วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

 

EP.93 ป้ายรถเมล์กรุงเวียงจันทน์


ตามเมืองหลวงของแต่ละประเทศมักจะมีผู้คนอาศัยอยู่กันค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นเมืองหลวงและมักจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้มักจะมีผู้คนอาศัยอยู่เยอะทั้งคนที่เกิดและเติบโตในเมืองหลวงรวมไปถึงผู้คนจากต่างพื้นที่ที่อพยพเพื่อเข้ามาทำมาหากินและเมื่อมีผู้คนอาศัยอยู่กันมากนั่นทำให้เมืองหลวงมักจะเต็มไปด้วยความหนาแน่นของประชากรและความต้องการในเรื่องของการอุปโภคบริโภคก็มีมากขึ้น

สำหรับกรุงเวียงจันทน์เมืองหลวงของประเทศลาวก็ไม่แตกต่างจากเมืองหลวงในประเทศอื่นครับ โดยกรุงเวียงจันทน์เป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากที่สุดของประเทศลาวซึ่งเมื่อมีคนอาศัยอยู่เยอะก็ย่อมต้องมีสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนที่เข้ามาทำมาหากิน โดยหลักๆก็คือเรื่องของการเดินทางโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว ทางการของกรุงเวียงจันทน์ก็ได้มีการจัดรถเมล์ไว้บริการเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน

ผมไม่เคยมีโอกาสได้นั่งรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์แต่ได้มีโอกาสสำรวจป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะตั้งอยู่ตามจุดต่างๆทั่วกรุงเวียงจันทน์ โดยผมได้ไปสำรวจป้ายรถเมล์บริเวณใกล้ๆกับประตูไซซึ่งเมื่อลองดูจนทั่วแล้วก็พบว่าป้ายรถเมล์ของที่กรุงเวียงจันทน์ได้มีการปรับปรุงโฉมใหม่และมีความแข็งแรงคงทนมากยิ่งขึ้นรวมถึงรายละเอียดและข้อมูลต่างๆก็มีการระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนและเป็นประโยชน์แก่ผู้โดยสารพอสมควร

โดยป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์จะมีป้ายที่บอกข้อมูลของสายรถเมล์ที่จะมาเข้าจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร นอกจากนั้นจะมีการระบุช่วงเวลาที่รถเมล์จะวิ่งให้บริการรวมไปถึงพวกบรรดาแผนที่เส้นทางที่รถเมล์จะวิ่งผ่านซึ่งจะได้ทราบด้วยว่ารถเมล์จะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญอะไรบ้างในกรุงเวียงจันทน์ซึ่งเมื่อสำรวจป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์จนทั่วทำให้ในอนาคตข้างหน้าผมต้องลองนั่งรถเมล์ในกรุงเวียงจันทน์ดูสักครั้ง


ป้ายรถเมล์ของกรุงเวียงจันทน์สามารถพบเห็นได้ทั่ว
ในกรุงเวียงจันทน์ โดยปัจจุบันมีการปรับโฉมใหม่จนดูทันสมัย

ป้ายรถเมล์ยุคใหม่ของกรุงเวียงจันทน์จะมีการบอก
รายละเอียดต่างๆทั้งสายรถเมล์และแผนที่เส้นทาง

แผนที่เส้นทางของรถเมล์ในกรุงเวียงจันทน์
สังเกตุว่าจะมีบอกว่ารถเมล์จะผ่านสถานที่สำคัญอะไรบ้าง

ป้ายรถเมล์ที่ผมได้ไปสำรวจอยู่ใกล้กับประตูไซ
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเวียงจันทน์


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
27 กุมภาพันธ์ 2566

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

 

EP.92 วิธีการข้ามถนน
ในประเทศเวียดนาม


เวียดนาม เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นเดียวกับไทย แม้ว่าจะไม่มีอาณาเขตติดต่อระหว่างกัน แต่ปัจจุบันการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างไทยกับเวียดนามเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากครับ เพราะมีตัวเลือกการเดินทางอย่างมากถ้าจะเอารวดเร็วก็นั่งเครื่องบิน แต่ถ้าต้องการบรรยากาศแบบสโลว์ไลฟ์ก็เดินทางด้วยรถบัสโดยสารที่เป็นรถบัสเดินทางข้ามประเทศ เช่น รถบัสจากไทยไปลาวและไปเวียดนาม

ปัจจุบันคนไทยไปเที่ยวเวียดนามกันเยอะครับ แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะต้องแปลกใจเมื่อได้ไปถึงเวียดนามนั่นก็คือ บรรยากาศการจราจรซึ่งมีความระห่ำและดุเดือดมากกว่าที่ไทย โดยการจราจรบนท้องถนนของเวียดนามต้องยอมรับเลยว่าไม่เป็นมิตรแก่คนเดินเท้าอย่างยิ่งครับ เพราะรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่เวียดนามจะไม่มีวันหยุดรถเพื่อให้คนเดินเท้าได้ข้ามถนน แม้ว่าเราจะไปยืนตรงทางม้าลายก็ไม่มีประโยชน์อันใดทั้งสิ้น

การข้ามถนนในเวียดนามจึงเป็นเรื่องที่ดูอันตรายสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะเมื่อพวกท่านได้ไปเวียดนามเป็นครั้งแรก แตสำหรับคนที่ไปเวียดนามมาหลายครั้งอย่างผมค่อนข้างคุ้นชินกับการข้ามถนนในเวียดนามแล้วครับ ซึ่งการข้ามถนนในเวียดนามก็ไม่ได้ยากอะไรถ้าหากว่าเรารู้จังหวะในการข้ามถนน แม้ว่ารถจะไม่หยุดให้ก็ตามแต่เมื่อเรารู้จังหวะและรู้วิธีก็จะสามารถข้ามถนนในเวียดนามได้อย่างปลอดภัย

สำหรับวิธีการข้ามถนนในเวียดนามที่ผมจะนำมาแนะนำแก่ทุกๆท่านนั่นก็คือ เราต้องไม่หวาดหวั่นหรือคิดว่าข้ามไม่ได้แน่ๆ สิ่งที่ควรทำนั่นก็คือพยายามเดินไปตามจังหวะของเราไม่ต้องไปหยุดหรือชะงักกลางถนน เพราะถ้าเราลังเลหรือชะงักอาจจะถูกมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์เฉี่ยวชนเอาได้ซึ่งเมื่อเดินข้ามก็ควรเดินไปให้ถึงอีกฝั่งของถนน ส่วนพวกรถที่สัญจรบนถนนถึงแม้จะไม่หยุดแต่พวกนี้เขาจะคอยหลบหลีกเมื่อเห็นคนข้ามถนน

เมื่อเดินตรงไปตามจังหวะและไม่หยุดชะงักกลางคันก็จะทำให้ท่านปลอดภัยในการข้ามถนนที่เวียดนามครับ เพราะพวกรถบนท้องถนนจะมองคนข้ามถนนเป็นเหมือนกรวยจราจรที่พวกเขาจะหลบหลีกซึ่งเมื่อข้ามได้สำเร็จเป็นครั้งแรกแล้ว ผมเชื่อว่าครั้งต่อๆไปก็จะรู้จังหวะและไม่เกิดอาการเกร็งหรือกดดันยามที่ต้องข้ามถนนในประเทศเวียดนามและเมื่อไม่กดดันก็จะทำให้การข้ามถนนในเวียดนามเป็นเรื่องที่ง่ายดาย


การข้ามถนนในเวียดนามเป็นเรื่องยากสำหรับชาวต่างชาติ
แต่เมื่อรู้จังหวะในการข้ามก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย

ผมสาธิตวิธีการข้ามถนนในเวียดนาม
บริเวณอนุสาวรีย์ ตรันฮึงดาว ซึ่งเป็นวีรบุรุษของชาวเวียดนาม

บริเวณวงเวียนถิ่นจ๋องเป็นอีกจุดหนึ่งที่
อาจจะยากต่อการข้ามถนนในกรุงโฮจิมินห์

ที่เวียดนามมอเตอร์ไซค์เป็นใหญ่บนท้องถนน

ต่อให้มีทางม้าลาย แต่รถที่เวียดนามจะไม่หยุดให้คนข้าม
ดังนั้นการข้ามถนนควรจะรู้จังหวะและอย่าหยุดชะงักกลางถนน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
23 กุมภาพันธ์ 2566

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

 

EP.91 สถานีขนส่งเมืองห่าเทียน


สถานีขนส่ง คือ ศูนย์รวมบรรดารถโดยสารสาธารณะซึ่งจะมีกันอยู่ในทุกประเทศทั่วโลกครับซึ่งผมก็มีประสบการณ์ในการเดินทางไปตามสถานีขนส่งอยู่บ่อยๆก็เพราะว่าต้องเดินทางอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศซึ่งผมมักจะเดินทางไปในหลายเมืองซึ่งก็ต้องใช้บริการรถโดยสารสาธารณะตามสถานีขนส่งเพื่อจะเดินทางไปยังเมืองต่างๆที่เป็นจุดหมายปลายทาง

ผมไปเที่ยวเวียดนามอยู่บ่อยครั้งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศที่ผมเดินทางไปบ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ซึ่งการเที่ยวแต่ละครั้งผมมักจะเดินทางไปหลากหลายเมืองของเวียดนามและด้วยสไคล์การเที่ยวของผมที่เป็นประเภทแบกเป้เที่ยว ทำให้ยานพาหนะในการเดินทางที่ผมใช้บ่อยสุดก็คือ รถบัสโดยสาร อย่างเมื่อช่วงปีที่แล้วผมเดินทางท่องเที่ยวในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามที่เมืองห่าเทียนและเชาด็อกซึ่งเป็น 2 เมืองที่อยู่ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่

การเดินทางจากห่าเทียนไปเชาด็อกผมก็เลือกใช้บริการรถบัสโดยสารที่จอดอยู่ที่สถานีขนส่งของเมืองห่าเทียน สำหรับบรรยากาศของสถานีขนส่งที่เมืองห่าเทียนต้องบอกเลยว่าที่นี่ไม่ใช่สถานีขนส่งที่ใหญ่อะไรมากมายนั่นก็คงเพราะเมืองห่าเทียนไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักของเวียดนาม ทำให้บรรยากาศของสถานีขนส่งไม่ได้ใหญ่โตและไม่ได้มีผู้โดยสารมาใช้บริการเยอะเหมือนสถานีขนส่งตามเมืองใหญ่ๆ

สำหรับสถานีขนส่งเมืองห่าเทียนที่ผมได้ใช้บริการและเดินสำรวจบรรยากาศก็พบว่าเป็นสถานีขนส่งที่จะมีรถบัสโดยสารเดินทางไปยังเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่ในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทั้ง เชาด็อก เกิ่นเทอ เบ๋นแจ ก่าเมา จ่าวิญและอีกหลากหลายเมือง โดยรถที่ให้บริการมีทั้งรถบัส รถตู้และรถมินิบัส โดยบริเวณพื้นที่ด้านหลังของจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารจะเป็นจุดของรถบัสของบริษัทต่างๆและมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้บริการแก่ผู้โดยสาร


สถานีขนส่งเมืองห่าเทียน เป็นสถานีขนส่งที่ไม่ใหญ่มาก
โดยตั้งอยู่ในเมืองห่าเทียนของจังหวัดเกียนยาง

บริเวณด้านหน้าจะเป็นจุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร

สถานีขนส่งเมืองห่าเทียนจะมีรถบัสเดินทางไปยังเมืองต่างๆ
ทั้งเชาด็อก เบ๋นแจ จ่าวิญ ก่าเมา เกิ่นเทอและอีกหลากหลายเมือง

รถบัสโดยสารของบริษัทต่างๆจอดอยู่ภายในสถานีขนส่ง

นอกจากรถบัสแล้วก็ยังมีรถตู้รวมไปถึงรถมินิบัส

ที่ทำการรถบัสของบริษัทเฟืองจาง 
ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสารพอสมควร

นอกจากนั้นก็จะมีร้านอาหารและร้านกาแฟหลายร้าน
ซึ่งผู้โดยสารจะมานั่งทานระหว่างที่รอขึ้นรถ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
19 กุมภาพันธ์ 2566

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

 

EP.90 ประติมากรรมมินิอังกอร์วัด


เมืองเสียมเรียบไม่ใช่เมืองหลวงของกัมพูชาก็จริงนะครับ แต่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกล้วนแต่รู้จักกันแทบทั้งนั้น สาเหตุหลักๆก็เพราะว่าที่เมืองเสียมเรียบเป็นเมืองที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง อังกอร์วัดหรือที่คนไทยเรียกกันว่า นครวัด โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนับล้านคนมาแวะเวียนเที่ยวชมอังกอร์วัดกันอย่างไม่ขาดสายเพื่อชมสถานที่ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ผมเคยไปเที่ยวชมอังกอร์วัดมาประมาณ 2 ครั้ง ความรู้สึกที่ได้ชมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากเป็นพิเศษเพราะสาเหตุหลักๆของการที่เข้าไปชมก็เพื่อให้ไปได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่อยู่ใกล้บ้านเรานี่แหละ โดยอังกอร์วัดนอกจากที่จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทำรายได้ให้กับประเทศกัมพูชาแล้วภายในเมืองเสียมเรียบก็ยังมีสถานที่ที่รวบรวมงานด้านประติมากรรมเอาไว้อย่างหลากหลาย โดยมีจุดไฮไลท์เด่นก็คือ ประติมากรรมมินิอังกอร์วัด

สำหรับประติมากรรมมินิอังกอร์วัดจะเป็นสถานที่เล็กๆที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังและแม่น้ำเมืองเสียมเรียบ โดยบรรยากาศด้านภายในจะเต็มไปด้วยงานประติมากรรมต่างๆที่เป็นศิลปะในสไตล์แบบเขมร โดยจุดไฮไลท์เด่นก็คือ งานปั้นของอังกอร์วัดในขนาดย่อรวมไปถึงงานปั้นของปราสาทบันทายศรี โดยผลงานประติมากรรมเหล่านี้เป็นการรังสรรค์ของชายชราที่รอดชีวิตจากสงครามยุคเขมรแดง แต่ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดายว่าชายชราผู้ปั้นงานประติมากรรมเหล่านี้ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว

ส่วนการเข้าชมนั้นนักท่องเที่ยวสามารถมาเข้าชมกันได้ในทุกๆวัน โดยจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 2 ดอลล่าร์หรือประมาณเกือบๆ 70 บาทซึ่งค่าเข้าชมเหล่านี้นอกจากจะเป็นการทำนุบำรุงสถานที่แล้วยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนผลงานด้านประติมากรรมของเมืองเสียมเรียบ ซึ่งนับวันผลงานในด้านประติมากรรม จิตรกรรม สถาปัตยกรรมเริ่มได้รับความนิยมลดน้อยลงไปทุกที การสนับสนุนผลงานเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนกำลังใจและช่วยเหลือให้แก่บรรดานักสร้างสรรค์ผให้มีแรงใจในการรังสรรค์ผลงานดีๆออกมาให้พวกเราได้ชมกัน


ประติมากรรมมินิอังกอร์วัด ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบ
โดยเป็นงานประติมากรรมของนครวัดในรูปแบบขนาดย่อ

อีกหนึ่งผลงานที่เป็นไฮไลท์ก็คือ ปราสาทบันทายศรี

ผลงานด้านประติมากรรมมากมายที่ถูกนำมาจัดแสดง

ผลงานประติมากรรมพวกนี้เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ
ชายชราซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากสงครามยุคเขมรแดง

สำหรับการจะเข้าชมจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 2 ดอลล่าร์
หรือตีเป็นเงินไทยก็ราวๆเกือบ 70 บาท

บริเวณทางเข้าด้านหน้าของประติมากรรมมินิอังกอร์วัด
โดยจะตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังและแม่น้ำเมืองเสียมเรียบ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
15 กุมภาพันธ์ 2566

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

 

EP.89 อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์


เรื่องราวของประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางพอสมควรครับ เพราะเมื่อมีการเอ่ยถึงประวัติศาสตร์ที่แต่ละชาติเคยมีร่วมกันมาสุดท้ายแล้วมักจะตามมาด้วยการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดซึ่งในยุคปัจจุบันแม้ว่าจะเปลี่ยนจากสงครามมาเป็นความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ แต่เรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยอดีตก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะลืมเลือนได้ลง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่หลายๆชาติที่มักจะมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องร่วมกันมา

ตัวอย่างของประเทศเพื่อนบ้านที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาก็ไม่ต้องมองไปไหนไกลครับ เพราะเรื่องราวของไทยกับลาวก็มีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กันพอสมควร โดยในสมัยอดีตไทยกับลาวมีประวัติศาสตร์ร่วมกันทั้งในด้านการสู้รบหรือตอนที่ลาวเคยเป็นเมืองขึ้นของไทยซึ่งในประวัติศาสตร์ของไทยก็ได้มีการบันทึกไว้ว่าลาวในชื่อเดิมคือ อาณาจักรล้านช้าง เคยต้องเป็นเมืองขึ้นของสยาม (ไทย) ในช่วงยุคต้นของสมัยรัตนโกสินทร์ โดยผู้นำของอาณาจักรล้านช้างในยุคนั้นก็มีนามว่า เจ้าอนุวงศ์

ตามประวัติศาสตร์ของไทยบันทึกไว้ว่าช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 อาณาจักรล้านช้างภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ได้ทำการกบฎขึ้นแต่สุดท้ายกระทำการไม่สำเร็จและถูกจับตัวได้จนกระทั่งเสียชีวิตอยู่ในราชอาณาจักรสยาม แต่หากไปดูบันทึกทางประวัติศาสตร์ของทางฝั่งลาวจะบอกไปอีกแบบซึ่งจะมองว่าเจ้าอนุวงศ์คือวีรบุรุษของชาติที่ได้รวบรวมกำลังพลเพื่อปลดแอกจากการเป็นเมืองขึ้นของสยามประเทศ

ซึ่งจากข้อมูลบางส่วนที่ผมได้นำมาให้อ่านก็จะเห็นได้ชัดครับว่าประวัติศาสตร์ของไทยและลาวในเรื่องของเจ้าอนุวงศ์จะแตกต่างกันแบบสุดขั้ว ไทยมองว่าเจ้าอนุวงศ์คือกบฎ แต่ลาวมองว่าเจ้าอนุวงศ์คือวีรบุรุษของชาติซึ่งสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีก็คือประเทศลาวได้มีการสร้างรูปปั้นของเจ้าอนุวงศ์ไว้ในกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำโขง

สำหรับบริเวณอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กและสถานที่ท่องเที่ยวของกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะมีผู้คนแวะเวียนมากราบสักการะรูปปั้นของเจ้าอนุวงศ์กันแบบไม่ขาดสาย โดยรูปปั้นของเจ้าอนุวงศ์จะมีลักษณะยื่นมือขวาไปยังอีกฝั่งนึงของแม่น้ำโขงซึ่งตรงบริเวณนั้นก็คือ พื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ของจังหวัดหนองคายซึ่งนัยยะของรูปปั้นก็คงจะสื่อถึงการต้องการฟื้นความสัมพันธ์กับไทยและให้ลืมเรื่องราวความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ส่วนบรรยากาศรอบๆอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ผมว่าค่อนข้างคึกคักครับทั้งผู้คนที่มากราบสักการะรูปปั้นเจ้าอนุวงศ์และในช่วงเย็นก็ยิ่งเพิ่มความคึกคักไปอีกจากบรรดาผู้คนที่มานั่งชมวิวริมฝั่งโขง กลุ่มผู้คนที่มาวิ่งออกกำลังกายและกลุ่มผู้คนที่จะมาเดินซื้อของตรงบริเวณตลาดกลางคืน ซึ่งความบาดหมางและสงครามในอดีตได้ยุติลงและในปัจจุบันก็กลายมาเป็นความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ ส่วนประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้และไม่นำความบาดหมางในอดีตมาเป็นประเด็นให้ขุ่นข้องหมองใจกันอีกต่อไป


อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ซึ่งเป็นอดีตกษัตริย์ของลาว
ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำโขงในกรุงเวียงจันทน์

ในแต่ละวันจะมีผู้คนมาสักการะกันอยู่แทบตลอด
โดยเจ้าอนุวงศ์ถือว่าเป็นวีรบุรุษของชาติลาวเลยทีเดียว

รูปปั้นม้าและช้างจำนวนมากซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนนำมาแก้บน

พื้นที่สวนสาธารณะริมฝั่งโขงซึ่งในตอนเย็น
จะมีผู้คนมาออกกำลังกายและนั่งพักผ่อนเป็นจำนวนมาก

รถยนต์วิ่งผ่านสัญจรกันในช่วงกลางวัน
แต่พอช่วงเย็นจะกลายเป็นพื้นที่ที่ผู้คนจะมาออกกำลังกาย

พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นประเทศไทย
โดยเป็นพื้นที่ของอำเภอศรีเชียงใหม่ในจังหวัดหนองคาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
11 กุมภาพันธ์ 2566

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

 

EP.88 ศูนย์อาหารกลางคืน
ใกล้อนุสาวรีย์เอกราช


อนุสาวรีย์เอกราช คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญของประเทศกัมพูชาและเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของกรุงพนมเปญ เวลาใครมาเที่ยวที่พนมเปญก็มักจะแวะมาชมบรรยากาศในยามค่ำคืนบริเวณอนุสาวรีย์เอกราชกันทั้งนั้นครับซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้มาเดินเที่ยวชมอนุสาวรีย์เอกราชในยามค่ำคืน แต่เมื่อเดินไปสักพักท้องก็เริ่มจะร้องบ่งบอกว่าความหิวกำลังมาเยือนซึ่งจุดใกล้ๆกับอนุสาวรีย์เอกราชก็มีร้านอาหารให้ได้นั่งทานกันอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยร้านที่ดูจะได้รับความนิยมจากผู้คนจะไม่ได้เป็นร้านอาหารแบบทั่วไป แต่ที่นี่ลักษณะจะเหมือนศูนย์อาหารหรือฟู้ดคอร์ทแต่ไม่ได้ต้องแลกบัตรเงินสดเหมือนตามห้างสรรพสินค้าซึ่งศูนย์อาหารแห่งนี้จะเปิดขายกันตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงแต่จะมีความคึกคักเป็นอย่างมากในช่วงเวลากลางคืน เพราะจะมีร้านอาหารมาเปิดขายกันหลายร้านและมีผู้คนมานั่งทานอาหารกันหลายคน ส่วนเมนูที่ขายกันก็มีอยู่หลากหลายดีครับไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง เมนูขนมปังที่ใส่พวกหมูยอและแตงกวาลงไป รวมไปถึงอาหารตะวันตกอย่างสเต็ก

ผมมีโอกาสไปทานอาหารที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ก็บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน โดยชอบไปสั่งเมนูขนมปังยาวสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเขาจะใส่พวกหมูยอแตงกวาและทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดนึกไปแล้วก็คงคล้ายๆกับการทานหมูสะเต๊ะของบ้านเรา ส่วนรอบๆบริเวณศูนย์อาหารก็จะมีอาหารแนวสตรีทฟู้ดขายอยู่ทั้งพวกส้มตำ เมนูหมูย่างรวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวซึ่งอาหารที่เห็นก็ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนักซึ่งพอถึงยามค่ำคืนศูนย์แห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างมานั่งรับประทานอาหารแต่เท่าที่ผมเห็นส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนกัมพูชาที่มักเลือกมานั่งรับประทานที่ศูนย์อาหารกลางคืนใกล้อนุสาวรีย์เอกราช


ศูนย์อาหารกลางคืนใกล้อนุสาวรีย์เอกราช
เป็นฟู้ดคอร์ทในกรุงพนมเปญที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ร้านนี้ผมทานเป็นประจำซึ่งเป็นร้านขายขนมปังยาวแบบฝรั่งเศส
และสอดไส้ด้วยหมูยอแตงกวาและทานคู่กับน้ำจิ้มรถสเด็ด

ร้านนี้ขายอาหารตามสั่ง ส่วนเมนูก็คล้ายๆกับเมืองไทย

เมนูตะวันตกอย่าง สเต็ก ก็มีขายเช่นกัน
ซึ่งราคาก็ไม่แพงครับขายอยู่ที่ประมาณ 50-60 บาท

บริเวณรอบๆก็มีอาหารพวกสตรีทฟู้ดขาย
ทั้งส้มตำ หมูย่าง ไข่ต้ม ก๋วยเตี๋ยว

จริงๆแล้วศูนย์อาหารที่นี่เปิดขายตั้งแต่ก่อนเที่ยง
แต่ความคึกคักจะอยู่ในช่วงกลางคืนเสียมากกว่า

มองเห็นไกลๆจะเป็นอนุสาวรีย์เอกราช
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงพนมเปญ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
5 กุมภาพันธ์ 2566