วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.87 บรรยากาศยามเย็น
ริมแม่น้ำตรังกานู


แม่น้ำตรังกานูเป็นแม่น้ำสายสำคัญของรัฐตรังกานูในประเทศมาเลเซีย โดยจะมีจุดกำเนิดมาจากทะเลสาบเคนเยียร์และไหลผ่านเมืองหลวงของรัฐตรังกานูซึ่งก็คือ เมืองกัวลาตรังกานู โดยเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมของปี 2022 ผมมีโอกาสได้เดินทางไปที่เมืองกัวลาตรังกานู ซึ่งเมืองนี้อาจจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักของมาเลเซียและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มาเที่ยวกันไม่มาก แต่ยิ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเท่าไหร่ยิ่งทำให้ผมเกิดความสนใจมากขึ้นอย่างทันทีทันใด

สำหรับบรรยากาศของเมืองกัวลาตรังกานูก็ดูไม่แตกต่างจากเมืองอื่นๆของมาเลเซียเท่าไหร่นัก แม้ประชากรหลักๆจะเป็นคนเชื้อสายมลายูแต่ก็มีวัฒนธรรมแบบจีนให้ได้เห็นกันอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้แล้วก็มีแม่น้ำตรังกานูซึ่งผมได้เกริ่นเอาไว้ในบรรทัดแรก โดยจุดของแม่น้ำตรังกานูนี่แหละครับถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองกัวลาตรังกานูโดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินมักจะมีบรรดาผู้คนท้องถิ่นมานั่งชมบรรยากาศกันเป็นจำนวนมาก

โดยจุดชมวิวแม่น้ำตรังกานูจะมีทางค่อนข้างยาวตั้งแต่จุดของสวนสาธารณะและลากยาวไปจนถึงบริเวณพื้นที่ตลาดกลางคืน ผมได้มานั่งดูบรรยากาศแถวๆที่เขาขายของกินกันซึ่งจากที่ได้สังเกตุดูก็พบว่าจะมีแต่คนเชื้อสายมลายูต่างพาครอบครัวมานั่งพักผ่อนกันเต็มไปหมด บางคนก็ซื้อของกินมานั่งกินไปด้วยและชมวิวไปด้วยซึ่งบรรยากาศริมแม่น้ำตรังกานูในทุกๆเย็นก็จะมีความคึกคักแบบนี้เหมือนกันไปหมด เพราะว่าตลาดกลางคืนเขาจะขายกันทุกคืนทำให้ผู้คนต่างมาซื้อของกินและนั่งชมวิวแม่น้ำกันเยอะ ส่วนเมนูต่างๆที่เขาขายเท่าที่ผมได้เห็นก็จะเป็นอาหารฮาลาลสไตล์มุสลิมไปเสียทั้งหมด


แม่น้ำตรังกานู เป็นแม่น้ำสายสำคัญของรัฐตรังกานู
ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากทะเลสาบเคนเยียร์

บริเวณริมแม่น้ำตรังกานูถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์
ของเมืองกัวลาตรังกานู โดยเฉพาะการชมพระอาทิตย์ตกดิน

บรรยากาศจะเต็มไปด้วยผู้คนไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ
ไปจนถึงช่วงหัวค่ำซึ่งจะมีตลาดกลางคืนตั้งอยู่ใกล้ๆ

กลุ่มคนท้องถิ่นที่จะมานั่งพักผ่อนชมบรรยากาศบริเวณนี้
ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนเชื้อสายมลายู


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
30 มกราคม 2566

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.86 สถานีรถไฟหนองคาย


ผมเป็นคนที่ชอบการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟซึ่งผมได้ตั้งอุดมการณ์เอาไว้ด้วยว่า อยากจะถ่ายคลิปบรรยากาศและเดินทางไปตามสถานีรถไฟของประเทศไทยให้ครบทุกแห่งซึ่งสถานีรถไฟของประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมาย ถ้าเป็นสถานีประจำจังหวัดก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากในการเดินทาง แต่ถ้าหากเป็นสถานีเล็กๆแบบนี้ล่ะก็น่าจะมีปัญหาในการเดินทางไปบ้าง เนื่องจากไม่ได้มีรถไฟมาเข้าจอดมากมายเหมือนดั่งสถานีรถไฟใหญ่ๆนั่นเอง

ผมเดินทางในไทยด้วยการนั่งรถไฟอยู่หลายครั้งโดยการเดินทางแบบไกลๆครั้งล่าสุดก็คือ ช่วงปลายปี 2565 ซึ่งเป็นการเดินทางจากหนองคายกลับมายังกรุงเทพฯ โดยผมได้โดยสารมากับขบวนรถด่วนพิเศษ 26 ซึ่งเป็นรถไฟที่เดินทางในตอนกลางคืนและสิ่งที่ผมไม่พลาดนั่นก็คือ การถ่ายคลิปบรรยากาศของสถานีรถไฟซึ่งการที่ได้เดินทางไปถึงหนองคาย ผมก็ได้มีโอกาสถ่ายคลิปบรรยากาศของสถานีรถไฟหนองคายซึ่งเป็นสถานีรถไฟระดับชั้น 1 และเป็นสถานีรถไฟที่เป็นสถานีปลายทางในเส้นทางรถไฟสายอีสานตอนบน

ส่วนบรรยากาศของสถานีรถไฟหนองคายก็ดูไม่แตกต่างจากสถานีรถไฟชั้น 1 ในจังหวัดอื่นๆ โดยถือว่าเป็นสถานีรถไฟที่มีความสำคัญซึ่งในแต่ละวันจะมีทั้งรถธรรมดา รถชานเมือง รถเร็วรวมถึงรถด่วนพิเศษมาเข้าจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร นอกจากนี้แล้วที่สถานีรถไฟหนองคายยังมีการเดินรถระหว่างประเทศจากระหว่างไทยกับลาวซึ่งก็เป็นเส้นทางหนองคาย - ท่านาแล้งในกรุงเวียงจันทร์ โดยอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ 20 บาทเท่านั้น โดยหลังจากที่ได้มีการเปิดพรมแดนกันอีกครั้งทำให้มีผู้โดยสารมาใช้บริการในเส้นทางเดินรถระหว่างประเทศกันอยู่พอสมควร


สถานีรถไฟหนองคาย เป็นสถานีรถไฟชั้น 1
และเป็นสถานีปลายทางในเส้นทางรถไฟสายอีสานตอนบน

ตารางเดินรถที่สถานีรถไฟหนองคาย ซึ่งในแต่ละวัน
จะมีทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รถด่วนพิเศษมาเข้าจอดรับส่งผู้โดยสาร

จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารของสถานีรถไฟหนองคาย

บรรยากาศของสถานีรถไฟหนองคายในช่วงเวลาก่อน 2 ทุ่ม
ซึ่งจะเห็นรถด่วนขบวน 26 กำลังจอดเพื่อรอเวลาเดินทาง

จุดรับฝากของและรับส่งสินค้าจะปิดให้บริการหลัง 1 ทุ่ม

ตารางเดินรถระหว่างประเทศจากหนองคาย - ท่านาแล้ง
โดยอัตราค่าโดยสารจะอยู่ที่ 20 บาท


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
26 มกราคม 2566

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.85 รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ
เส้นทาง เวียงจันทน์ - หนองคาย


ปัจจุบันการเดินทางไปยังต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากครับ ใครๆก็สามารถเดินทางกันไปได้และไม่ได้ลำบากซับซ้อนเหมือนกับในยุคสมัยก่อน โดยการเดินทางก็มีหลากหลายรูปแบบแต่ถ้าเน้นประหยัดก็คงต้องเดินทางด้วยรถบัสซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีรถบัสโดยสารเดินทางระหว่างประเทศ โดยจะเป็นรถบัสโดยสารระหว่างประเทศจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งรถบัสระหว่างประเทศที่ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้โดยสารก็คงหนีไม่พ้นรถบัสที่มีเส้นทางจากไทยไปลาวและจากลาวมายังฝั่งไทย

ผมเดินทางไปที่กรุงเวียงจันทน์ของประเทศลาวเมื่อช่วงปลายปี 2022 ซึ่งเดี๋ยวนี้การไปที่เวียงจันทน์ก็ไม่ยากอะไรครับเพราะมีรถบัสโดยสารระหว่างประเทศที่วิ่งจากไทยไปลาวและจากฝั่งลาวมายังไทย โดยเส้นทางจากไทยจะไปที่กรุงเวียงจันทน์ก็มีจุดเริ่มต้นทั้งที่กรุงเทพในสถานีขนส่งหมอชิต 2 รวมไปถึงจังหวัดทางภาคอีสานอย่างหนองคายและอุดรธานี ขณะที่การเดินทางจากฝั่งลาวมาที่ไทยก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเช่นกัน เพราะจะมีรถบัสระหว่างประเทศที่จะวิ่งจากกรุงเวียงจันทน์มายังประเทศไทยโดยจะมีจุดหมายปลายทางทั้งที่กรุงเทพ อุดรธานีรวมไปถึงหนองคาย

ผมเดินทางกลับไทยด้วยการใช้บริการรถบัสโดยสารระหว่างประเทศซึ่งมีเส้นทางจาก เวียงจันทน์มาที่หนองคายซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนอัตราค่าโดยสารจะแตกต่างกันระหว่างวันจันทร์ถึงศุกร์กับช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งวันจันทร์ถึงศุกร์จะมีราคาอยู่ที่ 50 บาท ส่วนราคาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะอยู่ที่ 60 บาท ส่วนจุดขึ้นรถบัสก็หาไม่ยากเพราะสถานีขนส่งจะตั้งอยู่ตรงย่านตลาดเช้าซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเวียงจันทน์ โดยรถบัสจะวิ่งมาถึงด่าน ตม.ฝั่งลาวและวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 เพื่อมายังฝั่งไทยที่จังหวัดหนองคายจนเมื่อผู้โดยสารผ่านการปั๊มพาสปอร์ตทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทย รถบัสก็จะวิ่งอีกในระยะทางที่ไม่ไกลเพื่อไปจอดสิ้นสุดระยะทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดหนองคาย


รถบัสโดยสารระหว่างประเทศ เส้นทางเวียงจันทน์ - หนองคาย
จะมีให้บริการทุกวันโดยมีให้บริการวันละประมาณ 4 รอบ

บรรยากาศบนรถบัสโดยสารซึ่งที่นั่งจะเป็นแบบเก้าอี้คู่
และใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง

ราคาตั๋วโดยสารสำหรับวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะอยู่ที่ 60 บาท
แต่ถ้าเดินทางในวันธรรมดาค่าโดยสารจะอยู่ที่ 50 บาท

บรรยากาศระหว่างทางที่รถบัสโดยสารวิ่งผ่าน

รถบัสวิ่งมาถึงด่านพรมแดนของกรุงเวียงจันทน์
จุดนี้ผู้โดยสารต้องลงจากรถเพื่อทำการปั๊มพาสปอร์ต

เมื่อผ่านด่านฝั่งลาว รถบัสก็จะวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1
และวิ่งมาถึงด่านพรมแดนฝั่งไทยที่จังหวัดหนองคาย

เมื่อผ่านด่าน ตม.ทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทยรถบัสก็จะวิ่งอีกไม่ไกล
จนมาถึงสถานีขนส่งจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
22 มกราคม 2566

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.84 ตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์


เวลาเดินทางท่องเที่ยวไปต่างแดนสิ่งที่ผมต้องทำตลอดทุกครั้งเปรียบเสมือนวิชาภาคบังคับก็คือ การเดินสำรวจตลาดของประเทศที่ผมได้ไปท่องเที่ยว โดยถ้าอยากซึมซับให้เข้าถึงความเป็นท้องถิ่นก็ต้องเดินดูตลาดในสไตล์แบบคนท้องถิ่น โดยใจกลางกรุงเวียงจันทน์ของประเทศลาวก็มีตลาดขายสินค้าที่น่าไปเดินเที่ยวชมไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ โดยจุดไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นตลาดที่เน้นขายกันในช่วงเวลากลางคืนจนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของกรุงเวียงจันทน์

สำหรับตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์จะเปิดขายกันทุกวันโดยจะเริ่มวางขายกันตั้งแต่ช่วงบ่าย 4 โมงเย็นและลากยาวกันไปจนถึงช่วงเวลาเที่ยงคืนซึ่งตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์จะตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะเจ้าอนุวงศ์ซึ่งจะอยู่แถวบริเวณริมแม่น้ำโขง ทำให้บรรยากาศในแต่ละวันจะมีความคึกคักเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้คนที่มาเดินซื้อสินค้าหรือกลุ่มผู้คนที่มานั่งพักผ่อนและออกกำลังกายบริเวณริมฝั่งโขง

ส่วนสินค้าต่างๆที่นำมาตั้งขายส่วนใหญ่เท่าที่ผมเห็นกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นพวกเสื้อผ้าแฟชั่น รองลงมาก็จะเป็นพวกรองเท้านอกจากนั้นก็จะมีสินค้าอื่นๆคละเคล้ากันไปทั้ง กระเป๋า เครื่องประดับต่างๆ ส่วนโซนของกินมีให้เห็นไม่เยอะมากซึ่งพวกร้านอาหารจะไปตั้งอยู่ใกล้ๆกับริมฝั่งโขง ซึ่งจากการที่ได้เดินสำรวจบรรยากาศก็พบว่าจะมีผู้คนชาวลาวมาเดินกันจนแน่นขนัดซึ่งมักจะมาเลือกซื้อสินค้าซึ่งมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ทำให้ตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมพอสมควรจากผู้คนท้องถิ่น


ตลาดกลางคืนกรุงเวียงจันทน์ ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะ
เจ้าอนุวงศ์ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับริมฝั่งแม่น้ำโขง

สินค้าที่ผมเห็นส่วนใหญ่เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ก็คือ เสื้อผ้า

ร้านทำเล็บเสริมความงามกำลังทำเล็บให้แก่ลูกค้า

ในแต่ละคืนจะมีผู้คนท้องถิ่นมาเดินดูของและซื้อสินค้า
กันเป็นจำนวนมาก

สินค้าที่ได้รับความนิยมรองจากเสื้อผ้าก็คือ รองเท้า

พวกเครื่องประดับต่างๆทั้งสร้อยคอ กำไลข้อมือ ต่างหู
ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากลูกค้าผู้หญิง

จิตรกรนำภาพวาดลวดลายต่างๆมาวางขาย
อยู่ตรงบริเวณด้านหน้าทางเข้าตลาด

ผมเดินสำรวจบรรยากาศไปเรื่อยๆจนมองไปเห็นพื้นที่ริมโขง
ซึ่งจะเป็นพวกร้านอาหารและมีเครื่องเล่นแบบตามงานวัดมากมาย


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
18 มกราคม 2566

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.83 ประตูไซ


กรุงเวียงจันทน์ คือ เมืองหลวงของประเทศลาวซึ่งก็แน่นอนครับว่าการที่เป็นเมืองหลวงนั่นก็ย่อมหมายถึงความสำคัญในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การปกครอง รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งในกรุงเวียงจันทน์ก็มีจุดท่องเที่ยวมากมาย โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจะดังมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ประตูไซ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่กลางนครหลวงเวียงจันทน์กันเลยทีเดียว

สำหรับประตูไซที่ชาวลาวจะเรียกกันถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส โดยถูกสร้างขึ้นก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษชาวลาวที่ในสมัยอดีตได้มีการรวมตัวและต่อต้านฝรั่งเศสเพื่อให้ชาติของตนเองหลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคมซึ่งก็ได้มีชาวลาวเสียชีวิตไปจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถูกยกย่องให้เปรียบเสมือนวีรบุรุษของชาติ ประตูไซจึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงบรรดาบรรพบุรุษชาวลาวนั่นเอง

ขณะที่ตัวสถาปัตยกรรมของประตูไซก็ดูจะได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมาพอสมควร นอกจากนั้นก็ยังมีอิทธิพลจากศิลปะในสไตล์แบบล้านช้างด้วยเช่นกันโดยจะเป็นพวกภาพจิตรกรรมที่จะเป็นภาพเรื่องราวความเชื่อทางศาสนาพุทธผสมผสานกับความเชื่อทางพราหมณ์ฮินดู ส่วนบรรยากาศรอบๆก็จะมีทั้งลานน้ำพุที่จะตั้งอยู่โซนด้านหลังและอยู่ติดกับสวนประตูไซซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่มีความร่มรื่น โดยในปัจจุบันประตูไซเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมซึ่งใครมาเที่ยวที่เวียงจันทน์ก็มักจะมาเที่ยวชมและถ่ายรูปกับประตูไซกันอย่างต่อเนื่อง


ประตูไซ เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของกรุงเวียงจันทน์
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศลาว

ป้ายนี้เป็นการเล่าประวัติของประตูไซ
ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรบุรุษชาวลาว

ถ้ามองไปด้านบนจะเป็นภาพจิตรกรรมในสไตล์แบบล้านช้าง
โดยเป็นภาพความเชื่อที่ผสมผสานระหว่างพุทธกับพราหมณ์ฮินดู

สินค้าของที่ระลึกมีอยู่อย่างมากมาย
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสินค้าที่เกี่ยวกับงานฝีมือ

บริเวณด้านหลังของประตูไซจะเป็นจุดของลานน้ำพุ
ซึ่งในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟแสงสีอย่างสวยงาม

พื้นที่รอบๆประตูไซก็มีการปลูกต้นไม้หลากหลาย
และทำเป็นพื้นที่สวนสาธารณะที่ให้ความร่มรื่น


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
14 มกราคม 2566

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.82 ลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์


ถ้าพูดถึงแลนด์มาร์กผู้คนก็จะเข้าใจกันโดยตรงกันว่าคือ สถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดเด่นของเมืองนั้นหรือประเทศนั้นโดยในประเทศลาวเพื่อนบ้านของเราก็มีแลนด์มาร์กเด่นๆอยู่หลายแห่งเช่นกันครับ เอาแค่เฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงเวียงจันทน์ก็มีแลนด์มาร์กตั้งอยู่มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งจะเป็นสถานที่ยอดนิยมในการมานั่งพักผ่อนรวมไปถึงการถ่ายรูปกับน้ำพุเริงระบำที่เปิดไฟส่องสว่างอย่างสวยงามในยามค่ำคืน

สำหรับลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์จะมีเสน่ห์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงยามราตรี เพราะจะมีการแสดงน้ำพุเริงระบำและจะมีการเปลี่ยนแสงสีไปเรื่อยๆซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ทำให้ในทุกๆคืนที่แห่งนี้มักจะเป็นจุดรวมของบรรดาผู้คนทั้งชาวกรุงเวียงจันทน์และบรรดานักท่องเที่ยว โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เวียงจันทน์ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศส่วนหนึ่งของลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์มาฝากให้ทุกท่านได้รับชมกันครับ


ลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของ
กรุงเวียงจันทน์และจะมีเสน่ห์อย่างมากในช่วงค่ำคืน

ลานน้ำพุในตอนกลางคืนจะมีการแสดงแสงสีอย่างสวยงาม
ซึ่งจะมีการสลับปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ

ผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมักจะมานั่งพักผ่อน
ถ่ายรูปและชมบรรยากาศตรงลานน้ำพุในทุกๆคืน

ป้ายลานน้ำพุกรุงเวียงจันทน์ซึ่งจะมีทั้งภาษาลาว
ส่วนภาษาอังกฤษจะเขียนว่า Namphou Park

บริเวณรอบๆพื้นที่ของลานน้ำพุจะมีร้านอาหาร
ซึ่งร้านที่ผมถ่ายรูปมาเป็นร้านอาหารแนวกึ่งผับ


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
10 มกราคม 2566 

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2566

 

EP.81 สวัสดีปีใหม่ 2566


สวัสดีปีใหม่ 2566 และแฮปปี้นิวเยียร์ 2023 ครับทุกๆท่าน ผมอาจจะมาทักทายปีใหม่ล่าช้าไปบ้าง 2-3 วันเนื่องจากมีภารกิจบางอย่างที่ยุ่งๆไปบ้าง แต่ก่อนอื่นไหนๆก็เป็นช่วงปีใหม่ ผมก็ขออวยพรให้แก่ผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ไม่เจ็บและไม่จนครับ สำหรับบทความแรกของพุทธศักราช 2566 ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการสวัสดีปีใหม่และกล่าวคำอวยพรให้แก่ท่านผู้อ่านซึ่งแน่นอนครับว่าการเดินทางของผมไม่มีทางจะจบสิ้นไปอย่างแน่นอนตราบใดที่ผมยังมีแรงผมก็จะยังคงเดินหน้ารีวิวการเดินทางอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการเดินทางของตัวผมในปี 2566 หรือ 2023 ครั้งนี้ผมได้วางโครงการเอาไว้ว่าต้องไปประเทศที่ผมยังไม่เคยไปให้ได้อย่างน้อย 2-3 ประเทศอาจจะเป็นในอาเซียนนี่แหละซึ่งที่ผมเล็งๆไว้ก็มี สิงคโปร์ อินโดนีเซียรวมไปถึงบรูไนฯ ซึ่งผมมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องเดินทางให้ครบทุกประเทศในอาเซียนให้ได้เป็นเป้าหมายแรกก่อนที่จะไปถึงเป้าหมายสูงสุดนั่นก็คือไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมเชื่อว่าการเดินทางออกไปท่องโลกก็เปรียบเสมือนการเรียนรู้ซึ่งมันเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าของชีวิตมนุษย์