วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2565

 

EP.80 ป้ายหยุดรถไฟ
สะพานจุฬาลงกรณ์


จังหวัดราชบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดของประเทศไทยที่มีสถานีรถไฟประจำจังหวัดและมีสถานีรถไฟมากกว่า 1 แห่งซึ่งนอกจากจะมีสถานีรถไฟแล้วยังมีป้ายหยุดรถไฟอยู่เช่นกัน โดยป้ายหยุดรถไฟที่มีชื่อเสียงของจังหวัดราชบุรีก็คือ ป้ายหยุดรถไฟสะพานจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นป้ายหยุดรถไฟที่อยู่ใกล้กับสะพานจุฬาลงกรณ์ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง นอกจากนั้นก็ยังอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนในตัวเมืองของจังหวัดราชบุรีอีกเช่นกัน

สำหรับประวัติแบบคร่าวๆของสะพานจุฬาลงกรณ์นั้นเริ่มเปิดใช้งานในปี พ.ศ.2444 ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้มีพิธีการเปิดสะพานอย่างเป็นทางการและได้พระราชทานนามให้ด้วยเช่นกัน โดยสะพานจุฬาลงกรณ์เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำกลองและรถไฟสายใต้ทุกขบวนจะใช้สะพานจุฬากลงกรณ์เป็นเส้นทางข้ามแม่น้ำแม่กลอง นอกจากนั้นสะพานจุฬาลงกรณ์ยังตั้งขนานอยู่กับสะพานธนะรัชต์ซึ่งเป็นสะพานที่รถยนต์จะใช้สัญจรเพื่อข้ามแม่น้ำแม่กลอง

ส่วนในปัจจุบันป้ายหยุดรถไฟสะพานจุฬาลงกรณ์ เป็นหนึ่งในป้ายหยุดรถไฟของจังหวัดราชบุรีและตั้งอยู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ แต่ในอนาคตหากว่ามีการสร้างรถไฟทางคู่สายใต้จนเสร็จสิ้นทาง รฟท.จะทำการยกเลิกป้ายหยุดรถไฟสะพานจุฬาลงกรณ์อย่างเป็นทางการ นอกจากนั้นบริเวณของสะพานจุฬาลงกรณ์ยังเป็นจุดท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรีโดยมักจะมีผู้คนแวะมาถ่ายรูปกับสะพานจุฬาลงกรณ์เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นในช่วงกลางวันหรือช่วงกลางคืน


ป้ายหยุดรถไฟสะพานจุฬาลงกรณ์ ตั้งอยู่ในจังหวัดราชบุรี
และตั้งอยู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้

ป้ายหยุดรถไฟสะพานจุฬาลงกรณ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน
ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับตลาดเก่าและสถานที่ราชการต่างๆ

ใกล้ๆกันก็คือ สะพานจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นสะพานข้าม
แม่น้ำแม่กลองและเปิดใช้งานสมัยรัชกาลที่ 5

สะพานจุฬาลงกรณ์ตั้งขนานอยู่กับสะพานธนะรัชต์
ซึ่งเป็นสะพานที่รถยนต์จะใช้สัญจรข้ามแม่น้ำแม่กลอง

สะพานจุฬาลงกรณ์ในปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ของจังหวัดราชบุรีและจะมีผู้คนแวะมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
27 ธันวาคม 2565

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2565

 

EP.79 จัตุรัสโฮจิมินห์ยามค่ำคืน


ช่วงเวลายามค่ำคืนของมนุษย์เราผมว่ามีความแตกต่างกันไปในความคิดของแต่ละคน บางคนก็คิดไว้ว่ามันคือช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนนอนหลับ บางคนก็ใช้เวลาตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาทำมาหากิน แต่อีกหลายคนก็ใช้เวลาในตอนกลางคืนเป็นการผ่อนคลายและเดินชมสีสันในยามค่ำคืนซึ่งตามเมืองหลวงและตามเมืองใหญ่ต่างๆของแต่ละประเทศก็จะมีการเปิดแสงไฟเพื่อเป็นสีสันในยามค่ำคืนและเป็นเสน่ห์ให้แก่เมืองนั้นๆได้มีสีสันและเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวไปในตัว

ตอนผมไปเที่ยวที่กรุงโฮจิมินห์ตอนเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมก็ไม่พลาดที่จะแวะชมสีสันยามค่ำคืนของกรุงโฮจิมินห์ซึ่งจุดที่ได้รับความนิยมจากคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เป็นบริเวณจัตุรัสโฮจิมินห์ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำไซ่ง่อนมากนักซึ่งเมื่อผมได้ไปเห็นบรรยากาศกับตาตนเองก็ต้องยอมรับว่าที่แห่งนี้เป็นจุดที่ได้รับความนิยมจากผู้คนอย่างมาก โดยมีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมาเดินชมบรรยากาศและนั่งพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก

ส่วนบรรยากาศโดยรวมเท่าที่ได้เดินสำรวจมาก็พบว่ามีผู้คนทุกเพศทุกวัยมาเดินเล่นและนั่งพักผ่อนกันบริเวณจัตุรัสโฮจิมินห์กันพอสมควร โดยจุดเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ก็คือ อนุสาวรีย์ของลุงโฮซึ่งเป็นวีรบุรุษของชาวเวียดนาม ส่วนด้านหลังก็เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกรุงโฮจิมินห์เมื่อถึงตอนกลางคืนก็จะเปิดไฟเป็นอันสวยงามจนกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่สำคัญ ส่วนบรรยากาศอื่นๆก็จะมีผู้คนออกมานั่งพูดคุย จิตรกรมานั่งรับจ้างวาดภาพเหมือน กลุ่มวัยรุ่นเวียดนามมาจับกลุ่มเต้นคัฟเวอร์เพลงและมีคนมายืนเป็นหุ่นนิ่งเพื่อให้ผู้คนได้มาถ่ายรูปและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพวกของกินประเภทสตรีทฟู้ด


จัตุรัสโฮจิมินห์ ถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของกรุงโฮจิมินห์
โดยในยามค่ำคืนจะมีสีสันเป็นอย่างมาก

ศาลาว่าการกรุงโฮจิมินห์กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม
เพราะตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟแสงสีสวยงาม

พื้นที่ลานกว้างตรงจัตุรัสโฮจิมินห์
กลายเป็นแหล่งรวมผู้คนที่จะมาทำกิจกรรมต่างๆ

พวกสถานที่ต่างๆที่ตั้งอยู่รอบๆจัตุรัสโฮจิมินห์มีอยู่มากมาย
ทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านกาแฟ

กลุ่มจิตรกรมานั่งรับจ้างวาดภาพเหมือน

บางคนใช้สีมาทาทั่วตัวแล้วมายืนเป็นหุ่นนิ่ง
เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้มาถ่ายรูป

พวกตึกและอาคารต่างๆล้วนแต่เปิดไฟแสงสีสวยงาม

ของกินประเภทสตรีทฟู้ดก็มีมาขายเช่นกัน
ส่วนพื้นที่ด้านหลังจะเป็น แม่น้ำไซ่ง่อน


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
16 ธันวาคม 2565

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2565

 

EP.78 นั่งเรือเร็วชมบรรยากาศ
แม่น้ำไซ่ง่อน


แม่น้ำไซ่ง่อนเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของกรุงโฮจิมินห์ ปัจจุบันการท่องเที่ยวของกรุงโฮจิมินห์ได้มีการส่งเสริมในด้านการท่องเที่ยวโดยใช้เรือเป็นยานพาหนะซึ่งจุดไฮไลท์เด่นก็คือ การนั่งเรือเร็วชมบรรยากาศของแม่น้ำไซ่ง่อนซึ่งเรือเร็วจะมีให้บริการในหลายช่วงเวลาโดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงสายๆไปจนถึงช่วงมืดค่ำซึ่งบรรยากาศก็จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกนั่งเรือเร็วในช่วงเวลาค่ำเพื่อที่จะชมแสงสียามค่ำคืนบริเวณแม่น้ำไซ่ง่อน

สำหรับเรือเร็วที่ให้บริการในการชมบรรยากาศแม่น้ำไซ่ง่อนจะถูกเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Saigon Water Bus ตอนที่ผมไปเที่ยวที่กรุงโฮจิมินห์ในครั้งล่าสุดก็ได้มีโอกาสนั่งเรือเร็วชมบรรยากาศแม่น้ำไซ่ง่อน โดยเลือกช่วงเวลาในการเดินทางคือประมาณ 10 โมงกว่าซึ่งผมเลือกเดินทางในวันธรรมดาแต่กลับพบว่าเรือเร็วที่ผมจะเดินทางไปนั้นกลับมีนักท่องเที่ยวอยู่หลายคนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนามซึ่งก็บ่งบอกได้ว่า เรือเร็วสำหรับชมบรรยากาศของแม่น้ำไซ่ง่อน ค่อนข้างที่จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากพอสมควร

ส่วนราคาค่าโดยสารของเรือเร็วนั้นจะอยู่ที่ 15000 ดงต่อ 1 เที่ยวซึ่งตีเป็นเงินไทยได้ประมาณ 20 กว่าบาทแต่ถ้าซื้อแบบไปกลับก็จะอยู่ที่ 30000 ดงหรือ 40 กว่าบาทซึ่งผมเลือกเดินทางแบบไปกลับ โดยที่เรือเร็วจะเริ่มต้นออกเดินทางจากท่าเรือบัคดังและจะวิ่งไปสิ้นสุดตรงท่าเรือลินดอง โดยจะใช้เวลาในการเดินทางต่อ 1 เที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าซึ่งบรรยากาศที่เรือเร็วแล่นผ่านก็จะเจอบ้านเรือนของผู้คนที่อยู่ริมแม่น้ำไซ่ง่อนและพวกตึกอาคารต่างๆที่ตั้งอยู่อย่างเรียงราย


เรือเร็วที่มีบริการในด้านการท่องเที่ยวของกรุงโฮจิมินห์
โดยมีไว้สำหรับชมบรรยากาศของแม่น้ำไซ่ง่อน

เรือเร็วจะเริ่มต้นให้บริการจากท่าเรือบัคดัง
และจะไปถึงจุดสุดท้ายที่ท่าเรือลินดอง

ตารางเวลาที่เรือเร็วจะวิ่งให้บริการ
โดยจะมีหลายช่วงเวลาตั้งแต่สายๆไปจนถึงช่วงค่ำ

บรรยากาศบนเรือเร็วซึ่งมีผู้โดยสารพอสมควร
แม้ว่าจะเป็นการเดินทางในวันธรรมดาก็ตามที

ขนมหลากหลายที่มีขายอยู่บนเรือเร็ว

ตึกสูงตั้งอยู่อย่างเรียงรายบริเวณริมแม่น้ำไซ่ง่อน

สะพานข้ามแม่น้ำไซ่ง่อน โดยที่เรือเร็วจะแล่นผ่าน
ลอดใต้สะพาน

บ้านเรือนของผู้คนที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ซึ่งถ้าเป็น
ตอนกลางคืนจะเห็นสีสันจากแสงไฟที่ประดับกันอย่างสวยงาม

เรือเร็วจะเดินทางจากท่าเรือบัคดังมาถึงจุดหมายปลายทาง คือ
ท่าเรือลินดอง โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า

ผู้โดยสารกำลังนั่งรอเรือเที่ยวขากลับไปยังท่าเรือบัคดัง


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
12 ธันวาคม 2565

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2565

 

EP.77 อู่รถเมล์ย่านฟามงูเหลา


รถเมล์เป็นยานพาหนะที่ใช้สัญจรกันในตัวเมือง โดยตามพวกเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆของแต่ละประเทศก็ล้วนแต่มีรถเมล์ให้บริการแก่บรรดาพ่อแม่พี่น้องประชาชนในประเทศกันทั้งนั้นอย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานครก็มีรถเมล์วิ่งให้บริการแก่ผู้โดยสารกันอยู่หลายสายซึ่งก็ไม่ต่างจากที่กรุงโฮจิมินห์ในประเทศเวียดนามซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศ แต่ก็เป็นเมืองสำคัญและเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในโซนเวียดนามตอนใต้

สำหรับรถเมล์ที่วิ่งให้บริการในกรุงโฮจิมินห์ก็มีอยู่มากมายหลายสาย ตอนผมไปโฮจิมินห์ในแต่ละครั้งก็มักหาโอกาสนั่งรถเมล์อยู่เสมอซึ่งสายที่นั่งบ่อยสุดก็คงจะเป็นสายที่วิ่งระหว่างย่านฟามงูเหลาและสนามบินเตินเซินเญิ้ตซึ่งบริเวณย่านฟามงูเหลาก็เปรียบเสมือนย่านถนนข้าวสารในกรุงเทพฯซึ่งก็จะเป็นแหล่งรวมที่พัก ร้านอาหาร ผับบาร์ บริษัททัวร์ต่างๆซึ่งจะเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินกันให้ขวักไขว่นั่นจึงทำให้มีอู่รถเมล์ตั้งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณย่านฟามงูเหลา

ส่วนมากแล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะไม่ได้นั่งรถเมล์ท้องถิ่นกันมากนัก แต่ถ้าใครอยากจะสัมผัสบรรยากาศแบบท้องถิ่นผมว่าก็ควรที่จะมาลองนั่งสักครั้ง โดยรถเมล์ในย่านฟามงูเหลาก็มีอยู่หลายสายทั้งรถเมล์ที่วิ่งไปสนามบินซึ่งก็คือ สาย 109 ส่วนสายอื่นๆก็จะวิ่งไปตามจุดหมายปลายทางต่างๆในพื้นที่ของกรุงโฮจิมินห์ ส่วนบรรยากาศของรถเมล์ที่เวียดนามจากที่ผมเคยนั่งมาแล้วก็พบว่าไม่ได้แตกต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่ เพราะเวียดนามยังใช้ระบบเก็บเงินโดยมีกระเป๋ารถเมล์เป็นคนเดินเก็บเงินแต่แตกต่างกันเล็กน้อย คือ เมืองไทยจะมีกระบอกตั๋วรถเมล์ส่วนที่เวียดนามจะไม่มีซึ่งเมื่อจ่ายเงินเสร็จกระเป๋ารถเมล์ก็จะส่งตั๋งมาให้แก่ผู้โดยสาร


อู่รถเมล์ย่านฟามงูเหลาของกรุงโฮจิมินห์
จะมีรถเมล์จอดอยู่หลากหลายสาย

ผู้โดยสารชาวเวียดนามกำลังนั่งรอรถเมล์ในช่วงเวลาเย็น

รถเมล์วิ่งเข้ามาจอดเพื่อรับส่งผู้โดยสาร

รถมินิบัสสาย 109 คันนี้เป็นรถที่วิ่งรับส่งระหว่าง
ย่านฟามงูเหลาไปยังสนามบินเตินเซินเญิ้ต

ป้ายรถเมล์ที่บอกสายรถเมล์ที่จะมาเข้าจอด
และเส้นทางต่างๆที่รถเมล์จะวิ่งผ่าน

ผมไปถ่ายบรรยากาศตอนช่วงเย็น
ซึ่งเวลานั้นที่โฮจิมินห์ฝนกำลังตกลงมาพอดี


คลิปวีดีโอ


เขียนโดย MarkMetalFootballTravel
4 ธันวาคม 2565