วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

 

EP.125 ซากโบสถ์เก่าเมืองด่งเฮ้ย


สงครามเวียดนามอุบัติขึ้นในช่วงยุคทศวรรษที่ 50 ไปจนถึงประมาณกลางยุค 70 ซึ่งกินระยะเวลาเกือบ 20 ปีซึ่งแน่นอนว่าแม้ฝ่ายเวียดนามเหนือจะเป็นฝ่ายที่มีชัยและสามารถรวบรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในสงครามก็คือความสูญเสียครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของทหาร พลเรือนรวมไปถึงสภาพบ้านเมืองที่ถูกถล่มและเสียหายเป็นอย่างมาก

ผมเพิ่งไปเที่ยวเวียดนามมาแบบสดๆร้อนๆเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ โดยหนึ่งในเมืองที่ได้ไปเที่ยวก็คือ เมืองด่งเฮ้ยซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัดกว๋างบิ่ญซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางเหนือของเวียดนาม เมืองด่งเฮ้ยอาจจะไม่ใช่ไม่ใช่เมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วไปรู้จักมากนักแต่ที่นี่ในอดีตเคยได้รับผลกระทบจากสงครามเวียดนามมาเช่นกันซึ่งหลักฐานที่บ่งบอกได้ชัดเจนก็คงเป็นซากโบสถ์เก่าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตรงบริเวณสวนสาธารณะริมแม่น้ำยัทเล

สำหรับซากโบสถ์เก่าของเมืองด่งเฮ้ยมีชื่อเรียกก็คือ โบสถ์ตามเต๋า โดยเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม โดยถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 จนกระทั่งในช่วงสงครามเวียดนาม ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาได้ทำการทิ้งระเบิดในพื้นที่ของจังหวัดกว๋างบิ่ญเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี 1965 และนั่นจึงทำให้โบสถ์ตามเต๋าได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายไปอย่างหนัก โดยที่ตัวโบสถ์หลายส่วนถึงกับพังทลายลงไปจากการถูกทิ้งระเบิดและปัจจุบันก็เหลือเพียงซากโบสถ์บางส่วนที่ยังหลงเหลือให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

สำหรับในปัจจุบันโบสถ์ตามเต๋าได้กลายเป็นอนุสรณ์แห่งสงครามเวียดนามและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองด่งเฮ้ยโดยที่ตัวซากโบสถ์จะตั้งในพื้นที่ของสวนสาธารณะริมแม่น้ำยัทเลซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนมาเยี่ยมชมซากโบสถ์เก่าแห่งนี้ เพราะนี่คือหนึ่งในอนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์จากยุคสงครามเวียดนามที่ยังคงหลงเหลือให้ได้เห็น แม้ว่าในปัจจุบันจะเหลือแต่ซากเพียงส่วนนึงก็ตาม


ซากโบสถ์เก่าเมืองด่งเฮ้ย เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถาน
จากเหตุการณ์ยุคสงครามเวียดนาม

สภาพปัจจุบันของโบสถ์ตามเต๋าซึ่งเหลือแต่ซากบางส่วน
โดยสาเหตุเพราะถูกทิ้งระเบิดเมื่อตอนปี 1965

บริเวณรอบๆพื้นที่ของซากโบสถ์เก่าถูกปกคลุมไปด้วยหญ้า
แต่ก็ได้มีการล้อมรั้วเพื่อไม่ให้มีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่

จุดด้านหน้าจะมีข้อมูลรายละเอียดของซากโบสถ์เก่า
ซึ่งมีทั้งภาษาเวียดนามและภาษาอังกฤษ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
28 พฤศจิกายน 2566

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

 

EP.124 สะพานฮองบอน


กรุงมะนิลาเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์จัดว่าเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่มีความแออัดและความหนาแน่นของประชากรที่อยู่ในระดับสูง โดยในพื้นที่แต่ละโซนของกรุงมะนิลาต่างก็มีผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นซึ่งในช่วงที่ผมไปเที่ยวอยู่ในกรุงมะนิลาก็พยายามที่จะสำรวจพื้นที่ย่านต่างๆให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยหนึ่งในโซนที่ผมได้มีโอกาสได้ไปสำรวจด้วยตนเองคือพื้นที่โซนดิวิซอเรีย

โซนดิวิซอเรียไม่ได้มีความเจริญและดูหรูหราเหมือนอย่างย่านมากาติ โดยเป็นหนึ่งในโซนที่ดุค่อนข้างแออัดและวุ่นวาย แต่พื้นที่ย่านโซนดิวิซอเรียได้มีหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีมานานไม่ต่ำกว่า 50 ปีซึ่งสิ่งนั้นก็คือ สะพานฮองบอน ซึ่งเป็นสะพานที่เอาไว้ใช้ข้ามคลองเอสเตโรและยังเป็นจุดที่เชื่อมต่อกันระหว่างฝั่งดิวิซอเรียกับย่านไชน่าทาวน์ของกรุงมะนิลาอีกด้วย

โดยจากการที่ผมลงสำรวจพื้นที่ดูก็พบว่าพื้นที่บริเวณสะพานฮองบอนยังไม่ค่อยได้รับการปรับปรุงจากทางการของฟิลิปปินส์เท่าไหร่นัก โดยตัวสะพานก็ดูเก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลาแต่ปัจจุบันก็ยังคงมีผู้คนเดินสัญจรไปกันมาระหว่าง 2 ฝั่งกันทุกๆวัน แต่บรรยากาศรอบๆสะพานอาจจะดูไม่น่าอภิรมย์มากเท่าไหร่ เพราะพื้นที่ของคลองเอสเตโรดูค่อนข้างสกปรกทั้งน้ำที่เน่าเสียจนกลายเป็นสีดำรวมไปถึงจำนวนขยะที่ลอยเกลื่อน

นอกจากนั้นก็จะเห็นพวกตึกเก่าๆที่ตั้งอยู่รอบๆซึ่งก็คือที่อยู่อาศัยอารมณ์ประมาณพวกแฟลตราคาถูกที่ผู้คนจะอยู่กันค่อนข้างแออัดรวมถึงยังมีกลุ่มคนเร่ร่อนให้เห็น โดยจากที่ผมได้ไปเห็นกับตาตนเองก็ยอมรับว่ากรุงมะนิลายังมีหลายพื้นที่ที่ยังเป็นโซนแออัดและความเป็นอยู่ของผู้คนยังค่อนข้างลำบากซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือความจริงที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์และในประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาอีกหลากหลายประเทศ


สะพานฮองบอนเป็นสะพานที่ใช้ข้ามคลองเอสเตโร
โดยตั้งอยู่ในกรุงมะนิลาของประเทศฟิลิปปินส์

สะพานฮองบอนเป็นสะพานเก่าแก่มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี
โดยเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งดิวิซอเรียกับย่านไชน่าทาวน์

ในแต่ละวันจะมีผู้คนเดินผ่านสัญจรบนสะพานกันอยู่ตลอด

พื้นที่ของคลองเอสเตโรในปัจจุบันกลายเป็นคลองที่เน่าเสีย
เพราะไม่ได้รับการดูแลจากทางภาครัฐ

ย่านดิวิซอเรียเป็นอีกหนึ่งย่านของกรุงมะนิลา
ที่มีความแออัดและความหนาแน่นของผู้คน

ผมเดินสำรวจพื้นที่ก็ได้เจอกับแม่ลูก 3 คนที่กำลัง
ขอเงินจากผู้ที่เดินผ่านสัญจรไปมา


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 พฤศจิกายน 2566

วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

 

EP.123 ป้ายหยุดรถไฟสามแยก


ถ้าหากถามว่าเส้นทางรถไฟเส้นทางไหนที่ผมได้มีโอกาสใช้บริการบ่อยครั้งที่สุด คำตอบนั้นก็คงจะเป็นเส้นทางรถไฟสายแม่กลอง (ช่วงวงเวียนใหญ่ - มหาชัย) เนื่องจากเป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ใกล้บ้านผมมากที่สุด โดยแม้ว่าผมเพิ่งมีโอกาสได้ใช้บริการหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ในยุคที่ผมยังเด็กหรือยังเรียนอยู่ก็เคยนั่งรถผ่านสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่อยู่แทบตลอดนั่นจึงทำให้เป็นความคุ้นเคยและผูกพันกับเส้นทางรถไฟสายนี้

สำหรับเส้นทางรถไฟสายแม่กลองช่วงวงเวียนใหญ่ - มหาชัยจะมีทั้งสถานีรถไฟและป้ายหยุดรถไฟอีกหลายแห่ง โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ป้ายหยุดรถไฟสามแยก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตบางขุนเทียนและตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟรางโพธิ์กับป้ายหยุดรถไฟพรมแดนซึ่งผมได้มีโอกาสลงพื้นที่ไปสำรวจบรรยากาศของป้ายหยุดรถไฟสามแยกเมื่อช่วงเดือนตุลาคมซึ่งจากที่ได้สัมผัสบรรยากาศก็ต้องยอมรับว่าพื้นที่ของป้ายหยุดรถไฟสามแยกค่อนข้างจะเงียบพอสมควร

สาเหตุที่ทำให้บรรยากาศของป้ายหยุดรถไฟสามแยกค่อนข้างจะเงียบก็คงเป็นเพราะการที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตชุมชนเหมือนจุดอื่นๆและมีพื้นที่ของคลองซึ่งในปัจจุบันได้มีการสร้างทางเดินริมคลองเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มารอรถไฟ นอกจากนั้นจะมีศาลานั่งพักของผู้โดยสาร แต่จากที่ผมเห็นแล้วก็ถือว่าค่อนข้างจะเก่าและไม่ได้มีการปรับปรุงใดๆทั้งสิ้น แต่ถึงบรรยากาศจะดูเงียบแต่เมื่อรถไฟจอดที่ป้ายก็จะมีผู้โดยสารขึ้นลงกันอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นรถไฟที่มาจากวงเวียนใหญ่หรือรถไฟที่มาจากมหาชัย


ป้ายหยุดรถไฟสามแยกตั้งอยู่ในเส้นทางรถไฟสายแม่กลอง
ช่วงวงเวียนใหญ่ - มหาชัย

ศาลาที่พักของผู้โดยสารที่ป้ายหยุดรถสามแยก
ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างเก่าและไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร

บรรยากาศของป้ายหยุดรถสามแยกจะอยู่ติดกับคลอง
ซึ่งช่วงที่ไม่มีรถไฟมาเข้าจอดบรรยากาศจะเงียบมาก

พื้นที่รอบๆจะเป็นเหมือนพื้นที่สวน
และไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนเหมือนจุดอื่นๆ

ทางเดินริมคลองซึ่งชาวบ้านจะใช้สัญจรไปมา
ซึ่งสามารถเดินไปยังเขตชุมชนและออกถนนใหญ่ได้


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
6 พฤศจิกายน 2566