผมได้ไปสำรวจมีชื่อว่า
สวนสาธารณะอาลุล อาลุล คิดุล

รถสามล้อรับจ้างจอดรถเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสาร
แต่มีคนมาใช้บริการกันค่อนข้างน้อยมาก

ยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟแสงสีเพิ่มความสวยงาม


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
14 ธันวาคม 2566

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566

 

EP.127 นั่งรถไฟฟ้าสายสีชมพู


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 รถไฟฟ้าสายสีชมพูได้เปิดบริการให้ประชาชนทั่วได้ทดลองนั่งฟรีซึ่งจากเดิมได้กำหนดระยะเวลาการให้บริการฟรีถึงช่วงกลางเดือนธันวาคมของปี 2566 แต่ตอนหลังได้เพิ่มระยะเวลาการให้บริการฟรีไปจนถึงช่วงวันที่ 2 มกราคมของปี 2567 เรียกได้ว่านั่งกันฟรีข้ามปีกันเลยทีเดียว โดยที่ผมเองก็ไม่พลาดที่จะไปใช้บริการและส่วนหนึ่งก็ต้องการไปเก็บบรรยากาศการเดินทางในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ให้บริการฟรีในปัจจุบันนั้นได้มีเส้นทางวิ่งผ่านเส้นทางต่างๆรวมแล้วก็มีอยู่ทั้งสิ้น 30 สถานี โดยในอนาคตจะเพิ่มเส้นทางที่จะวิ่งเข้าสู่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานีซึ่งในปัจจุบันเส้นทางของรถไฟสายสีชมพู 30 สถานีก็จะมีสถานีหลักๆอย่างเช่น สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง) สถานีกรมชลประทาน สถานีแจ้งวัฒนะ 14 สถานีหลักสี่ (เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง) สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว) สถานีวงแหวนรามอินทรา สถานีนพรัตน์  สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญรวมไปถึงสถานีมีนบุรี

ผมได้มีโอกาสนั่งรถไฟฟ้าสายสีชมพูเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน โดยนั่งยาว 30 สถานีตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรีไปจนสุดปลายทางที่สถานีมีนบุรีซึ่งกินเวลาร่วมๆ 1 ชั่วโมงกว่าซึ่งรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะวิ่งผ่านเส้นทาง 2 จังหวัด คือ นนทบุรีและกรุงเทพมหานคร และจะผ่านสถานที่สำคัญอย่างเช่น ศูนย์ราชการนนทบุรี เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ วัดพระศรีมหาธาตุ ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญและโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ซึ่งปัจจุบันการที่ยังให้บริการกันแบบฟรีๆทำให้ในแต่ละวันจะมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก


รถไฟฟ้าสายสีชมพูได้เปิดให้ประชาชนได้ทดลองนั่งฟรี
ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

แผนผังเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีชมพู
ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 30 สถานี

ผมยืนถ่ายคลิปอยู่บริเวณด้านหน้าสุดของรถไฟฟ้า
เพื่อให้ได้เห็นมุมมองด้านหน้าที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน

เมื่อยังเปิดให้บริการฟรี ทำให้มีประชาชนมากมาย
มาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูกันอย่างหนาแน่น

สถานที่สำคัญในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้นมีมากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือ โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

ผมเดินทางจากต้นทางคือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
จนมาถึงปลายทางที่ สถานีมีนบุรี


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
8 ธันวาคม 2566

วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2566

 

EP.126 ทุ่งสังหารที่พระตะบอง


ประวัติศาสตร์ของประเทศกัมพูชาที่หลายคนน่าจะพอเคยได้ยินและได้ฟังกันมาบ้างคงจะเป็นเรื่องราวของ เขมรแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยเรืองอำนาจในช่วงยุคทศวรรษที่ 70 และได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมรไปไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนซึ่งเหตุการณ์ใหญ่ๆของการฆ่าสังหารก็มักเกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ แต่ก็ใช่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเฉพาะในเมืองหลวง เพราะว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของกลุ่มเขมรแดงได้เกิดไปทั่วประเทศกัมพูชา โดยหนึ่งในนั้นก็คือที่จังหวัดพระตะบอง

พระตะบองในปัจจุบันจัดว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มักมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมไปเที่ยวกัน แต่เหตุการณ์ในช่วงที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่พระตะบองก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเช่นกันซึ่งแม้ว่าจะไม่โด่งดังเหมือนเหตุการณ์ที่พนมเปญ แต่ความโหดร้ายการทารุณกรรมก็ไม่แตกต่างจากจุดอื่นๆ โดยที่พระตะบองก็ได้มีพื้นที่ของทุ่งสังหารซึ่งเปรียบได้ดั่งอนุสรณ์สถานแห่งความหดหู่และความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ผมได้มีโอกาแวะไปชมทุ่งสังหารที่จังหวัดพระตะบอง โดยสถานที่แห่งนี้ดูมีความแตกต่างจากทุ่งสังหารที่กรุงพนมเปญมากพอสมควร เพราะไม่ได้มีความโด่งดังไม่มีการเก็บเงินค่าเข้าชมและไม่ได้มีนักท่องเที่ยวแวะมาชมมากนัก นอกจากนั้นพื้นที่ของทุ่งสังหารที่พระตะบองยังตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัด ทำให้บรรยากาศของสถานที่ยิ่งดูมีความวังเวงมากไปอีกเป็นทวีคูณ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้ก็คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่น่าละอายของประเทศกัมพูชาอีกแห่งหนึ่ง

ผมเดินสำรวจบรรยากาศดูจนทั่วก็พบว่าพื้นที่ของทุ่งสังหารที่พระตะบองจะมีอนุสรณ์สถานที่เอาไว้เก็บหัวกะโหลกและโครงกระดูกของบรรดาเหยื่อที่ถูกเขมรแดงฆ่าอย่างโหดร้ายซึ่งไม่แตกต่างจากที่กรุงพนมเปญเท่าไหร่ นอกจากนั้นยังมีจุดของภาพแกะสลักที่อยู่รอบอนุสรณ์สถานซึ่งจะเป็นภาพที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เขมรแดงทำการทรมานเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นอกจากนั้นก็จะมีรูปปั้นของทหารเขมรแดงและคำอธิบายทั้งภาษาเขมรและภาษาอังกฤษซึ่งช่วงเวลาที่ผมได้ไปเที่ยวชมก็เป็นบรรยากาศช่วงที่ท้องฟ้ามืดครึ้มมีฝนตกลงมาปรอยๆ นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศของสถานที่ที่ดูวังเวงและน่าหดหู่อยู่แล้วยิ่งเพิ่มความวังเวงมากขึ้นไปอีก


ทุ่งสังหารที่จังหวัดพระตะบอง เป็นอนุสรณ์สถาน
ที่มีความเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา

หัวกะโหลกและโครงกระดูกจำนวนมากของเหยื่อที่ถูกสังหาร
ถูกนำมาจัดเก็บไว้ในอนุสรณ์สถาน

ภาพแกะสลักรอบๆอนุสรณ์สถานซึ่งจะเป็นภาพ
เหตุการณ์การที่กลุ่มเขมรแดงทำการทรมานเหยื่อ

รูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงการแต่งกายของฝ่ายเขมรแดง

ข้อมูลของสถานที่ซึ่งมีทั้งภาษาเขมรและภาษาอังกฤษ

ทุ่งสังหารที่จังหวัดพระตะบองตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัด
และมีขนาดไม่ได้ใหญ่โตเหมือนทุ่งสังหารที่กรุงพนมเปญ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
4 ธันวาคม 2566